นกที่ได้ออกจากกรงขัง
อีกครั้ง ที่คนเลี้ยงนกยังคงสงสัยว่าจะควรต้องทำอย่างไรกับนกแก้วสีสวยตัวนี้ดีเพื่อที่จะยอมให้มัน ‘เชื่อง’ ในแบบที่ ‘สัตว์เลี้ยง’ ควรจะเป็น
เขาจ้องมองไปที่เจ้านกแก้วตัวโปรดไม่วางตา หวังว่าเจ้านกแก้วตัวนี้จะรับรู้และเข้าใจถึงกระแสจิตที่ตัวเขาพยายามส่งไปให้มันได้ ก่อนจะถอนหายใจกับความคิดไร้สาระของตัวเองแล้วเดินไปหยิบหนังสือคู่มือนกแก้วที่เพิ่งสั่งจากเว็บไซต์หนังสือออนไลน์เว็บโปรด ที่บุรุษไปรษณีย์เพิ่งนำมาส่งให้เมื่อชั่วโมงก่อนเปิดอ่าน
ในใจของคนเลี้ยงนกเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ว่ายังไงซะ คำตอบของสิ่งที่เขาสงสัยมันต้องอยู่ในหนังสือเล่มนี้แน่ๆ
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องผิดหวังไปตามระเบียบ เพราะไม่ว่าหนังสือที่เขาอ่านจะเป็นฉบับอัพเดตหรือบอกวิธีละเอียดแค่ไหน แต่เมื่อได้ลองทำตามไม่ว่าจะกี่วิธีที่หนังสือแนะนำ ก็ไม่สามารถทำให้นกแก้วสีสวยตัวนี้ ‘เชื่อฟัง’ และ ‘รัก’ เขาได้เลย
เจ้านกแก้วตัวนี้เอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
เขารู้ดี
ธรรมชาติของนกคืออยากเป็นอิสระ
แต่เขาทั้งรักทั้งผูกพันมากเกินกว่าจะทำใจปล่อยมันไปได้
ใครๆต่างก็คิดว่าเขาบ้าและไร้สาระที่มาทำเรื่องแบบนี้
เขาไม่เหมือนคนเลี้ยงนกทั่วไป
เขาต่างออกไป
คนธรรมดาที่ไหนจะลงทุนสร้างบ้านอีกหนึ่งหลังเพื่อให้นกตัวเล็กๆของตัวเองอาศัยอยู่ ข้าวของเครื่องใช้แพงๆมากมายที่ซื้อเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งของที่จำเป็นหรือแม้กระทั่งของที่นกไม่จำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ แถมยังจ้างให้คนเข้ามาดูแลมันทุกๆวันเมื่อยามที่เขาไปทำงานหรือไม่ว่างมาหา
คนอื่นก็ได้แต่พร่ำบอกเขาว่าเงินจำนวนมากที่ลงทุนไปกับการเลี้ยงนกแก้วตัวเล็กๆตัวนั้น น่าจะเอาไปบริจาคหรือทำอะไรที่มีประโยชน์น่าจะยังดีซะกว่า สัตว์พวกนี้มันไม่รู้และไม่ให้ค่ากับสิ่งของที่เขาสร้างและซื้อให้มันได้หรอก
เขาให้เหตุผลว่า
“ถ้าให้นกอยู่ในกรง มันจะไปมีความสุขอะไรที่บินไปมาได้แค่ในกรงเล็กๆ”
“แต่นี่ก็เหมือนเป็นการขังไว้ในกรงอยู่ดีไม่ใช่หรอ”
“อิสระที่เต็มไปด้วยอันตรายข้างนอก กับกรงทองที่มีพร้อมทุกอย่าง แบบหลังมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ”
อีกฝ่ายถอนหายใจและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะรู้ว่ายังไงซะ เขาคนนี้ก็ไม่ฟังเหตุผลใครอยู่ดี
ตัวเขาเป็นชายหนุ่มอายุ 41 มีกิจการที่ต้องดูแลมากมาย ครอบครัวที่ต้องดูแลก็มีเพียงแค่พ่อแม่และน้องสาว
ใน 24 ชั่วโมง เขาใช้เวลาไปกับการทำงาน 16 ชั่วโมง ไม่มีเวลาหาอาหารดีๆให้ตัวเองกิน ไม่มีแม้กระทั่ง 1 ชั่วโมงไปออกกำลังกายเพื่อยืดอายุชีวิตให้ตัวเอง
แต่ไม่ว่าเขาจะยุ่งแค่ไหน ใน 24 ชั่วโมงนี้ เขาพร้อมจะสละเวลาไปหาเจ้านกแก้วได้ทุกเมื่อ
ในหัวเฝ้าคิดแต่ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ ชอบอาหารใหม่ที่เขาเปลี่ยนให้รึป่าว มันจะเบื่อบ้างมั้ยที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย หรือคิดแม้กระทั่งว่า เจ้านกแก้วตัวนี้จะคิดถึงเขาบ้างรึป่าว
