เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
RUN ME TO THE MOONSALMONBOOKS
01: ว่าด้วยเรื่องวิ่งเมื่อครั้งบรมสมกัปป์

  • 1

    “วิ่งทำไมวะ เหนื่อยจะตายห่-”

    นั่นคือความคิดแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นคุณพี่เกาหลีตัวอ้วนวิ่งผ่านหน้าบ้านทุกวี่ทุกวัน

    โอ๊ย! มันจะวิ่งไปทำไม

    คืออย่างนี้นะครับ บ้านที่ผมว่านั้น ไม่ใช่บ้านในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนผืนดินแบนตะแล้ดแต๊ดแต๋ ทว่าเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดทางภาคเหนือ แล้วไม่ได้อยู่ในเมืองริมแม่น้ำราบเรียบแต่ประการใด บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ริมถนนไฮเวย์สายใหญ่ (ที่จริงจะว่าไป ยุคสามสิบกว่าปีที่แล้วโน้นก็ไม่ใหญ่หรอก เป็นแค่ถนนสองเลนเท่านั้นแหละ แต่ก็มีไหล่ทางพอให้คุณพี่เกาหลีแกวิ่งได้อยู่)

    แต่ทีนี้ภูมิประเทศที่บ้านหลังนั้นตั้งอยู่น่ะ มันให้บังเอิญเป็นบ้านที่อยู่ริมลำห้วย แล้วห้วยของทางเหนือนั้นหรือ ก็เป็นดังชื่อหนังสือซีไรต์—ตลิ่งสูง ซุงหนัก, น่ะสิครับ พูดง่ายๆ ก็คือถนนไฮเวย์สายนั้น ลาดลงมาหาห้วย เสร็จแล้วก็ลาดชันขึ้นไปอีกรอบ ส่วนตัวบ้านตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเส้นทางที่ลาดชันขึ้นไป

    ทุกเย็น ผมจึงได้เห็นคุณพี่เกาหลีออกมาวิ่ง แล้วไม่ได้วิ่งธรรมดา เพราะต้องวิ่งลงทางลาดมาเพื่อที่จะหอบเหนื่อยวิ่งขึ้นเนินตรงหน้าบ้านของผมพอดิบพอดี


  • ตูออกมาตีแบดฯ หน้าบ้าน...ก็เห็น

    ออกมาดูปลานิลในบ่อหน้าบ้านที่พ่อเลี้ยงไว้กะว่าจะกินแต่ไม่มีใครกล้าทุบหัวมัน...ก็เห็น

    ออกมาเด็ดดอกดาวเรืองที่แม่ปลูกไว้เรียงเป็นแถวข้างถนนในบ้าน...ก็เห็นอีก

    เรียกว่าคุณพี่เกาหลีท่านนี้ขยันมาก วิ่งทุกวัน...ย้ำว่าทุกวันจริงๆ ทั้งที่เห็นว่าหอบว่าเหนื่อย เหงื่อท่วมผิวขาวจั๊วะของคุณพี่ท่านเป็นเม็ดเป้งเม็ดโป้ง คุณพี่ท่านหายั่นไม่

    มานึกดูอีกที สมัยนั้นเกาหลงเกาหลีคงยังไม่มีการทำศัลยกรรมแปลงร่างกันเป็นแฟชั่นกลาดเกลื่อนเหมือนสมัยนี้ ไม่อย่างนั้นตามประสาคนอ้วน (กว่า) และแสนจะขี้เกียจออกกำลังกาย (อย่างผม) ก็คงได้วิ่งออกไปดักหน้าดักหลังให้คุณพี่เกาหลีคิดว่าเป็นเด็กบ้า แล้วแนะนำให้คุณพี่ไปดูดไขมันเสียจะดีกว่า

    ก็แหม! วิ่งน่ะ เหนื่อยจะตาย จะวิ่งกันไปทำมายยยยย
  • ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมในจังหวัดภาคเหนือห่างไกลขนาดนั้น เมื่อเนิ่นนานขนาดโน้น ถึงได้มีคุณพี่เกาหลีมาพำนักอาศัยอยู่เป็นการถาวรถึงขั้นออกมาวิ่งให้เห็นกันได้ทุกวัน แล้วเอาเข้าจริงก็ไม่รู้หรอกว่าคุณพี่แกเป็นเกาหลี เป็นหนุ่มเหนือ เป็นหนุ่มอีก้อ หรือเป็นหนุ่มจีนฮ่อ (ที่ต่างก็ผิวขาวพอๆ กัน) คนที่บอกว่าคุณพี่แกเป็นเกาหลีก็คือคุณมารดาผู้รอบรู้เรื่องราวในละแวกบ้านเป็นอย่างดีนี่แหละ

