วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2558
เรา - สรุปทริปเราเอาไงเพื่อน ช่วงนั้นแมร่งวันหยุดด้วยนะ
เราทักแชทหาอ้อม (เพื่อนร่วมทริป ที่ไม่ได้สนิทอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว)
อ้อม - เลื่อนเข้าๆ
เรา - เป็นวันไหน / 1-3 ธันวาเลยป่ะ / วันที่ 4 กูไม่ว่าง
อ้อม - เออ ได้ๆ เอาๆ
(ผู้อ่าน - อ่อจ่ะ มึงไม่สนิทจะ)
และนี้ ก็เป็นที่มาของทริปภูกระดึง ซึ่งเป็นการเข้าวงการแบ็คแพ็คอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเรา
จริงๆ เรากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ซึ่งตามที่คาดการไว้ การเรียนวันสุดท้ายของปี 4 เทอม 1 จะต้องสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนอย่างแน่นอน
เราเลยแพลนทริปไว้ว่าจะออกเดินทางหลังจากส่งงานเสร็จในวันที่ 30 พฤศจิกายน จะได้ไม่เสียเวลา
เพราะวันที่ 4 เราต้องรีบกลับมาทำธุระต่อที่ กรุงเทพในช่วงบ่าย
หลังจากที่นัดแนะกับอ้อม ถึงทริปภูกระดึงในวันที่ 1 - 3 ธันวาเสร็จเรียบร้อย เราก็ทำตัวเปื่อยๆ
นั่งดูซี่รี่ ฟังเพลง อ่านหนังสือตามภาษาของคนทำงานเสร็จแล้ว (แต่เหลืออีกแค่ 1 งานซึ่งสมองของเรา
ประเมินศักยภาพของตัวเองแล้วว่า งานนี้ทำไม่เกิน 2 ชั่วโมง เสร็จแน่นอน)
มันเลยทำให้รู้สึกขี้เกียจ บวกกับตอนนั้นเราเห็น Teaser ของหนังเรื่องหนึ่งจากค่ายหนังของ Walt Disney ซึ่งมีพี่สล็อตเป็นตัวพีคใน Teaser โดยมันมีการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและเป็นบิดาแห่งความขี้เกียจ จนเรารู้สึกว่ามันเป็นสัตว์ประเภทเดียวในโลกที่เรายกย่องและสถาปนาให้มันเป็นไอดอลของเรา
(ชอบถึงขนาดตั้งชื่อตุ๊กตาว่าสล็อต ทั้งๆที่มันเป็นฉลาม)
เพราะงี้ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เราก็มักจะยึดมั่นในวิถีของพี่สล็อตมาโดยตลอด (ดูเป็นคนขี้เกียจชิบหาย ฮ่าๆ)
วันเสาร์ที่แสนสุขสันต์ก็ผ่านไปอย่างว่างเปล่าโดยที่ไม่มีความคืบหน้าของงานใดใดเกิดขึ้น
และวันอาทิตย์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เราตื่นขึ้นในตอนเที่ยง ซึ่งตามขนบธรรมเนียมของสล็อตถือว่าทำถูกแล้ว... ที่เธอเลือกเขาและทิ้ง ฉะ ... (สัส! เดี๊ยว)
วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะต้องเคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จ เพื่อเตรียมส่งในวันจันทร์ที่จะถึง จังหวะนั้นเรารีบเคลียร์งานที่สมองประเมินศักยภาพไว้ว่าเราน่าจะทำเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง แล้วก็เสร็จภายใน 2 ชั่วโมงจริงๆ
หลังจากเคลียร์งานเสร็จก็มีเวลาเหลือทำอย่างอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งดูซี่รี่โง่ๆ อยู่บนเก้าอี้ พลาสติก 199 บาทที่แข็งจนปวดก้น หรือจะนั่งฟังเพลง อ่านหนังสือ ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาเราไม่ทำ
ผู้อ่าน - แล้วมึงจะพูดทำซากอะไรวะ!
ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางไปตามหาแรงบันดาลใจและ สิ่งที่ฝันใฝ่ที่เก็บไว้ในใจมานาน เรารีบจัดเตรียมของทุกอย่างแพ็คใส่กระเป๋าคู่ใจอยู่ประมาน 3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ไปแค่ 3 วัน จัดประเป๋าชั่วโมงเดียวก็น่าจะเสร็จ
เหตุที่แพ็คของนานเพราะว่าไม่เคยเดินป่าอย่างเป็นทางการมาก่อน จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเตรียมของไปให้พร้อมที่สุด นอกจากนั้นระหว่างจัดกระเป๋าเราควรเช็คสภาพอากาศและศึกษาวิธีการเดินทางไปยังจุดหมายให้ดี ก่อนจะเผชิญกับความจริงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ (เห็นงี้ เราก็มีเหตุผลนะโว้ย!)
ในตอนนั้นพี่เกิ้ล บอกเราว่า ภูกระดึงจะหนาวสุดที่ 17 องศา และร้อนสุดที่ 28 องศา ซึ่งถุงนอนของเราสามารถกันความหนาวได้แค่ 20 องศาขึ้นไป เราจึงคิดว่า
กูต้องหนาวแน่ๆ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นสั่นหรอกมั้ง ช่างแมร่งเอาอันนี้ไปแหละ
เพื่อความปลอดภัยเราจึงเตรียมเสื้อกันหนาวอย่างหนาไปอีก 1 ตัวรวมถึงถุงเท้าฟรุ้งฟริ้งแบบขนนิ่มๆ ลายดอกมุ้งมิ้งเพื่อกันความหนาวแบบ Manual โดยที่เราไม่ต้องซื้อถุงนอนใหม่
ต่อไปนี้คือ สิ่งที่ควรเตรียมไปภูกระดึง หรือภูเขาอื่นๆ ในประเทศไทย
1. ถุงมือ, ถุงเท้า, เสื้อกันหนาว และถุงนอนที่กันหนาวได้น้อยกว่า 10 องศา (แล้วแต่ความเหมาะสมของสภาพอากาศ)
ภูกระดึงในช่วงปลายปีจะมีอากาศหนาว และช่วงเวลาที่หนาวมากที่สุดคือช่วง 6.00 PM - 8.00 AM ซึ่งช่วงนั้นเราควรเซฟ ความอบอุ่นของร่างกายให้ได้มากที่สุด เพราะเต็นที่ทางภูกระดึงจัดเตรียมไว้ให้ ไม่ได้กันความหนาวให้เรา และถึงแม้ว่าภูกระดึงจะมีทุกอย่างให้เช่า (ทุกอย่างที่ว่าคือ เต็น, ถุงนอน, ที่รองนอน, ผ้าห่ม, หมอน) แต่เหมือนทุกอย่างไม่ได้ซับพอร์ต ความหนาวระดับ HD ได้เลย เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ ควรซื้อถุงนอนที่กันหนาวได้น้อยกว่า 10 องศาลงไปจะดีมาก (แต่ทั้งนี้ต้องดูตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ ณ สถานที่นั้นๆ ด้วย)
2. กระเป๋าเล็ก
กระเป๋าเล็กมีความจำเป็นในระดับหนึ่ง เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนที่มาเดินเขาแล้วนำกระเป๋าเดินทางมา คงไม่สะพายขึ้นไปเองแน่ๆ เพราะมันค่อนข้างดูดพลัง จึงทำให้เกิดธุรกิจที่เรียกว่า ลูกหาบ ขึ้น ซึ่งกระเป๋าเล็กจะมีประโยชน์ตรงที่เราจะได้เก็บของสำคัญไว้กับตัวได้ (เช่นเงิน โทรศัพท์มือถือ หูฟัง เพาเวอร์แบงค์ หรืออื่นๆ) ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังปีนขึ้นลง หรือ ถึงยอดแล้วก็ตาม
3. ไฟฉาย
สำหรับไฟฉาย เป็นอะไรที่เราคิดว่าสำคัญกับการเดินป่าในช่วงกลางคืนมากที่สุด เนื่องจากเวลาที่เราอยู่ในป่า มันไม่มีแสงไฟระหว่างทาง ทำให้ตาของเราไม่สามารถปรับให้สว่างและมองเห็นทางได้ เพราะฉะนั้นการมีไฟฉายระดับสปอร์ตไลท์ ถือเป็นของขวัญจากพระเจ้าอย่างหนึ่งในการเดินทางตอนกลางคืน ซึ่งเราต้องขอขอบคุณ ทอมัส เอดิสัน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย (กราบ!)
