Title: Monster : Ch. 1 [Satan and Contract]
Author: DiaryOfMyboys
Warning: 2 Chapters
ในความมืดแห่งรัตติกาลสายลมพัดกระโชกบอกถึงความบ้าคลั่งของภูมิอากาศ ต้นไม้น้อยใหญ่ปลิวไหวไปตามกระแสลมกิ่งก้านที่ดูอ่อนแอก็หักปลิวว่อน สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ต่างหลบภัยกันหัวซุกหัวซุน ด้วยเกรงกลัวต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างกะทันหัน
เว้นเพียงแต่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวผ่านความมืดมาตามทางอย่างมั่นคงชุดสีดำสนิทที่สวมใส่ปลิวสะบัดตามแรงลมผ้าคลุมหน้าพัดหลุดลงมาตกอยู่ที่ไหล่แข็งแรงเผยให้เห็นใบหน้าที่ถึงแม้จะดูหล่อเหลาคมคาย แต่กลับซีดเผือดตัดกับความมืดรอบด้านดวงตาคมกล้าสีดำที่ดูมีเสน่ห์นั้นไร้แววแห่งชีวิตส่งผลให้ใบหน้านี้ดูน่าหวั่นเกรงมากกว่าน่าชื่นชม
มือใหญ่ขาวซีดไม่ต่างจากใบหน้าจับผ้าคลุมกลับมาปกคลุมใบหน้าไว้อย่างเดิมขายาวก้าวเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง มิได้กังวลกับลมพายุที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงสุนัขตัวจ้อยที่อยู่ภายในกรงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ชายหนุ่มเดินผ่านเห่าอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นคนแปลกหน้าผ่านมาเมื่อเขาชำเลืองไปมองเพียงนิดเดียวเท่านั้นเจ้าสุนัขก็รับรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าสมควรสงบปากลงซะ เจ้าตัวน้อยร้องหงิง ๆหางจุกก้นเดินกลับไปนอนขดอยู่บนเบาะตามเดิม ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างขำขัน
‘เจ้าสัตว์น้อยตัวกระจ้อยรู้จักเก็บชีวิตของเจ้าไว้ก็ดีแล้ว’
ฝีเท้าของชายหนุ่มก้าวมาเรื่อย ๆจนเมื่อดวงตาที่ไร้แววนั้นมองฝ่าความมืดและลมพายุไปที่บ้านหลังหนึ่งทางซ้ายมือจังหวะการก้าวขาช้าลง จนหยุดนิ่งเมื่อถึงรั้วไม้สีขาวของบ้านหลังน้อย
ดวงตาคมจับจ้องไปที่ชั้นสองของตัวบ้านหน้าต่างทางซีกขวาของชั้นบนนั้น เป็นจุดเดียวของบ้านที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาบ่งบอกที่อยู่ของเจ้าของที่พักได้อย่างดีม่านหน้าต่างที่ถูกปิดไว้นั้นทำให้ไม่สามารถมองเข้าไปเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้มีเพียงเงาตะคุ่มบางคราวที่มีใครสักคนเดินผ่าน
เค้าอมยิ้มอย่างถูกใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นข้างหนึ่งโบกเบา ๆตรงหน้าคล้ายกับปัดแมลงหวี่ที่บินมาตอมปลายจมูกคมแล้วจู่ ๆ หน้าต่างปิดสนิทที่ถูกจับจ้องอยู่เมื่อครู่ถูกแรงลมพัดกระโชกให้เปิดออกเงาสลัวที่ทาบทับบนผ้าม่านบ่งบอกว่ามีคนกำลังเดินตรงมาที่หน้าต่างบานนั้น
หัวใจของชายหนุ่มที่เหมือนจะไม่ได้เต้นมานานนับพันปีกระตุกไหว
มือเล็ก ๆ ของคนที่เป็นเจ้าของเงาค่อย ๆเอื้อมมาเปิดผ้าม่านที่ปลิวสะบัด แสงไฟที่ส่องมาจากข้างในตัวบ้านด้านหลังร่างนั้นทำให้เห็นหน้าของร่างบอบบางได้ไม่ถนัด มือเล็ก ๆ เอื้อมออกมาหมายจะปิดหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่
คนตัวเล็กเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อให้คว้าบานหน้าต่างได้ถนัดแสงไฟจึงได้มีโอกาสส่องกระทบใบหน้านั้น จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากน้อย ๆสีแดงอ่อน วางอยู่เหมาะเจาะบนใบหน้าเรียวขาว
แต่ที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้างามนั้นคงไม่มีอะไรเกินไปกว่า ดวงตาพราวระยับเป็นประกายชายหนุ่มที่เฝ้ามองคนตัวเล็กพยายามคว้าบานหน้าต่างให้กลับมาปิดนั้นหัวใจรู้สึกอุ่นวาบ
...ใช่เจ้าจริง ๆ ...จีเฮ... ไม่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ถึงแม้หน้าตาเจ้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน หรือแม้กระทั่งเจ้าเกิดเป็นชายดวงตาของเจ้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไป มันสุกใสดั่งดาวบนฟากฟ้าเฉกเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เราได้สบตากัน...
