เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
(Fanfic) #คู่ที่ไม่รู้จะเรียกอะไรeasy like Sunday
"Untitled"
  • Talk : อย่าแปลกใจทำไมเขียนจบ อินนักแหละกะเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้ ฮือ5555


    - - - - - -

    ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียกและเอ่อ...ค่อนข้างจะซับซ้อน

    ภายใต้แสงไฟเจิดจ้าและสายตาของเหล่าผู้ชมที่จับจ้อง จะมีเขายืนอยู่ข้าง ๆ เกือบจะทุกครั้ง

    น้ำเสียงติดแหบดังก้องกังวานคลอเคล้าไปกับเสียงเครื่องดนตรีดังกระหึ่มจากจากเหล่าเพื่อนร่วมทางฝัน แต่เสียงเบสในมือเขากลับสัมผัสได้เด่นชัดที่สุด

    ไม่ใช่ว่าไม่สนิทกับสมาชิกคนอื่น พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาร่วมสิบปี แต่กับเขา มันแตกต่างออกไป

    บางครั้งเราแค่สบตากัน ริมฝีปากเผยอรอยยิ้มตอบรับเล็กน้อย

    บางครั้งก็นึกสนุกอยากจะแหย่เล่น มันอดไม่ได้ที่จะทำให้คนเท่ของสาว ๆ หลุดมาด ปล่อยรอยยิ้มขัดเขินด้วยการเอ่ยปากแซว หรือทำท่าประหลาด ๆ ใส่

    บางครั้งก็เผลอใจเข้าไปใกล้ ซบหน้าเอาคางเกยที่ลาดไหล่กว้าง หรือไล้มือไปตามต้นแขน แตะแผ่นอกแล้วคว้าหมับเข้าที่เอวหรือสะโพกไม่เบามือนัก

    ได้หัวเราะชอบใจตอบสายตาเอาเรื่องของอีกฝ่าย ถูกเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเหมือนเป็นการก่อกวนล้อเล่นแค่นั้น ความรู้สึกอึดอัดกดดันบนเวที จากความเหนื่อย หรือจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ก็คลายลงทุกครั้งที่เข้าใกล้

    กระทั่งการขึ้นร้องเพลงตามงานโดยไม่มีเพื่อนร่วมวง แม้ส่วนมากจะทำได้สบาย ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่ง ๆ โหวง ๆเมื่อไม่มีใครคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน

    อาจฟังดูเห็นแก่ตัวแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองติดเจ้าคนตัวสูงนี้มากพอสมควร

    เป็นเหมือนอากาศ อยู่รอบ ๆตัวตลอดเวลา ถ้าวันนึงขาดหายไปก็คงจะแย่


    แต่ความสัมพันธ์ของเราก็ยังคงไม่มีชื่อเรียก

     

    ถึงเพื่อนร่วมวงคนอื่นจะคาดคั้นขนาดไหนเราทั้งคู่ก็ไม่เคยมีคำตอบให้กับพวกมัน (นอกจากคำว่าเสือก)

    “นี่ผัวผมเอง” เคยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เอื้อมโอบไหล่อีกฝ่ายสุดแขน ทำคนข้างกายเปลี่ยนสีหน้า เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นไปเรื่อย แต่ทุกคนรู้ดี มันก็แค่การพูดเล่นไปตามบรรยากาศเหมือนที่พูดกับคนนู้นคนนี้เป็นประจำ

     

    ก็ยังไม่ใช่คำอธิบายที่ถูกต้องอยู่ดี

     

     

    เรายืนหันหน้าไปคนละทาง คนนึงหลังพิงระเบียง อีกคนหันออกไปมองวิวทิวทัศน์ของเมืองรอบ ๆ

    คนอื่น ๆ พากันเมาพับหลับกันเกลื่อนกลาดในห้องพัก

    เราไม่ได้พูดอะไรกันนอกจากตอนที่ชวนเขาออกมาสูดอากาศจากห้องที่มีแต่กลิ่นเหล้ากับบุหรี่  ความเงียบเริ่มโรยตัว แว่วเสียงรถยนต์ เสียงผู้คนยามกลางคืนลอยขึ้นมาจากข้างล่างพอไม่ให้วังเวงเกินไป

    เอนหัวไปซบไหล่กว้างของคนสูงกว่า ปล่อยให้มือใหญ่ไล้นิ้วไปตามไรผมตัดสั้นเล่น

    เอาจริงๆ ก็เป็นแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้ว

    ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความหมายในดวงตาสีเข้มกับรอยยิ้มขำระคนเอ็นดูที่ได้รับ ใช่ว่าจะไม่คิดอะไรเวลาที่อีกฝ่ายสัมผัสตอบ ใช่ว่าจะไม่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวกับสายตาทิ่มแทงจากข้างหลังเวลาเหล่าแฟน ๆ ชายหญิงเข้ามาหา และไม่ใช่ตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรเวลาที่สาว ๆ สนอกสนใจคนตัวสูงจนออกนอกหน้า

    แน่นอน อีกฝ่ายก็น่าจะรู้ นั่นสิ เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ แค่ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายพูดก่อนเท่านั้นแหละ

    กลัวเหรอ ก็ไม่นะ ชัดเจนขนาดนี้มีอะไรต้องกลัว

    ก็ชัดเจนทุกการกระทำ ยกเว้นคำพูด

    ‘เหมือนพวกมึงเล่นเกมกันอะ’ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้มือกีตาร์ของวงพูดแทรกขึ้นมาในตอนที่เรากำลังถูกสมาชิกคนอื่นเค้นเอาคำตอบ ‘ใครพูดก่อนแพ้งี้’

    เราสบตากัน หัวเราะก่อนจะบ่ายเบี่ยงไปเรื่องนู้นเรื่องนี้แทน

    “ไม่ใช่เกมไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละ แค่ไม่รู้จะคิดให้วุ่นวายใจไปทำไม” เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของเราสองคน เขาละมือออกจากเส้นผม ขยับเอียงตัวหันหน้ามาหา

    “ถ้าคิดแล้วมันปวดหัวก็ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเรียกอะไร” รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่แนบเข้าที่ขมับ แก้ม ใบหู จนต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วต้องเงียบเสียงลงเพราะริมฝีปากถูกช่วงชิงไป

     

    เขาไม่ได้คาดคั้นอะไรมากกว่านั้น

    ในเมื่อเราทั้งคู่สบายใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ ก็จริงอย่างที่ว่า 


    ถ้ามันคิดมากก็ไม่ต้องไปคิดถึงมัน


    รู้แค่อยู่ด้วยกันตรงนี้แล้วมีความสุขยืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เป็นเหมือนอากาศให้กันไปเรื่อย ๆ ก็พอมั้ง

     “....”


    ภาพประกอบ : 90_skull


    ปล. ทำไมมันไม่ขึ้นหน้าแรก ช่วยด้วย กรี๊ส

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in