เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[แปล] TSM SS2 + Official Fic + Spacial ChapterSolitaryRabbit
[แปล] SIDE STORY - การพบกันที่ไม่คาดคิด
  • ตอนพิเศษคุณสุ่ย แปลแบบกูเกิ้ลทรานสเลทงู ๆ ปลา ๆ + เกลาคำเท่าที่เกลาได้ไม่ได้ตรวจทานมากนะคะ บางประโยคอาจไม่เป๊ะกับต้นฉบับ เพราะเราแปลไม่ออกเลยทู่ซี้ดำน้ำมั่วประโยคลงไปเอง แล้วก็ไม่แน่ใจว่าสำนวน สรรพนามที่ใช้ควรเป็นยังไงด้วย

    หากมีคำแนะนำเกี่ยวกับประโยคที่เราแปลไม่ได้ แปลมั่ว หรือสรรพนาม คำเฉพาะพวกชื่อ สถานที่ ที่เราแปลผิดเพราะอ่านจีนไม่ออกเลย (ดำน้ำให้กูเกิ้ลแปลจีนเป็นอังกฤษกับไทยแล้วทาบดูเพื่อเกลี่ยคำอีกรอบ) สามารถแจ้งในคอมเม้นต์ได้ทันที 

    ส่วนเรื่องความสละสลวยของภาษา สามารถติชมได้ แต่อาจจะแก้เฉพาะเวลาสะดวกจริง ๆ เพราะเราแปลเล่น ๆ เลยไม่ได้อ่านทวนเท่าไหร่ พอจะรู้ตัวว่ากูเกิ้ลมันแปลมาแข็งอยู่ค่ะ 

    อื่น ๆ สามารถเม้าท์มอยเนื้อเรื่องได้ สปอยได้ ไม่เป็นปัญหาค่ะ เพราะทั้งบทความน่าจะเป็นการสปอยภาค 2 ทั้งหมด คนที่ไม่ต้องการสปอย รอมีคนซื้อแปลไทยมา ไม่ควรเข้ามาอ่านค่ะ ปิดเดี๋ยวนี้!

    SPOILER * มีส่วนที่สปอย TSM ภาค 2 เล่ม 9 (ต้น)

    ก่อนหน้าจะลงตอนนี้ เหมือนว่าคุณสุ่ยเคยบอกว่าฟั่นถ่งจะไม่มีวันได้เจอกับชิงหลาน หลังจากนั้นตอนนี้ที่โผล่ออกมามันคืออะไรกันนะ...555

    แต่คุณสุ่ยเกริ่นว่าไม่น่าได้รวมในเล่มอฟชนะคะ เหมือนแต่งเล่นเท่านั้น

    .
    .
    .
    --------------------------------

    [การพบกันที่ไม่คาดคิด]


    หลังจากโดนคำสาป ฟั่นถ่งใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และในที่สุดเขาก็เริ่มที่ชินกับมัน

    แน่นอนว่ามีเพียงแค่เขาที่ปรับตัวเข้ากับคำสาป ไม่มีทางอยู่แล้วที่คำสาปจะมาปรับตัวให้เข้ากับเขา ฟั่นถ่งยอมรับความจริงข้อนี้อย่างจำนนจนใจ

    กระทั่งวันหนึ่งที่เขาบังเอิญผ่านไปที่มหาลัยเก่า*ของตัวเอง พวกเขากำลังจัดกิจกรรมกันอยู่ ด้วยนึกสนุกขึ้นมา เขาจึงลองเดินเข้าไปดู หวังว่าจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นบ้าง ส่วนจะซื้อหรือไม่ซื้ออะไรนั้น ก็คงต้องขอเดินดูบูธพวกนี้ก่อนเป็นธรรมดา

    อา...เพียงแค่พริบตาเดียว เขาก็กลายเป็นศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปซะแล้ว ปีนี้ไม่รู้ว่าเหล่ารุ่นน้องจะจัดบูธแบบไหน? สำหรับบูธที่เกี่ยวข้องกับการดูดวง ตราบใดที่ตั้งใจทำอย่างจริงจัง ธุรกิจมันก็ควรจะไปได้ดีใช่ไหมนะ?

