เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผู้ป่วยลูคีเมียที่หัวร้อนที่สุดในโลก_93f.b
กลีเวคตัวร้ายกับยัยลูคีเมีย
  • 8
                ว้าว ชื่อตอนน่ารักใสๆเหมือนซีรีส์เกาหลีจังเลยจ้ะพี่จ๋า เราตั้งชื่อนี้ก็เพราะเราฉุกคิดได้ว่า กลีเวคนี่เป็นพระเอกสำหรับเราเลยนี่หว่า แต่ต้องเป็นพระเอกที่นอกจากจะค่าตัวแพง เรื่องเยอะแล้วยังเคยทำตัวชั่วช้าสารเลวกับนางเอกมาก่อนแล้วค่อยมาทำดีด้วย และเป็นพระเอกที่ไม่รู้จะปกป้องนางเอกไปได้อีกนานแค่ไหน เริ่ดเว่อ 
                ทำไมพระเอกเรื่องนี้ชื่อแปลกจังเลยคะ อะ งง งงมาก มันบ่นอะไรของมันคนเดียว กลีเวคคืออะไรชั้นจะรู้กับแกไหม ชื่อพ่อของใครหรือเปล่า อะ ใจเย็นจ้า อย่าพึ่งหัวร้อนแล้วด่าเจ้าของบล็อกเลยค่ะ จะแนะนำให้รู้จักเดี๋ยวนี้ กลีเวคหรือยาอิมมาตินิบ เป็นยาที่ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีนไคเนสที่เซลล์มะเร็ง(ชั่ว)ใช้เพื่อการเจริญแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง(ชั่วx2) อธิบายสั้นให้เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นยาเคมีบำบัดชนิดกินนั่นแหละจ้ะ ส่วนมากจะใช้ยานี้ในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิเรื้อรัง(cml) และโรคอื่นๆอีก ต่อไปนี้ เราจะขอเรียกยากลีเวคว่าพระเอกนะคะ 
               พระเอกของเราค่าตัวแพงมากกกกกกกกกกกกก ราคาเม็ดละหนึ่งพันบาท เรากินวันละหกเม็ดทุกวัน ลองคำนวนยอดเงินเล่นๆดูนะคะ(ขำแห้ง) แต่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่สิ้นคนดีเพราะเรามี Max ที่เป็นเพื่อนพระเอก Max คือมูลนิธิที่ให้ยาฟรีกับผู้ป่วย โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะที่หนึ่งและที่สอง ยานี้ไม่อยู่ในสิทธิ์รักษานะจ๊ะ แกลองคิดดูว่าถ้าชีวิตเราไม่มีเพื่อนพระเอกคนนี้ ต่อให้เราทำงานเงินเดือนเดือนละห้าหกหมื่น (เหตุการณ์สมมติจ้า) เราก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่ายาเดือนละเกือบสองแสนอยู่ดี เรารู้สึกขอบคุณเบอร์ที่ถ้าเรามีลูกชาย เราก็อยากให้ลูกชายบวชให้คนก่อตั้งมูลนิธิเลยล่ะ 
               แล้วอีพระเอกนี่เรื่องเยอะมากกกกกกก คือคำแนะนำการใช้ยาและผลข้างเคียงของยายาวแบบ แก เราอยากให้แกเห็น ลองนึกภาพตามเรานะ ขนาดความกว้างยาวเท่ากระดาษหนังสือพิมหนึ่งแผ่นแต่ตัวหนังสือขนาดเล็กที่สุดของโปรแกรม microsoft word เบียดอยู่บนกระดาษแผ่นเดียว คือถ้าเอาออกห่างจากระยะสายตาโฟกัสก็เบลอๆอ่านไม่ออกเหมือนเห็นฝูงยุงบนนั้นอะ แล้วไอ้ผลข้างเคียงที่ว่าคืออาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้นะ ซึ่งส่วนมากก็จะมีผลเลือดสวิงบ้าง เป็นผื่น คลื่นไส้ ปวดขาปวดกระดูก เป็นต้น ขอย้ำว่าเป็นต้นนะคะ เพราะผลข้างเคียงเยอะมากจริงๆ(มีจนถึงขั้นร้ายแรงเลยนะ) และนี่แหละเรื่องชั่วช้าสารเลวที่พระเอกคนที่(เหมือนจะ)แสนดีได้สร้างความเจ็บปวดให้กับนางเอกตัวน้อยๆน่ารัก ไม่สู้คนอย่างเรา เราเริ่มกินยากลีเวคเมื่อปลายเดือนมีนาคม เดือนแรกผ่านไปได้ด้วยดี(หรอวะ)โดยที่เรามีแค่อาการคลื่นไส้อาเจียร(ชิบหัย)หลังจากกินยา คือมันเป็นยาหลังอาหารตอนเช้า ถ้าวันไหนเรากินข้าวน้อย(แบบ แกนึกออกปะ ตื่นมาเช้าๆใครมันจะกินข้าวได้เยอะวะ)เราจะอ้วกแตกทันที เหมือนเราต้องต่อสู้กับมันทุกวัน ถ้าวันไหนเราอ้วกแตกแปลว่าวันนั้นเราคือลูซเซอร์ เราก็เลยได้ทริคว่าหลังจากที่กินยาไปแล้วเราต้องหาอะไรกินต่อเป็นพวกขนมปังหรืออะไรก็ได้ หาอะไรทำเพลินๆให้ลืม ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีวันที่เราเป็นลูซเซอร์อยู่บ้างนะ และสงสัยพระเอกจะเห็นว่าเราอ่อนแอไม่พอจะเป็นนางเอกของเรื่องนี้ แกดูเหมือนคนปกติเกินไปว่ะ อะ ไปปวดขาซะหน่อยนะ(หน่อยนะพ่ง) ลองนั่งรถเข็นดูบ้างม้าาา(ม้าพ่งงงงง) ค่ะ นั่นแหละ หนึ่งเดือนหลังจากที่เราคิดว่าเราสบายๆกับยาตัวนี้ เราปวดขามาก ช่วงแรกเราพยายามจะไม่กินยาแก้ปวดเพราะลำพังแค่มันตัวเดียวก็พังไตเรามากแล้ว จะเข้าห้องน้ำก็ให้ที่บ้านพยุงไป ปวดก็เอาถุงน้ำร้อนประคบเอา แต่มันไม่ดีขึ้นแถมยังปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดแบบที่เราเดินเองไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น มันแย่ขนาดที่ว่า แค่เราจะเดินไปเข้าห้องน้ำในบ้านตัวเองเรายังไปไม่ได้อะ ต้องนั่งรถเข็นไป แม่งเหมือนโดนเอาคืนจากช่วงที่ให้คีโมที่เราคิดว่าไม่ได้สาหัสเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเรายกให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตของเราตั้งแต่เราเกิดมาเลย แก มันปวดมาก ปวดจนนอนไม่ได้ นอนท่าไหนแม่งก็ปวด ที่บ้านเราก็ผลัดกันมานอนเป็นเพื่อน ดึกๆก็ลุกขึ้นมาทายาให้(ลองหมดทุกยาเลยจ้ะพี่ ตั้งแต่เคาท์เตอร์เพลนยันยาเหลืองของพระ มีการสวดมนต์พึมพำๆก่อนจะทาให้เราด้วยนะ) มานวดให้แต่ไม่ช่วยอะไรเลย ประคบร้อนก็ไม่ช่วย ประคบเย็นก็ไม่ได้เรื่อง เราทำตัวเหมืิอนนางเอกละครเลยอะตอนนั้น โมโห หงุดหงิดจนทุบที่นอน ปาถุงร้อน ด่าตั้งแต่ฟ้ายันเหว ด่าทุกอย่างที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ เราพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ร้องไห้เพราะถ้ายิ่งเราร้องไห้ที่บ้านจะยิ่งเครียด แต่พอมันถึงจุดที่เราแม่งไม่ไหวแล้วอะ จุดที่ถ้ามีคนบอกให้สู้เราจะตบปากมัน คือจะให้เราสู้อะไรนักหนาวะ จะต้องเข้มแข็งแค่ไหนอะ ก็มันปวด เราอยากเป็นแค่อีขี้โรคที่อ่อนแอนอนร้องไห้บ้างได้ไหม(ใจเย็น เขาหวังดี) เราโคตรเหนื่อย วันนั้นเราขอที่บ้านร้องไห้ สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กสามขวบไปเลย นางเอกไหมล่ะ ช่วงนั้นเราได้นอนน้อยมาก เอาจริงๆก็แทบไม่ได้นอนเลย ยาแก้ปวดที่หมอให้มาก็ไม่ได้ช่วย คือรู้ว่านอนน้อยมันไม่ดีต่อสุขภาพมันจะยิ่งแย่เพราะงั้นยิ่งนอนไม่ได้เราก็ยิ่งหงุดหงิด กลัวโรคกลับมาก็กลัว เราร้องไห้เกือบทุกคืน บางคืนก็แอบที่บ้านร้องตอนดึกๆ โคตรไม่อยากให้มีตอนกลางคืนเลย สงสารที่สุดก็ครอบครัวนี่ล่ะ ต้องให้กำลังใจเรา ต้องดูแลเรา ต้องเป็นสนามอารมณ์ของเราด้วย ตอนกลางวันเราจะเป็นขั้วบวกที่พอจะยิ้มออกหัวเราะกับเรื่องตลกที่ที่บ้านเอามาเล่นได้บ้างทำอะไรให้มันลืมๆความปวดไป พอตกกลางคืนแล้วต้องพยายามนอนเนี่ย ผีอีบ้ามาแล้ว นอนร้องห่มร้องไห้ พอขาเหมือนจะดีขึ้นก็มาปวดแขนอีก เรากินข้าวเองไม่ได้อะ มือสั่น ต้องให้ที่บ้านป้อน ครบสูตรยัยลูคิเมียไปเล๊ย รำค๊านนนนนนนนนน เราเดินไม่ได้เดือนครึ่ง จนหมอให้ยาแก้ปวดตัวใหม่มาเราก็เริ่มดีขึ้น นอนได้เยอะขึ้นถึงจะตื่นกลางดึกตลอดก็เหอะ แต่มันเป็นสัญญาณที่ดีนะ ยานี้มันจะอยู่ได้ประมาณ 8-12 ชม. เราปวดน้อยลงและนอนได้นี่ก็ดีมากละ เราเริ่มพยายามยืนเองเดินเองขานี่สั่นพั่บๆๆๆๆ ด้วยความที่ไม่ได้เดินนานๆอะเนอะ แรกๆท่าเดินก็จะเหมือนอาม่าที่เดินออกกำลังกายที่สวนอะ มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็หายดีแล้ว เกือบสามเดือนเลยนะเราถึงจะหายสนิทและกลับมาเดินได้ปกติ คือหมายถึงจากท่าอาม่าสู่เดอะเฟส เริ่ด ฟูลเทิร์นไปเลยจ้ะพี่

                อะ ยาวขนาดนี้คิดว่าพระเอกจะหันมาทำดีกับเราบ้างยัง คำตอบคือ ยังค่า อีเวนเน้ยยยยยย พอกินยาได้สามเดือนหมอก็ขอเจาะไขกระดูกดูว่ายามันทำงานได้ 100% ไหม ค่ะ เจาะอีกแล้วค่ะ เจ็บนิดๆ แสบเหมือนมดกัดนิดเดียวค่า(ยิ้มกัดฟัน) ขณะที่เรานอนรอหมออยู่บนเตียง หมอหันมาพูดกับเราด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า "เอ้อ นี่หมอเคยบอกแล้วใช่ปะว่ามันจะเจาะยากขึ้นแล้วเจ็บขึ้นทุกครั้งนะ เพราะยามันทำให้กระดูกแข็งอะ"  หมอคะ ที่หนูอยากจะบอกก็คือ หนูไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนในชีวิตเลยค่ะ แล้วการที่หมอมาบอกหนูก่อนเจาะเนี่ย สติหนูจะแตกแล้วค่า แต่ทำอะไรได้ไหม ก็ไม่ ยังไงก็ต้องเจาะเนาะ ไม่มีทางเลือก เรานอนคว่ำหน้าเหมือนเดิม ถกกางเกงลงเหมือนเดิม(อายเหมือนเดิมด้วย ฮือ อีโรคชั่ว