    แม่บอกว่า คุณพี่เกาหลีมาทำงานอะไรสักอย่างให้กับค่ายทหารที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของเรา เขาก็เลยมาอยู่แถวๆ ค่าย (หรือจะอยู่ในค่ายเลยผมก็ไม่แน่ใจ) เพราะฉะนั้น เขาจึงสามารถออกมาวิ่งได้ทุกวันๆ ไม่มีเว้นวรรคเลยแม้แต่วันเดียว

    เห็นแล้วผมเหนื่อยแทน!

    สมัยก่อนนั้น ผมเป็นเด็กจำพวกเด็กเรียน ไม่เคยปลื้มกิจกรรมใดๆ ที่ต้องเหนื่อยหนักออกกำลังกายเอาเสียเลย ก็คงด้วยเหตุนี้แหละครับ ที่ทำให้ร่างกายไม่เคยผ่ายผอมเหมือนมดตะนอยเอวคอดกับเขาเสียที ส่วนใหญ่ในชีวิต ร่างของผมจะอวบอ้วนอูมพี แล้วก็ไม่ใช่ประเภท ‘หมูแข็งแรง’ เหมือนที่เขาฮิตกันยุคนี้ด้วย พูดง่ายๆ คือเป็นเด็กอ้วนๆ อวบๆ (คือก็ไม่ได้อ้วนขนาดยักษ์ปักหลั่นหรอกนะครับ) ที่อ่อนแอทั้งทางกายทางใจชอบคิดว่าตัวเองเปราะบางเป็นที่น่าทะนุถนอมของเพื่อนๆ

    เวลาที่ทุกข์ทรมานใจที่สุดของผม เห็นจะเป็นคาบพละ ไม่ใช่เพราะต้องออกไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลให้เหนื่อยแฮกแทบขาดใจหรอก ความอุบาทว์ชาติชั่วของคาบพละมันเริ่มตั้งแต่ในห้องเรียนแล้ว

    เราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่นแปลว่าเด็กอ้วนเด็กอวบอย่างผมก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเขาด้วย

    การเปลี่ยนกางเกงยังพอทำเนา เพราะเราเอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบร่างด้านล่างได้ ใครก็ไม่มาจับสังเกตสังกาอะไร ไอ้ที่ร้ายกาจกว่าคือการเปลี่ยนเสื้อต่างหาก
  • เวลาคนอื่นๆ เปลี่ยนเสื้อ เขาก็ถอดกันได้สบายๆ ไม่อายใคร แต่ผมกลับอับอายขายขี้หน้ารูปร่างของตัวเองเป็นยิ่งนักตามประสาเด็กอ้วนอวบที่ย่อมมีทั้งพุงทั้งนมทั้งรอบแขนที่ใหญ่โตย้วยเละ ขยับทีก็รู้สึก (ไปเอง) ว่ามันกระเพื่อมเหมือนเยลลี่ น่าอับอายอย่างยิ่ง

    ถึงวิชาพละทีไร ผมจึงอกไหม้ไส้ขม ค่อยๆ ทำทีเป็นปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก แต่ยังไม่ถอดเสื้อ รอให้คนอื่นๆ เปลี่ยนเสร็จออกไปกันสักครึ่งห้องก่อน จากนั้นก็ผลัวะ! ถอดเสื้อนักเรียน สไลด์ตัวใส่เข้าไปในเสื้อพละด้วยความเร็วประหนึ่งกามนิตหนุ่มหรือไม่ก็ความเร็วแสง แม้บางทีเนื้อที่ย้วยเละจะล้นเท้อออกมาตามขอบเสื้อที่ใส่ไม่เสร็จอยู่บ้าง ก็ต้องรีบรูดเข้าไปให้รวดเร็วที่สุดเหมือนการรูดใบตองหมูยอเวลาจะห่อ
    เอาไปนึ่ง