    ฟั่นถ่งมองหาบูธที่เหล่ารุ่นน้องของเขาจัดขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังหาสถานที่เจอแล้ว เขาก็พบกับบูธที่ประดับประดาไปด้วยลูกแก้ว ไม้เท้า และเครื่องประดับต่าง ๆ จากนั้นเขาก็มองไปที่ป้ายหน้าร้าน

    บ้านดูดวงอดีตและปัจจุบัน

    ...มันคงจะมากเกินไป หากเขาจะพูดว่าตัวเองสามารถมองเห็นอดีตของคนอื่นได้ แต่รุ่นน้องของเขากลับทำมันได้งั้นเหรอ? หรือนี่มันจะเป็นการหลอกลวงจริงๆ!

    อาจจะเป็นเพราะเขายืนอยู่หน้าบูธเป็นเวลาสามวินาที นักศึกษาหญิงในบูธจึงเดินออกมาทักทาย

    "พ่อรูปหล่อ อยากเข้ามาดูไหม บูธของเรามีคนทรงที่แก่กล้ามาก สามารถทำให้คุณคุยกับอดีตชาติได้! และเพราะนี่เป็นงานฉลองพิเศษของมหาลัย คิดแค่ 500 หยวนเท่านั้น!"

    ไม่เรียกลูกค้าแปลกไปหน่อยหรือ? ถ้าจะดึงความสนใจลูกค้าก็ควรจะบอกว่าสามารถแสดงคู่แต่งงานในชาติที่แล้วได้ ทำไมถึงไม่ให้ดูโฉมหน้าคู่รักชาติก่อนแล้วอวดความสวยใหญ่โตจะได้โกงเงินได้มาก ๆ ! มีลูกค้าที่สนใจคนรักในอดีตชาติมากกว่าผู้ที่ต้องการคุยกับตัวเองในชาติที่แล้วแน่นอน!

    "ได้ ขอบคุณ..."

    ...

    เขาหมายความว่า ไม่ ขอบคุณ...ห้าร้อยหยวนของฉัน...

    "ดีเลย เชิญทางนี้!"

    นักศึกษาหญิงพาเขาเข้าไปอย่างตื่นเต้น และตะโกนบอกคนข้างในทันที

    "ในที่สุดเราก็มีแขก!"

    คุณผู้หญิง...พิจารณาอารมณ์ของแขกด้วย! คำพูดที่ชวนให้รู้สึกเหมือนในที่สุดก็จับแกะอ้วนได้แล้วหมายความว่ายังไง?

    เพราะหน้าไม่หนาพอ ฟั่นถ่งรู้สึกอายจริง ๆ ที่จะบอกว่าเขาอยากจะออกไป สุดท้ายแล้วเขาจึงต้องมานั่งอยู่ในข้างในอย่างเชื่อฟัง คิดว่าตัวเองอาจจะอยากใช้จ่ายเงินเพื่อสัมผัสประสบการณ์ดู และรอนักศึกษาสาวสวมหน้ากากต่อหน้าเขา ก่อนที่เธอจะเริ่มพูด

    "สวัสดี ให้ฉันแนะนำขั้นตอนสั้น ๆ ให้คุณรู้..."

    ในเวลานี้ ฟั่นถ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอะไรสักคำขึ้นมา

    "เอ่อ...ถ้าเธอต้องการสร้างบรรยากาศให้ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญ สวมเสื้อคลุมสีขาวจะไม่ดีกว่าหน้ากากเหรอ?"

    "เอ่อ…ไม่ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ฉันแค่เป็นหวัด"

    นี่เขาคิดมากไปเองเหรอ น่าอายจริง ๆ ...

