เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FICTIONANJA
[OS] Thousand miles away [YULSIC]
  • One shot : Thousand miles away 

    Paring : Kwon Yuri x Jung Jessica           

               



                    เสียงหวีดหวิวของกาต้มน้ำที่กำลังเดือดจัดดังขึ้นพร้อมกับไอน้ำที่พวยพุ่งแหวกอากาศขึ้นมา แต่นั่นก็ไม่สามารถเรียกความสนใจของหญิงสาวร่างบางที่กำลังนั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง สายตาและความสนใจทั้งหมดของเธอได้ถูกช่วงชิงไปโดยหญิงสาวอีกคน หญิงสาวที่กำลังแกว่งเท้าไปมาหยอกล้อกับผิวน้ำในทะเลสาบด้วยเท้าเปลือยเปล่า


                     นิ้วเรียวไล้ไปตามกระจกหน้าต่างอย่างอ้อยอิ่งราวกับว่าหล่อนกำลังได้สัมผัสอีกคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการเก็บหินก้อนมนในน้ำ 


                      ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่อึมครึมเหมือนฝนกำลังจะตก 

                   

                      สีน้ำเงินหม่นๆของทะเลสาบ 


                      หรือหญิงสาว


                      ที่ทำให้วันดูเศร้าได้ขนาดนี้




                      



                     "ยิ้มหน่อยสิ"  'ยูริ' หญิงสาวหน้าคมผิวสีน้ำผึ้งหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างที่เคยเมื่อเห็นคนสำคัญของเธอกำลังเดินเข้ามา พร้อมกับยกกล้องในมือขึ้นโฟกัสภาพของผู้มาใหม่


                      แต่แทนที่คนตรงหน้าจะยิ้มตามกลับทำหน้างอง้ำแทบจะในทันที คิ้วเรียวนั้นลู่ลงพร้อมกับการเบะปากและเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มันคือใบหน้าที่ยูริแอบตั้งชื่อขึ้นเองในใจว่า 'หน้าหมาจ๋อย' 


                     และก็เป็นไอ้เจ้าใบหน้าหมาจ๋อยของอีกฝ่ายเนี่ยแหละที่ไม่ว่าจะให้มองกี่ครั้งยูริก็คิดว่ามันช่างน่าเอ็นดู ช่างเป็นเรื่องยากซะเหลือเกินที่จะห้ามใจไม่ให้กดชัตเตอร์เก็บภาพของอีกฝ่ายในเวลานี้  


                      ภาพของ 'เจสสิก้า' หญิงสาวที่ทำให้สติของเธอม้วนพับผิดลู่ผิดทางอยู่เสมอ


                     "ยิ้มเธอดูแย่มากเลย" คนหน้าคมแกล้งกระเซ้า


                     "อย่ามากวนประสาทฉันนะยูริ แล้วก็ลบรูปน่าเกลียดนั่นออกด้วย" น้ำเสียงขุ่นเขืองดังขึ้นให้ได้ชื่นใจ ยูริสัมผัสได้ถึงรังสีความโกรธรอบตัวเจ้าหมาจ๋อยของเธอ แต่คนหน้าคมเข้าใจดี 


                      เข้าใจดีว่าเจสสิก้าเกรี้ยวกราดเพราะว่าเธอกำลังเศร้าสร้อย

                     

                    "ไม่ลบ ไม่จนกว่าเธอจะยิ้มในแบบที่ฉันต้องการ" คนหน้าคมเลือกที่จะพูดกวนประสาทออกไปแบบนั้น เพราะเธอค้นพบว่ามันช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะพูดออกไปว่า อย่าเศร้าเลยที่รักของฉัน เพราะมันทำให้ฉันเศร้าเสียยิ่งกว่า


                   "ฉันยิ้มให้เธอไม่ได้หรอกนะ" เจสสก้าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ชวนให้รู้สึกหวิวในใจ  "ไม่ใช่ในตอนนี้"


                     ให้ตายสิ ไม่ชอบใจเอาเลยจริงๆ


                     ยูริไม่ชอบความเศร้า และแสนจะชิงชังเมื่อมันก่อตัวขึ้นในใจคนสำคัญของเธอ แต่ที่ร้ายยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือการที่เธอเป็นต้นเหตุของความเศร้าเสียเอง ถ้าเป็นไปได้ยูริอยากขโมยความเศร้าทั้งหมดในโลกใบนี้ไปซ่อนไว้ในที่สุดแสนจะมิดชิด ซ่อนไว้ให้ไกลจากหญิงสาวของเธอ