    ครั้นพอออกไปในสนาม ก็แน่นอนว่าย่อมถูกสั่งให้วิ่งวอร์มรอบสนามฟุตบอล ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า โรงเรียนที่กรูเรียนอยู่จะเป็นโรงเรียนหรือที่จัดแข่งฟุตบอลโลก (ฟระ) สร้างสนามเสียขนาดมาตรฐานกันเลยทีเดียว แค่วิ่งรอบสนามรอบเดียวก็รู้สึกราวกับหัวใจจะหลุดทะลุชั้นไขมันออกมาจากหน้าอก เสร็จ
    จากคาบพละทีไร ผมเป็นต้องอยู่ในอาการโคม่าใกล้ตายทุกที

    ด้วยเหตุนั้น เด็กอ้วนอวบตัวน้อยๆ (เสียที่ไหนล่ะ!) จึงสงสัยอยู่เสมอมาว่า คุณพี่เกาหลีร่างอวบ (กว่า) ท่านนั้นจะออกมาวิ่งอะไรได้ทุกวี่ทุกวัน แถมไม่ได้วิ่งในที่ราบด้วยนะ 

    ไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไรกัน!
  • 2

    สามสี่เดือนถัดมา ผมลืมเรื่องคุณพี่เกาหลีท่านนั้นไปเสียสนิท ก็แหม! คุณพี่เกาหลีไม่ใช่เรน จีวอน หรือดาราเกาหลีหล่อเหลากล้ามบึ้กอะไรนี่ครับ ถ้าจะเหมือนใครสักคน ก็คงเหมือนคนที่แต่งเพลง Gangnam Style มากกว่า (แน่ะ! เลือกปฏิบัติด้วยการจำชื่อเขาไม่ได้อีก...โอ๊ย! ไม่รู้หรือไงว่าเขาชื่อ ไซ หือ!) (เอ่อคนอะไรฟระชื่อไซ) (แน่ะ ยังเถียงอีก!)

    อย่างไรก็ตาม คุณพี่ไซของเรา (จริงๆ เขาชื่ออะไรก็ไม่รู้หรอกนะครับ) ยังวิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าผมจะเห็นหรือไม่เห็น สังเกตหรือไม่สังเกต จนกระทั่งจำเนียรกาลผ่านมาสามสี่เดือน แม่ของผมก็ได้เอื้อนเอ่ยวจีกรรมขึ้นมาว่า

    “เฮ้ย! ผอมลงจริงๆ ด้วยเว้ย”

    ผมเอามือลูบพุงตัวเอง แทบจะลุกไปส่องกระจก แต่ให้บังเอิญว่าตอนลูบพุงนั้น เนื้อย้อยใต้แขนมันย้วยไปกระทบกับสีข้างเสียก่อน เลยรู้สึกตัวว่า แม่ไม่ได้พูดถึงเราแน่ๆ อันตัว ข้าพเจ้านั้นก็ยังอ้วนปี๋เหมือนเดิม จึงเกิดพุทธิปัญญาพวยพุ่งเงยหน้าขึ้นมองแม่ และเห็นแม่มองออกไปนอกหน้าต่าง

    ที่นั่น คุณพี่ไซกำลังวิ่งเหย่าๆ ผ่านหน้าบ้านไป แต่คราวนี้ไม่ได้มาในมาดหนุ่มอ้วนอวบวิ่งเหนื่อยหอบเหงื่อเต็มตัวอีกแล้ว เขากลายเป็นหนุ่มที่ดูแข็งแรง พุงยุบ และวิ่งขึ้นเนินไปช้าๆ แบบฉิวๆ ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยกับทางชันนั่น

    โอ้พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก!

    นับแต่วันนั้น ผมคอยเฝ้าดูคุณพี่เกาหลีด้วยความพิศวงอัศจรรย์ใจ เห็นคุณพี่ผอมลงพลางแข็งแรงขึ้น

    แต่เด็กที่อ้วนจนติดลมบนแล้วอย่างผม มีหรือจะคิดใช้เป็น Lesson Learnt ใดๆ

    คาบพละยังน่าเหนื่อยหน่ายเช่นเดิม หาได้มีสำนึกสำเหนียกใดๆ ไม่

    นี่คือเรื่องวิ่งแต่ครั้งบรมสมกัปป์ เมื่อเนิ่นนานมาแล้วจนกระทั่งถึงอายุ... เอ่อ... ไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่าเข้าสู่ Coming of Age ครั้งที่สามพันสิบสองก็คงได้—ผมจึงนึกถึงคุณพี่เกาหลีท่านนั้นขึ้นมา

    เมื่อผมเริ่มต้นการวิ่งของตัวเองขึ้นมาบ้าง

    มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน,

    แม้กระทั่งตัวผมเอง!


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in