    "เราจะใช้วิธีสะกดจิต หลังจาก แค่ก แค่ก...หลังจากร่ายเสร็จคุณสามารถสนทนากับอดีตชาติของคุณได้ จำกัดเวลาคือ 15 นาที หากคุณต้องการขยายเวลา 1 นาที จ่ายเพิ่มอีกหนึ่งร้อยหยวน"

    มีการต่อเวลาเหมือนไปร้องคาราโอเกะด้วยหรือ? แต่ราคานั่นมันแพงเกินไป!  15 นาทีเดิมใช้แค่ห้าร้อยเท่านั้น!

    "เมื่อพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย!"

    ฟั่นถ่งพยักหน้า ดังนั้นอีกฝ่ายจึงยื่นมือมาทางศีรษะของเขา และแม้ว่าทัศนวิสัยของเขาจะมืดมัวลง แต่เขาก็ไม่ได้หมดสติไป

    ดูเหมือนว่า...เธอจะทำได้จริง ๆ เหรอ? เขารู้สึกว่าอยู่ในมิติที่ต่างออกไปในทันที แล้วอดีตชาติของเขาล่ะ? อยู่ไหน?

    ตอนนั้นเอง ที่ร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า และชัดเจนขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ผมสีดำ นัยน์ตาสีม่วง และเสื้อผ้าที่ดูสลับซับซ้อน พิจารณาจากสิ่งที่เขาสวมใส่ ตัวตนของเขาคงไม่ได้มีฐานะต่ำต้อย แต่สิ่งที่ฟั่นถ่งสังเกตเห็นแรกสุดนั้นเป็นสิ่งอื่น

    เขาสูงกว่า...

    แถมยังหล่อกว่าผมอีก

    เดี๋ยวก่อนนะ อดีตชาติแบบไหนที่คนทั่วไปอยากจะเห็น? รู้ตัวว่าชาติที่แล้วดีกว่าตัวเองในปัจจุบัน นั่นมันไม่แย่เกินไปหน่อยหรือ?

    ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเขาหลังจากที่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแนะนำตัวเองด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

    "ข้าคือหัวหน้านักบวชคนสุดท้ายของราชวงศ์ ชิงหลาน มีอะไรให้ช่วยหรือ?"

    ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากนักศึกษาสาวคนนั้นสร้างภาพมายาแบบนี้ขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ เธอคงจะเก่งมากจริง ๆ

    แล้วเขาควรจะพูดอะไรตอนนี้? คุณครับ คุณคืออดีตชาติของผมจริง ๆ หรือ? แม้ว่าคุณเป็นผมจริง ๆ ผมก็รู้สึกไม่ค่อยคล้ายคลึงกับคุณเลย

    "คุณน่าจะเนื้อหอมกับพวกผู้หญิงมากใช่ไหม?"

    ฟั่นถ่งถามคำถามนี้อย่างหดหู่ ดูเหมือนว่าคำสาปจะไม่มีผลที่นี่ ซึ่งทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย

    หลังจากที่เขาถามเสร็จ ใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนของชิงหลานก็เปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนว่าคำถามนี้น่าสนใจสำหรับเขามาก แต่ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังหรอก

    "คนที่ถามคำถามนี้กับข้า คงจะอิจฉาข้า หรืออาจจะอยากจะสารภาพรักกับข้า เจ้าเป็นแบบไหนกัน?"

    ห๊ะ?

    เดี๋ยวก่อนนะ จู่ ๆ บรรยากาศของนายก็เปลี่ยนไป! นายจะหลงตัวเองมากเกินไปหน่อยรึเปล่า รู้ไหมว่าฉันคือนายที่กลับชาติมาเกิดใหม่?

    "คุณจะถูกผู้ชายมาสารภาพรักบ่อย ๆ หรือ แค่ล้อเล่นกันใช่ไหม?"

    "ขอโทษที ปกติจะเป็นผู้หญิงมาสารภาพ มีผู้ชายแค่คนเดียวที่มาสารภาพ แต่เขาเป็นคนที่มาบ่อย ๆ นะ อยากจะรู้อะไรอีกล่ะ?"