4. ยาแก้ปวด และยาคลายกล้ามเนื้อ
แน่นอนว่าเรามาเดินป่า เราก็ตั้งใจจะเดินมากกว่าใช้ยานพหนะ แม้ว่าที่ภูกระดึงจะมีบริการเช่าจักรยานเพื่ออำนวยความสะดวกของนักท่องเที่ยว แต่ยังไงการเดินมันก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าอยู่ดี อาจจะเสียเวลาหน่อย แต่เราจะได้เห็นธรรมชาติอย่างชัดเจนในระบบ 4K อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้น ยาจึงจำเป็นมาก สำหรับคนที่ชอบเดินโดยที่ไม่มีการฟิตร่างกายมาก่อน เพราะมันจะรู้สึกเหนื่อยและปวดเมื่อยแน่นอน ดังนั้นคุณควรเตรียมยาไป เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว (เราโดนไป 3 ชุด ชุดละ 10 บาท และมียาอยู่ 3 เม็ด)
5. รองเท้าแตะ
การที่นำรองเท้าผ้าใบไปเพียงคู่เดียวถือเป็นความคิดที่ผิดสุดๆ เพราะไอผ้าใบนี้แหละจะทำให้คุณลำบากตอนไปอาบน้ำ ดังนั้นการมีรองเท้าแตะไว้ จะทำให้สะดวกและคล่องตัวในการอาบน้ำมากกว่าใส่ผ้าใบอย่างแน่นอน
หรือถ้าอยากให้การเดินป่าของคุณดวานซ์มากขึ้นแนะนำว่าให้ใส่รองเท้าแตะเดิน บอกเลยว่าเป็นมิติใหม่ในการเดินป่าที่น่าสพรึงกลัวสุดๆ (เพราะขาเราเดี๊ยงไป 2 วัน ยาที่กินเข้าไปก็เอาไม่อยู่) และที่สำคัญต้องบอกเลยว่าถ้าไปช่วงฝนตก ทุกสิ่งอย่างที่คุณต้องการจะตากจะไม่มีทางแห้งแน่ๆ (ก็คิดดูว่าขนาดสระผมยังแห้งยากเลย) เพราะงั้นรองเท้าแตะจึงค่อนข้างจำเป็นอย่างมากสำหรับการเที่ยวต่างถิ่น
6. อุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำอาหาร
พูดกันแบบเปิดอกว่า บนภูกระดึง อาหารค่อนข้างแพงพอสมควร ซึ่งถ้าคุณอยากให้ทริปของคุณประหยัดจริงๆ ขอแนะนำว่าให้พกอุปกรณ์ในการทำอาหารไปเองจะเป็นอะไรที่ประหยัดงบได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว อาจจะฟังดูตลก แต่มีคนเอาขึ้นไปนะเว้ย (คอนเฟิร์มว่าไม่ได้มโนหรือเพ้อเจ้อไปเองจริงๆ / ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง)
7. เงิน
สำหรับคนที่ขี้เกียจแบกของเยอะ นี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับคุณ เพราะบนภูกระดึง มีค่าครองชีพสูงมาก เนื่องจากทุกสิ่งอย่างที่อยู่บนนั่นล้วนถูกแบกขึ้นมาโดย ลูกหาบ ซึ่งถ้าสังเกตไหล่ขอลูกหาบดีๆ จะเห็นว่า ช้ำมาก จึงไม่แปลกที่อาหารบนยอดเขาจะแพง เพราะมันไม่มีทางถนนนั่นเอง
7 อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เราเตรียมไปแค่ 4 อย่างเท่านั้น และมันก็เป็น 4 อย่างที่ ขาดๆ เกินๆ
ทำให้ตอนที่เราใช้มันจริงๆ เกิดความลำบากและกลับคืนสู่ความเบสิกของชีวิตอีกครั้ง
หลังจากเตรียมตัวเสร็จเราก็เข้านอนเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนวันพรุ่งนี้จะมาถึง แต่ด้วยความตื่นเต้นทำให้เรานอนไม่หลับอยู่พักใหญ่ ดิ้นไปมาและคิดวนไปวนมาอยู่แค่ว่า
กูจะปีนไหวหรอวะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in