                    

                      


                     

                     เจสสิก้าแทบจะระเบิดออกด้วยความอึดอัดขุ่นมัวเมื่อยูริยังดูสบายอกสบายใจได้ถึงเพียงนี้  ในขณะที่เธอแทบจะเป็นบ้าเป็นหลังกับการจากลานี่ 


                      หล่อนมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่เจสสิก้ามองตรงไปที่ยูริเธอมักจะเห็นปราสาทสวยงามที่ห้อมล้อมไปด้วยสวนอันวิจิตร และแสงอบอุ่นของพระอาทิตย์ที่ทอดผ่านตัวปราสาท คนหน้าคมไม่เคยบอกเธอเลยว่าข้างในตัวปราสาทนั้นเย็นเยือกและอึมครึมเพียงใด ยูริมักมีวิธีซ่อนเร้นความเศร้าไว้ในปราสาทงามของเธอ ซ่อนเร้นมันให้ห่างจากเจสสิก้า 


                      เจสสิก้ารักหล่อนนะ แต่ว่ายูริน่ะ นิสัยเสียแก้ไม่หาย


                      การปกปิดความเศร้าด้วยความยียวนของยูริไม่ได้ทำให้เจสสิก้าหยุดคิดถึงมันได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงคนหน้าคมก็จะต้องอยู่ห่างจากเธอเกินกว่าพันไมล์ เดินทางไปทำตามสิ่งที่เจ้าตัวเรียกว่าความฝัน มุ่งหน้าจากมอนทาน่าไปนิวยอร์ค มหานครที่เจสสิก้าแทบจะคลื่นเหียนเพียงนึกถึงมันในหัว เกลียดชะมัดเลยเมืองที่แย่งยูริไปจากเธอเนี่ย 


                      





                      รถไฟค่อยๆเคลื่อนออกจากชานชาลา หญิงสาวในห้วงคำนึงของยูริดูตัวเล็กลงทุกที ช่างเป็นภาพที่ชวนให้อ่อนล้าและหม่นเศร้า คนหน้าคมยืนมองออกไปนอกหน้าต่างค้างอยู่แบบนั้นแม้ว่าภาพที่ปรากฎจะไม่มีอะไรมากไปกว่าบ้านเรือน ต้นไม้ และทิวทัศน์ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรกับเธอ


                      มันคุ้มกันหรือเปล่านะ?  คนหน้าคมได้แต่ทบทวนในใจ การเสียสละความรักที่ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวเพื่อแลกกับการทำตามความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องอาชีพ ฝันที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่ เธอกำลังทำถูกใช่ไหมที่เลือกเดินทางมาพร้อมกับเงินน้อยนิด และกีตาร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่มหานครแห่งโอกาส ที่เต็มไปด้วยคำโฆษณาสวยหรูว่า สถานที่ที่จะให้ความฝันของคุณเป็นจริง


                      ถ้าเธอคิดผิดล่ะ? 


                    ยูริได้แต่ส่ายหัวสลัดความเฟ้อฟุ้งในจิตใจ เธอเลือกแล้ว เธอควรที่จะเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับการตัดสินใจของตน และวันหนึ่งเธอจะมีเงินมากพอด้วยเสียงร้องและกีตาร์ของเธอ เจสสิก้าจะอยู่อย่างสุขสบายและได้ใช้ชีวิตอย่างที่คิดวาดฝันเอาไว้ เราจะมีทุกๆอย่างด้วยกัน แค่ต้องอดทนเท่านั้น






                    การอดทนไม่ใช่เรื่องง่าย! ผ่านไปเกือบเดือนแล้วที่เจสสิก้าไม่ได้เจอสุดที่รักของเธอ ถึงแม้จะโทรคุยกันทุกวันแต่มันก็ไม่ได้บรรเทาความคิดถึงที่โหมกระพืออยู่ในจิตใจลงได้ และพอเธอเง้างอนกับระยะทางที่แสนห่างของเราสองคน ยูริก็จะพูดกวนประสาทอย่างติดตลกว่ามอนทานากับนิวยอร์คห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตรเองในแผนที่ 


                     ดูเอาเถอะ! เจ้าคนไร้หัวใจนั่นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลย


                     มีแต่เธอหรือไงนะที่กำลังมอดม้วยจากความคิดถึง มีแต่เธอหรือไงที่อยากทิ้งฟาร์มเล็กๆนี่แล้วโดดขึ้นรถไฟไปนิวยอร์คมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไปกระชากคอเสื้อแฟนตัวดีแล้วช่วงชิงเอาจูบที่หล่อนพรากจากเธอไปนานแสนนานกลับคืนมา! 