จะย่ำยีกันไปถึงไหน) หมอก็ฉีดยาชา แต่หมอใจดีนะชวนเราคุยนู่นนี่ ตอนเจาะก็ถามเราตลอดว่ายังเจ็บอยู่ไหม ตรงนี้เจ็บไหม เจ็บแล้วบอกนะ สรุปคำว่าเจาะยากของหมอก็คือเราอยู่ในนั้นนานมากเพราะเจาะไม่ได้สักที (นานจนแม่เครียด แม่กลัวจนตัวสั่นเลยอะ โคตรน่าสงสาร พอเปิดม่านเห็นเราชูสองนิ้วแม่ถอนหายใจเฮือก) เราโดนเจาะเกือบสิบครั้ง เจ็บแบบ เจ็บมาก มดพ่อแกสิ เราจะเอาไม้หน้าสามตีหน้าแก แกคนที่บอกว่าเจ็บเหมือนมดกัดอะ โดนเจาะหลายรูก็ยังไม่ได้จนหมอสงสาร หมอบอกว่าถ้าครั้งนี้ไม่ได้หมอไม่เจาะแล้วนะ จังหวะนั้นคือสวดมนต์เลยจ้ะพี่ แต่สรุปก็ได้นะที่ครั้งสุดท้ายนั่นแหละ หมอบอกว่าคนไข้เก่งมากเลย อดทนมาก เป็นคนอื่นคงจะร้องไปแล้ว หมอคะ ถ้าหมอรู้ว่าหนูด่าอีโรคนี้ไปกี่หน้าเอสี่หมอไม่น่าจะชมหนูแบบนี้ ซึ่งผลออกมายังไม่ดีเท่าที่ควร และเราต้องเจาะอีกครั้งเดือนหน้า.. (ขำแห้ง)


    แต่สุดท้ายเรากับเขาก็ขาดกันไม่ได้อยู่ดี ร้ายกับเรามาขนาดนี้ เราก็หวังอย่างยิ่งว่าพ่อพระเอกของเราจะทำตัวดีๆ ใจดีกับเราบ้าง ถึงเราไม่รู้ว่าเขาจะปกป้องเราไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าปกป้องเราไปได้นานๆและปกป้องเราได้อย่างเต็มที่จนกว่าเราจะได้ปลูกถ่ายก็คงดีนะ 

    วันหนึ่งที่พ่อเราทำความสะอาดรถเข็นที่ยืมมาจากอนามัยอยู่หน้าบ้าน 
    ลุงxx: แหม เรานี่มีบุญเนอะ ได้นั่งรถเข็นตั้งแต่อายุยังน้อย
    พ่อเรา: พี่อยากมีบุญบ้างไหมครับ เอาซักคันไหม ผมไปยืมให้

    ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้นอีกเลย

    555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555


    tbc.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
bbunnyg97 (@bbunnyg97)
เป็นกำลังใจให้นะคะ. ?♥️ เขียนดีมากเลย อ่านแล้วมีหลากหลายความรุ้สึกไปพร้อมๆ กัน ขอให้ดีขึ้นๆ ในทุกวันนะคะ!
janieishappy (@janieishappy)
มอบมงให้คุณพ่อ
kinkimkim (@kinkimkim)
ไม่รู้ว่าเบื่อคำว่า เป็นกำลังใจให้ แล้วหรือยัง แต่ยังไงก็อยากพูด พร้อมกำลังใจเต็มขีดพลังชีวิตเลยค่ะ
ทุกอย่างต้องใช้เวลา เราขอให้ผ่านมันไปด้วยดีนะคะ สุดท้ายแล้วโรคมันก็จะรู้ว่าloserอย่างเราก็เป็นwinnerได้เหมือนกันค่ะ:)
_93f.b (@ikmincho)
@kinkimkim จะเป็น winner ให้เด็กมันดู ขอบคุณมากนะคะ กำลังใจส่งมาถึงแล้วค่ะ :)
Noot Tharara (@Nootsstories)
ชอบความสวดมนต์พึมพำก่อนทายาอะ 55555555555555
_93f.b (@ikmincho)
@Nootsstories ลองหมดทุกศาสตร์แล้ว 555555555555555555555555
pzhg__ (@pzhg__)
เป็นกำลังใจให้นะคะ เข้มแข็งๆ : )
_93f.b (@ikmincho)
@pzhg__ ขอบคุณนะคะะะ <3