    "สารภาพแบบไหนกัน?"

    "โอ้ ประมาณว่า...ข้าชอบเจ้า ข้ารักเจ้าแทบขาดใจ ได้โปรดอยู่กับข้าในชีวิตนี้**"

    "มีผู้ชายสารภาพกับคุณจริง ๆ เหรอ?"

    "ทำไมเจ้าถึงดูอิจฉาข้าขนาดนี้? ถึงแม้ว่าข้าอยากจะบอกว่าไม่มีอะไรให้อิจฉา แต่หลังจากคิดดูแล้ว มันก็น่าอิจฉาจริง ๆ ไม่เป็นไรถ้าเจ้าจะไม่เข้าใจ ข้าก็แค่อยากอวดบ้างนิดหน่อย"

    ...นายไม่นิสัยเสียไปหน่อยเหรอ? นายจะคบหาเพื่อนฝูงทั้งที่เป็นอย่างนี้อะนะ?

    "นายมีเพื่อนบ้างไหมเนี่ย?" (เพื่อความสนิทสนม คนแปลขอเปลี่ยนเป็นนายเลยแล้วกั๊น!)

    "ข้ามีเพื่อนหลายคนและทุกคนก็ชอบข้า"

    "แล้วนายมีคนรักหรือยัง?"

    "ไม่ นักบวชไม่สามารถมีคนรักได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะมีคนรักนับไม่ถ้วน"

    "นับไม่ถ้วนหมายความว่ายังไง เพราะว่านายน่ารำคาญเกินไปเหรอ?"

    "เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ข้าไม่ได้นอกใจ แค่ว่าพวกเขาเลิกกับข้าอย่างรวดเร็ว บุคลิกแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้าก็จะพบคนต่อไปในไม่ช้า"

    ปรากฎว่านายเองก็รู้ตัวด้วย! ถ้าอยากให้คนอื่นทนกับนิสัยส่วนตัวของตัวเองได้ ถึงหน้าตาไม่หล่อก็ไม่ได้สำคัญอะไร ใช่ไหม?

    "แต่เจ้าไม่ต้องรู้สึกเสียใจแทนข้า ข้าไม่คิดว่ามีอะไรแย่เกี่ยวกับมัน"

    "นายเคร่งศาสนามากเหรอ?"

    "เคร่งศาสนา? ข้าไม่เชื่อในพระเจ้า เจ้าอย่าเข้าใจผิด"

    นักบวชไม่เชื่อในพระเจ้า? นี่นายนับถืออะไรกันแน่?

    "ฉันคิดว่านักบวชอุทิศชีวิตให้กับพระเจ้า พวกนายเลิกมีคนรักก็เพราะเหตุนี้ไม่ใช่หรือ?"

    "ชีวิตของข้าอุทิศให้กับคนคนหนึ่ง และเจ้าอาจไม่เข้าใจคำเรียกที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถือว่าเขาเป็นเหมือนพระเจ้าก็ได้"

    เข้าใจง่ายขึ้นมาก! เขาตอบคำถามให้ดีแต่แรกไม่ได้เหรอ?

    "เพื่อนของนายต้องเป็นคนที่น่ารำคาญเหมือนนายแน่ ๆ ..."

    "คนที่เจ้าพูดถึงเรียกว่าเพื่อนเลว เพื่อนของข้าใสซื่อ ใจดี น่ารัก เป็นคนไม่ค่อยพูด อยากคุยเรื่องเพื่อนของข้าไหม ข้าสนใจหัวข้อนี้มากกว่า"

    เมื่อชิงหลานพูดแบบนี้ เขาดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ฟั่นถ่งเห็นแบบนั้นก็พูดไม่ออก

    ใครจะสนใจพูดคุยเกี่ยวกับเพื่อน ๆ ของตัวเอง ความสนใจของนายแปลกเกินไปแล้ว!