                     "ไม่ต้องห่วง ฉันอดทนได้น่า ไม่ได้คิดถึงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย" น้ำเสียงกระแทกกระทั้นกรอกลงในโทรศัพท์เมื่อคนหน้าคมถามว่าเธอโอเคหรือไม่กับการที่ต้องอยู่ไกลกันแบบนี้


                      มันก็งอแงได้แค่ในความคิดเท่านั้นแหละ


                     เจสสิก้าเลือกที่จะซ่อนความเศร้าไว้ด้วยความขุ่นเคือง ใครจะไปอยากให้คนที่รักต้องมามัวพะวงหน้าพะวงหลังจนไม่สามารถโฟกัสกับการเดินหน้าทำตามความฝันได้ล่ะ คิดถึงมันก็คิดถึงอยู่หรอก แต่มันรักมากกว่า อะไรสนับสนุนกันได้เจสสิก้าก็จะทำ แม้นั่นหมายถึงการที่เธอจะต้องอดทนกับระยะทางหลายพันไมล์และความคิดถึงที่จะฆ่าเธอเอาเสียให้ได้ทุกคืนก็ตาม


                   อ่า ความคิดถึง


                   ความคิดถึงรอยยิ้มกวนประสาทของอีกฝ่าย ความคิดถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายวางศอกลงบนผิวโต๊ะไม้ แก้มตั้งอยู่บนกำปั้น แล้วจ้องมองเธอด้วยความอ่อนโยนเหลือรับ ความคิดถึงความมีชีวิตชีวาที่มีคุณสมบัติอ่อนโยนและชวนให้ใจชุ่มชื่น ความคิดถึงอ้อมแขนเย็นเยียบและเส้นผมอ่อนนุ่มที่เธอชอบซุกหน้าครวญคราง  ความคิดถึงที่มีต่อยูริ เจ้าคนกวนประสาทของเธอ


      





                      ยูริคิดว่ามันก็น่าดีใจอยู่หรอกที่คนรักสนับสนุนการกระทำของเธอ มันดีมากเลยที่อีกฝ่ายดูเอือมระอาเล็กๆกับคำถามของเธอแทนที่จะเศร้าใจอย่างที่เธอคาดการ์ณเอาไว้ในตอนแรก แถมยังพูดออกมาว่าอดทนได้กับความคิดถึงอีกต่างหาก เจสสิก้าช่างเป็นแฟนที่เข้าอกเข้าใจและแสนดี ยูริรู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีอะไรขนาดนี้


                      ซะเมื่อไหร่ล่ะ!


                       ยัยหมาจ๋อยนั่นทำไมถึงอดทนได้นะ! ทั้งที่เธอจวนเจียนจะขาดใจอยู่แล้ว เพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำว่าคิดถึงจนแทบจะขาดใจก็วันนี้ วันก่อนที่เธอเดินผ่านร้านขายโซฟาก็แทบจะเห็นภาพหลอนว่าคุณแฟนของตัวเองนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาสีสดนั่น


                      คิดถึงจริงๆ เวลาที่อีกฝ่ายนอนซุกตัวอย่างขี้เกียจบนโซฟาในวันที่อากาศเย็น แล้วก็ยื่นแขนขึ้นอย่างต้องการจะออดอ้อนทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน คิดถึงความบอบบางของแขนเปลือยเปล่าคู่นั้น ที่เธออยากจะกางมันออก คิดถึงทุกรายละเอียดอันงดงามสดใสของหล่อน


                   มันคิดถึงเอามากเลยล่ะเจสสิก้าคนนั้นน่ะ






                  'รุนแรง เร่อร่า และไร้ยางอาย' คงจะเป็นคำนิยามที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ของเจสสิก้าและยูริในขณะนี้ สถานการณ์ที่เธอสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนระเบียงบ้านอย่างไม่นึกจะสนใจว่าใครจะผ่านมาเห็นเข้าหรือไม่


