/ คำนำสำนักพิมพ์ /
เมื่อถูกถามว่า “งานในฝันคืออะไร” ตอนเป็นเด็กเราอาจตอบได้อย่างฉะฉาน แต่เมื่อถูกถามด้วยคำถามเดียวกันในวัยที่โตขึ้นมาหน่อย หลายครั้งเราต้องหยุดคิดหนึ่งเฮือกใหญ่ พลางนึกต่อไปว่าจะมีงานไหนที่เป็นได้เหมือนดังฝันมั้ย
ต่อให้ได้เดินตรงทางตามใจหวัง แต่หลายครั้งพอโดนเกี่ยวด้วยลวดหนาม เราก็ได้แต่ลูบแผลแล้วถามตัวเองอีกครั้งว่านี่คืองานในฝันแล้วจริงหรือ
ยังไม่นับกับการเดินไม่ถูกทางที่หลายครั้งกว่าจะหาป้ายยูเทิร์นเจอก็ทำเอาเสียเวลาไปหลายกิโลฯ
เราจึงได้แต่อิจฉาคนที่เดินต่อตามใจฝันโดยไม่สนว่าต้องล้มลุกคลุกคลานเท่าไร
ปลายปี 2016 ทีมแซลมอนพากันยกพลขึ้นเชียงใหม่ จัดงานมหแบหนังสือแห่งชาติ (ใช่ คุณอ่านไม่ผิด งานชื่อมหแบจริงๆ...) เพื่อนำหนังสือและนักเขียนของเราไปพบปะผู้อ่านภาคเหนือ ในงานนั้นเรามีเซสชั่นพิเศษชื่อว่า Meet the Editor หรือการเปิดให้นักเขียนทางบ้านนำต้นฉบับมาคุยกันแบบตัวต่อตัว
เราได้พบนักเขียนหลายคน หนึ่งในนั้นคือ โสภณ ศุภมั่งมี
เขาหอบต้นฉบับมาหนึ่งปึกใหญ่ โดยรวมแล้วมันว่าด้วยเรื่องราวของความหวัง ความฝัน และแรงบันดาลใจ
บอกตามตรง หลังนั่งอ่านไปได้สักพัก เราเตรียมบอกปัดด้วยเหตุผลว่าต้นฉบับของเขาไม่ใช่แนวทางถนัดของสำนักพิมพ์ แต่ทันทีที่พลิกไปเจอประวัติ แล้วไล่สายตาพบว่า เขาเคยทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ไมโครซอฟต์เกือบห้าปี เราเลยสงสัยว่าแล้วทุกวันนี้เขาทำอะไร
ช่วยธุรกิจที่บ้าน คือคำตอบ
ด้วยความอยากรู้เราเลยซักไซ้ต่อว่าไปทำอีท่าไหน ถึงได้ไปเป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัทระดับโลกได้ เมื่อเขาตอบมาเราก็ยิงคำถามต่อไม่ยั้งว่า แล้ววัฒนธรรมที่หลอมรวมคนจากทั้งโลกไว้ด้วยกันวุ่นวายบ้างไหม ความเหนื่อยยากของโปรแกรมเมอร์เป็นอย่างไร และที่เขาว่าคนเหล่านี้เนิร์ดนั้นจริงหรือเปล่า
เรื่องราวที่เขาเล่าในวันนั้นกลายเป็นที่มาของหนังสือในมือคุณเล่มนี้
ไม่ใช่เพราะเกรงใจที่ปล่อยให้เขาเล่ายืดยาว แต่เป็นเพราะเรื่องที่เขาเล่าทำให้เราได้พบกับทางเดินใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อน
ทางของคนเนิร์ดๆ
ตามความเข้าใจทั่วไป เมื่อพูดคำว่าเนิร์ดเราอาจนึกถึงคนที่นั่งหลังขดหลังแข็งหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อกระทำการเขียนโค้ด สร้างโปรแกรม พัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ
แต่เนิร์ดที่อยู่ในชื่อของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มีความหมายเพียงเท่านั้น เราหมายถึงคนที่หมกหมุ่นกับความฝันจนไม่สนว่าต้องล้มแล้วลุกสักกี่ครั้งต่างหาก
เรารู้ตั้งแต่ต้นว่าความฝันในการเป็นโปรแกรมเมอร์ของโสภณจบลงแล้ว แต่เมื่อฟังน้ำเสียง และมองคนตรงหน้า เรากลับพบว่าเขาไม่เคยลืมฝันนั้น ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย จะฝากบาดแผลไว้เท่าไร เขาก็เล่าถึงมันอย่างสบายใจ เราเลยชวนเขานำความฝันที่จบไปมาผสมกับเส้นทางความฝันครั้งใหม่จนกลายเป็นหนังสือเล่มนี้
หนังสือที่ทำให้เราต้องกลับมามองตัวเองอีกครั้งว่าการเดินบนเส้นทางฝัน
เราเนิร์ดกับมันพอหรือยัง
สำนักพิมพ์แซลมอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in