    "ไม่ ฉันไม่ค่อยสนใจหัวข้อนี้... "

    "ไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แค่ฟังข้าก็ได้ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่ เจ้าจะบอกได้เลยว่าเขาเป็นคนดีมาก ดังนั้นอย่าเย็นชานักเลย"

    ฉันเป็นเพื่อนนายเมื่อไหร่! ต้องจ่ายเงินเพื่อมาคุยกับนาย แถมจ่ายแล้วยังต้องมาฟังนายอวดเพื่อนอีก นี่มันอะไรกัน?

    "คุณลูกค้า คุณเหลือเวลาอีกสองนาที ต้องการต่อเวลาไหม? แค่ตอบในใจก็พอ"

    อะไรนะ? เร็วมาก?

    "ฉันเหลือเวลาอีกสองนาที! ไม่มีเวลาฟังเรื่องเพื่อนของนาย!"

    “ข้าไม่คิดว่ามันสูญเปล่าเลยนะ ที่จะฟังข้าพูดถึงเพื่อนด้วยเวลาสองนาที ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีอะไรจะถามข้าอีกไหม?”

    นี่...คิดดูแล้ว ยังไงก็ตาม เขาจะไม่ต่อเวลาออกไปอีก เป็นการดีที่สุดที่จะไม่เสียเงินร้อยหยวนต่อนาทีเพื่อให้นายได้อวดเพื่อน ๆ !

    "แล้วนายมีความสามารถพิเศษอะไรล่ะ?"

    "ข้าทำอาหารเก่ง ต่อสู้เก่ง และโดดเรียนเก่ง"

    อย่างหลังไม่ใช่ความสามารถพิเศษ! ไม่นับ!

    ทำอาหารกับต่อสู้...เขารู้สึกว่าไม่ควรจะพูดถึงมัน เพราะตัวเองคงจะยิ่งโมโหมากขึ้นแน่ ๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองดีกว่าชาติก่อนตรงไหน? อ้อ เขายังมีความสามารถในการทำนายได้ โอเค้

    "โอเค ไม่มีอะไรจะถามแล้ว ถ้าอยากจะคุยเรื่องเพื่อนก็คุยเรื่องเพื่อน น่าจะเหลือเวลาอีกแค่นาทีเดียว"

    "หนึ่งนาทีฉันจะพูดอะไรได้ ลืมไปเถอะ เพื่อนของฉันเป็นคนที่งดงามที่สุดในโลก ข้าสรุปให้ได้ในประโยคเดียว"

    "บทสรุปของนายแปลกมาก นายต้องการจะบอกอะไร เขาไม่ใช่ผู้ชายเรอะ!"

    "เขาเป็นผู้ชายที่งดงามที่สุดในโลกจริง ๆ และถ้าเจ้าได้เห็นเขา เจ้าจะรู้ว่าไม่สามารถโต้แย้งอะไรเกี่ยวกับประโยคนี้ได้"

    ชิงหลานโบกมือปฏิเสธคำพูดของฟั่นถ่งแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง

    "และสำหรับข้า เขาคือคนที่งดงามที่สุดในโลก ไม่ใช่เพียงแค่รูปร่างหน้าตา"

    อีกฝ่ายพูดอย่างจริงจัง แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่ฟั่นถ่งรู้ว่า สิ่งที่ชิงหลานต้องการสื่ออาจหมายความว่าคน ๆ นั้นงดงามทั้งภายนอกและภายใน

    "ฉันไม่มีเพื่อนแบบนั้น ฉันเลยไม่เข้าใจจริง ๆ ว่านายต้องรู้สึกยังไงที่พูดออกมาแบบนี้"

    "ฮ่า ๆๆ ถ้าเจ้ามีมันก็คงจะแปลก เจ้าคิดว่ามีคนแบบนี้อยู่ทุกที่ไหม? ยากแน่นอนที่จะหาคนที่สอง"