แม้ว่าเค้าจะทำงานและดูแลกิจการแทนครอบครัวได้ดีแค่ไหน แต่เรื่องที่เขาใช้เวลาหมกมุ่นอยู่แต่เพียงกับเจ้านกแก้วตัวนี้ก็ทำให้คนในครอบครัวเคืองใจอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างเป็นห่วง กลัวว่าวันนึงสติของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วกลายเป็นว่าสูญเสียความเป็นตัวตนไป ซึ่งตัวเขารู้เรื่องนี้ดี แน่นอน เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก แต่ความสุขส่วนตัวของเขาก็มีความสำคัญด้วยมิใช่หรือ
ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่ได้เลี้ยงเจ้านกแก้วเขาไม่เคยตั้งชื่อให้มัน ทุกครั้งที่มีบทสนทนาระหว่างเขากับนก (ซึ่งแน่นอนว่าเขาพูดคนเดียว) เขาเรียกแทนมันว่า ‘you’ เขาปฏิบัติต่อเจ้านกตัวนี้ราวกับว่ามันเป็น ‘มนุษย์’ คนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ บางทีเขาเคยคิดว่าถ้าเจ้านกตัวนี้เกิดมาเป็น ‘มนุษย์’ จริงๆ เขาจะมีโอกาสได้เลี้ยงดูมันแบบนี้หรือเปล่า คงกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว สิ่งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
แม้เจ้านกตัวนี้จะไม่เคยแสดงความรักหรือสนใจเขาแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้มันได้เลย
มันไม่เคยเข้ามาแสดงความสนใจในตัวเจ้าของเลยแม้แต่น้อย จะมีบ้างนานๆทีที่มันจะร้องให้เขาได้ยินเวลาใกล้จะกลับ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เค้าชื้นในหัวใจมากทีเดียว
เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกเหนื่อยกับหน้าที่การงานหรือเรื่องครอบครัว แค่ได้มาปลดทุกข์กับเจ้านกแก้ว (แน่นอนว่าเจ้านกตัวนี้คงไม่เคยฟังสิ่งที่เขาพูด) หรือแค่ได้นั่งมองมันเดินไปมาหรือบินไปเกาะตามที่ต่างๆ เพียงเท่านี้ก็ปลดทุกข์ในใจของเขาไปได้มาก
นี่เป็นอีกครั้งแรกในรอบเดือนที่เขาเข้ามาในบ้านนกหลังนี้ แต่ครั้งนี้เป็นความทุกข์ของเขาที่แตกต่างออกไป เขามองบ้านที่สร้างไว้ให้นกแก้วตัวโปรดหลังโต ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ส่วนมากคงเป็นความใจหาย
ครอบครัวของเขากดดันให้รีบแต่งงานกับผู้หญิงที่หามาให้ ผู้หญิงที่ดีและเพียบพร้อมทุกอย่าง และด้วยอายุของพ่อแม่ที่คงไม่มีเวลารอเห็นลูกชายสุดที่รักแต่งงานมากพอแล้ว
เขารู้ว่าต้องมีวันนี้
แต่มันเร็วไป
เร็วไปจริงๆ
เขา ‘จำเป็น’ ต้องปล่อยนกตัวนี้ไป
เขาจำเป็นต้องขายบ้านหลังนี้ทิ้งเพื่อเป็นทุนนำไปสร้างเรือนหอ เรือนหอที่ใหญ่พอให้ภรรยาของเขา และลูกๆในอนาคต
เขาไม่จำเป็นต้องปล่อยเจ้านกแก้วแสนรักไปก็ได้
แต่แล้วเพราะวันนี้เขาได้เข้าใจความหมายของกรงขัง ความทรมานของการถูกจองจำ และการโหยหาอิสระ
เขาได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้จริงๆ
เขาเดินไปเปิดหน้าต่างบานใหญ่สุดของบ้าน
เจ้านกนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบินออกไป
เขาใจสลาย เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
เขารีบขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับว่าเขาไม่อยากร่ำลากับสถานที่ที่เป็นเหมือนที่พักพิงใจ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ น้ำตาไหลออกมาด้วยความไม่รู้ตัว เขาจะไม่มีวันได้เจอนกแก้วตัวนี้อีกแล้ว
น่าเสียดาย
เจ้านกแก้วคาบอาหารมาสำรอกหน้าเก้าอี้ในบ้าน
เก้าอี้ที่คนเลี้ยงนกมักมานั่งเพื่อปลดทุกข์กับเจ้านกแก้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in