                   มันเริ่มจากการที่ยูริไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอทั้งที่เธอกระหน่ำโทรไปจนสายแทบไหม้ ก็ตั้งใจจะโทรไปบอกว่า 'ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ จะเก็บเสื้อผ้าไปนิวยอร์คเดี๋ยวนี้แหละ' แต่อีกคนก็ดันไม่ยอมรับสายจนเธอชักจะหงุดหงิดใจ


                  จนกระทั่งเปิดประตูบ้านมาเจออีกฝ่ายยืนหอบอยู่หน้าประตูเนี่ยแหละ


                 "ยูริ" เจสสิก้าพูดได้แค่นั้น คนหน้าคมก็พุ่งตัวเข้ามากระชากคอเสื้อของเธอแล้วก็ช่วงชิงเอาจูบไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำกับอีกฝ่ายแท้ๆ เจ้าคนบ้านี่!


                    แต่ก็ได้แต่เก็บคำต่อว่าเอาไว้ในใจเมื่ออีกคนถอนจูบ แล้วเอาหน้าผากของตนเองชนกับหน้าผากของเธอ พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทิ้งความร้อนวูบวาบไว้กลางอกของเธอว่า "คิดถึงจนจะบ้าอยู่แล้ว" 


                  ก็นึกว่าเป็นอยู่คนเดียวซะอีก


                 และเมื่อเธอตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่าคิดถึงเหมือนกัน เจ้าคนที่เธอเคยคิดว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหล่อนปรารถนาเธอเพียงใด แสดงออกชัดเจนผ่านมือเรียวที่ฝังไปในเส้นผมนุ่มของเธอ แสดงออกชัดเจนผ่านสัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากที่ลากไล้ไปแทบจะทุกตารางนิ้วบนตัวเธอ แสดงออกชัดเจนผ่านมือร้อนที่ควานไปอย่างสะเปะสะปะบนร่างกายของเธอ


                  เป็นความชัดเจนที่รื่นรมย์จนสะท้านสันหลัง





                  ยูริรู้อย่างแน่วแน่ว่าเธอไม่อาจที่จะทนได้อีกต่อไปกับความคิดถึงที่ฝังตัวลงกลางกระดูกหน้าอก ระยะทางหลายพันไมล์จะต้องถูกลบด้วยความโหยหาที่เธอมีต่อเจสสิก้า 


                แทบจะไม่ได้ไตร่ตรองเสียด้วยซ้ำ เธอก็พาตัวเองมาอยู่ในรถไฟมุ่งหน้าสู่มอนทาน่าเป็นที่เรียบร้อย และทุกย่างก้าวของคนหน้าคมทำให้เธอได้แต่ครวญครางในใจที่ขาของตัวเองไม่สามารถก้าวได้เร็วกว่านี้ เธอวิ่งจนหัวใจแทบจะระเบิดออกนอกอก


                และเมื่อพาตัวเองมาถึงที่หมาย ยูริก็ค้นพบว่ามันคุ้มค่ามากเหลือเกิน คนที่เอาแต่ซ่อนบังความรู้สึกด้วยความขุ่นเคืองยอมเอ่ยปากว่าคิดถึงกันพร้อมด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า อย่างที่บอกเสมอว่ายูริไม่ชอบความเศร้า และไม่ชอบที่จะเห็นแฟนสาวของเธอเศร้า 


                แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเธอเองรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก


                ดีใจมากซะจนต้องระบายมันออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ระบายมันออกมาด้วยจูบรสหวาน ด้วยมือเรียวที่ลูบไล้ไปตามท่อนขางดงามที่ไม่แนบชิดกันจนเกินไป และเมื่อมือของเธอคลำไปถึงจุดที่มันเสาะแสวง สีหน้าชวนฝันของอาการกึ่งสุขกึ่งเสียวซ่านก็ปรากฏบนใบหน้าน่ารักนั่น เข่าเปลือยเปล่าของเจสสิก้ายึดหนีบข้อมือของเธอเอาไว้ก่อนจะคลายออกและโผตัวเข้ากอดเธอเอาไว้แน่น พร้อมกับการกระซิบซ้ำๆที่ข้างหูว่าหล่อนคิดถึงเธอมากเพียงใด


               สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ต้องพ่ายกับระยะทางหลายพันไมล์นี่จนได้


                 

              

                    



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in