ลึกๆ แล้ว เราเชื่อว่า จักรพันธุ์ ขวัญมงคล เป็นคนรุ่มรวยอารมณ์ขัน นับตั้งแต่รู้จักกันผ่านผลงาน
การเขียน เราก็จับลีลาความขี้เล่นในน้ำเสียงของชายคนนี้ได้เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นคำ เล็กๆน้อยๆ การเล่าเรื่องที่ชวนขบชวนคิดและชวนขำเป็นฉากๆ ไปจนถึงการจิกกัดตัวเองอยู่บ่อยๆ ที่หลายครั้งหลายคราเรียกเสียงฮาจากเราได้เป็นระยะๆ
เราจึงไม่พลาดที่จะเอ่ยปากชวนเขามาเขียนเรื่องขำขันสไตล์จักรพันธุ์แบบเต็มตัว แต่ผิดคาดที่เขาปฏิเสธเราอย่างเร็วไว ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าช่วงเวลาของการเขียนเรื่องแบบนั้นมันผ่านมานานแล้ว จะให้เขียนเรื่องตลกเป็นพรืดๆ ก็เหมือนการให้ออกไปเล่าเรื่องตลกบนเวที ใครมันจะไปอยากเล่ากัน! (ข้อความหลังๆ เขาไม่ได้พูด เราจินตนาการเอาเองจากน้ำเสียงและท่าทางของเขา)
“แต่กำลังเขียนนวนิยายอยู่นะ ไว้จะส่งให้อ่าน” มรดกตกผลึก คือนวนิยายที่จักรพันธุ์ว่าเอาไว้ แรกที่ได้รับเขาทำให้เราสงสัยว่าการสนทนากันครั้งก่อน เขาคิดแบบนั้นจริงจังหรือกำลังเล่นมุขกันแน่ เพราะนวนิยายในมือคุณเล่มนี้ ดำเนินเรื่องโดยตลกคนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูกลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา แถมบรรยากาศในเรื่องยังพาเราย้อนกลับไปนึกถึงยุคตลกคาเฟ่ยังรุ่งเรือง อบอวลไปด้วยการเล่นมุขที่มีมาไม่ขาด คลอเคล้ากับบรรยากาศแบบไทยๆ
อ่านแล้วยิ้มมุมปากพร้อมขำเป็นระยะอย่างนี้ ยังจะไม่ให้เรียกว่าเรื่องตลกอีกหรือ!
"ก็ไม่ใช่น่ะซี่” จักรพันธุ์ไม่ได้ตอบ แต่คล้ายว่าเราได้ยินเช่นนั้น เพราะขณะที่ความเฮฮาดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็สัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียง ความขึงขังในบรรยากาศ และมวลความรู้สึกบางอย่างในเรื่องเล่าที่จะว่าเศร้าก็ไม่เชิง จะว่าร่าเริงก็ไม่ใช่
มันเป็นมวลความรู้สึกคล้ายเวลาหันไปมองเรื่องเก่าๆ ในชีวิต ที่ในช่วงขณะนั้นเราอาจเครียดแทบตาย แต่เมื่อผ่านมันมาได้ก็กลับกลายเป็นเรื่องขำขัน
และในขณะเดียวกัน มรดก—ที่อยู่ในรูปแบบนวนิยายจากจักรพันธุ์ก็พาเราไปหาอีกซอกหลืบของชีวิต ว่าท่ามกลางเสียงหัวเราะเหล่านั้น เราเคยปกปิดอะไรเอาไว้ และเราจะกล้าเผชิญหน้ามันเมื่อไร
มีแต่เราเท่านั้นที่รู้อยู่ลึกๆ
สำนักพิมพ์แซลมอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in