    "เวลาใกล้จะหมดแล้ว ฉันขอให้นายมีมิตรภาพที่ยืนยาว นายมีนิสัยแบบนี้ แต่เขาก็ยังคบนายเป็นเพื่อนได้ ไม่ควรเลิกคบ แม้ว่าจะอายุมากขึ้นจนแก่เฒ่า"

    หลังจากฟั่นถ่งพูดเช่นนี้ ชิงหลานก็ผงะไปชั่วครู่ แล้วเผยยิ้มที่ดูเสียใจออกมา

    "โชคไม่ดีที่ข้าไม่มีโอกาสจะอยู่จนแก่เฒ่า ดังนั้นข้าเลยไม่รู้ว่าเขาจะเลิกคบกับข้าไหม"

    นี่เป็นประโยคสุดท้ายของการสนทนา ฟั่นถ่งกำลังจะถามอีกคำถามออกไปด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็เวียนหัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าสติสัมปชัญญะของเขาได้กลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว

    "หมดเวลาแล้ว ถ้าทำได้ โปรดช่วยฉันกรอกแบบสำรวจความพึงพอใจด้วย"

    นอกจากนี้ยังมีแบบสำรวจความพึงพอใจ? นักศึกษาสาว ผู้เชี่ยวชาญควรทำตัวให้ดูเหนือกว่าเล็กน้อยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะดูเสียความน่าเชื่อถือในฐานะธุกิจบริการ!

    "เธอไม่ได้เก่งขนาดนั้น เธอไม่สามารถแม้แต่จะกลับชาติมาเกิดได้"

    เดิมทีฟั่นถ่งต้องการชมอีกฝ่าย แต่คำสาปของเขากลับมาทำงานอีกครั้ง

    "ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้น ฉันทำได้แค่ให้ผู้คนได้พูดคุยถึงชีวิตในอดีตของพวกเขา ฉันทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ขอโทษ"

    ไม่ต้องขอโทษ...ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...

    แต่โชคดีที่เธอทำได้แค่เท่านี้ เขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย...

    เป็นเวลาไม่นานนักหลังจากที่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ทว่าฟั่นถ่งก็รู้สึกว่าภาพร่างของชายหนุ่มคนนั้นค่อย ๆ เลือนลาง และเขาก็จดจำลักษณะที่แน่นอนของผู้ชายคนนั้นไม่ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งชื่อของเขา

    เหลือเพียงเนื้อหาของการสนทนาเท่านั้นที่ประทับอยู่ในใจ ซึ่งทำให้เขาคิดว่าห้าร้อยหยวนของเขากำลังถูกโยนทิ้งลงคูน้ำไปเปล่า ๆ หรือไม่ และความพึงพอใจของเขาก็ไม่ได้สูงมากนักจริง ๆ

    ไม่มีโอกาสที่จะแก่ชรา...

    ฟั่นถ่งแอบรู้สึกเศร้าในใจอยู่พักหนึ่ง

    ถ้าอย่างนั้นเขาจะมีชีวิตยืนยาวเพื่อชดเชย หรืออาจจะช่วยให้ผู้ชายคนนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง?

    ในเวลานี้ ฟั่นถ่งยังไม่รู้ว่า ในอีกโลกหนึ่ง เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่เป็นร้อยปีโดยไม่แก่เฒ่า

    -จบ-

    --------------------------------

    *ส่วนตัวคิดว่าเป็นมหาลัยค่ะ เพราะฟั่นถ่งน่าจะเรียนในโรงเรียนปกติมาก่อน แต่กูเกิ้ลบอกเป็น school... เลยไม่แน่ใจเหมือนกัน

    **ทำไมเหมือนไม่ใช่สาวสารภาพอะ เหมือนแอบดราม่าอะ แบบอย่าตายนะ มีชีวิตอยู่กับฉันก่อน แต่พี่ชิงหลานเซย์โนเรอะ แต่กูเกิ้ลมาแบบนี้ จริง ๆ อาจจะเป็นประโยคธรรมดาแหละมั้ง แค่ถ้าคิดแบบนี้ก็ขมดีค่ะ ;w;

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in