.
.
.
.
.
.
ครั้งแรกที่ข้าได้มองดวงตาแสนสวยคู่นั้นข้าก็ตกหลุมรักอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คุณหนูเจ้าคะ ...คุณหนู.....คุณหนูจีเฮ หยุดวิ่งก่อนเถอะเจ้าค่ะถ้าหกล้มไปจะเจ็บ แล้วก็โดนท่านพ่อดุนะเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ร่างท้วมที่วิ่งตามเด็กหญิงตัวน้อยๆ ร้องบอกมาอย่างเป็นห่วง
“พี่บีโฮตามจีเฮมาเร็ว ๆ สิจ๊ะ จีเฮจะไปจับผีเสื้อตัวนั้นมาให้ได้”เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบหันมาเรียกพี่เลี้ยง ที่วิ่งตามหลังอยู่ไกล ๆทั้งที่ยังคงวิ่งตามเจ้าผีเสื้อแสนสวยตัวนั้นอย่างไม่ลดละ
“คุณหนูอย่าวิ่งไปทางนั้นเจ้าค่ะตรงนั้นมันมีหน้าผา เดี๋ยวจะพลัดตกลงไปนะเจ้าคะ คุณหนู”
“เจ้าผีเสื้อน้อยแสนสวย รอข้าก่อนข้าจะพาเจ้าไปให้ท่านพี่ดู ท่านพี่ต้องชอบเจ้าแน่ ๆ ไปกับข้าเถอะ” จีเฮตัวน้อยไม่ฟังที่พี่เลี้ยงพูดพยายามวิ่งไขว่คว้าตามผีเสื้อตัวเดิมไปเรื่อย ๆ
“เจ้าผีเสื้...อ๊ะ” และโดยที่ไม่ทันระวัง ขาเล็ก ๆ ก็ก้าวพลาดเหยียบก้อนหินแล้วสะดุดร่างเล็กเซถลาไปทางพุ่มไม้น้อยที่ปิดกั้นทางลาดลึกที่เป็นเหมือนหน้าผาย่อม ๆตัวเล็กหล่นลงไปตามทางนั้นอย่างไม่ตั้งตัว
“ ว้ายยยย คุณหนู คุณหนูจีเฮตกหน้าผา ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที คุณหนู คุณหนูของพี่อย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ คุณหนู”เสียงโวยวายของบีโฮพี่เลี้ยงคนสนิทแว่วตามมาจากด้านบนหน้าผานั้น
จีเฮกลิ้งลงมาตามทางที่ลาดชันจนมาหยุดลงที่พื้นราบด้านล่างด้วยความสูงของหน้าผาไม่มากนัก คนตัวน้อยจึงได้รับแค่รอยขีดข่วนที่เป็นผลมาจากการกลิ้งลงมาเพียงเท่านั้นจีเฮดันตัวขึ้นนั่ง ตัวสั่นเทาจากความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“ ฮือ อือ ฮือออ... พี่บีโฮช่วย.. ฮึก.. จีเฮด้วย จีเฮกลัว ช่วยจีเฮหน่อย.. ฮึก ท่านพ่อท่านพี่ จี.. ฮึก.. เฮ กลัวฮือ..”
เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มต้นร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัวสองมือที่ถลอกยกขึ้นกอดขาเข้ามาชิดลำตัว ก้มใบหน้านองน้ำตาไว้กับหัวเข่า
“คุณหนูจีเฮไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเจ้าคะ คุณหนู เดี๋ยวพี่จะไปตามคนมาช่วยนะเจ้าคะรอเดี๋ยวนะเจ้าคะ” บีโฮเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของคุณหนูผู้เป็นที่รักก็โล่งใจที่คนตัวเล็กไม่เป็นอะไรมาก จึงรีบวิ่งไปตามคนมาช่วยคุณหนูขึ้นมา
จีเฮยังคงกอดเข่าร้องไห้ไม่หยุดความเจ็บปวดจากรอยขีดข่วนทำให้คุณหนูที่ไม่เคยลำบากและมีแต่คนคอยประคบประหงมเลี้ยงดูดั่งไข่ในหิน รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
จู่ ๆ คนที่สะอื้นไห้ก็รู้สึกเย็นวาบที่แขนตรงที่มีรอยข่วนเป็นทางยาวหนูน้อยจึงค่อย ๆ เงยหน้าที่นองน้ำตาขึ้นมามองหาสาเหตุ
ดวงตากลม ๆ ของหนูน้อยมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้ผ้าเปียกน้ำที่ดูเปรอะเปื้อน เช็ดเบา ๆ ตรงแขนที่มีรอยข่วนจนเลือดซึมบนแขนเล็กๆ ของตัวเอง เสื้อผ้าของเด็กชายที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดแผลให้เธอนั้นดูเก่าและสกปรกต่างจากเด็ก ๆ ที่เคยเป็นเพื่อนเล่นของคุณหนูจีเฮที่ล้วนแต่เป็นลูกคนรวยทั้งสิ้นจีเฮน้อยเริ่มหยุดสะอื้นพลางจ้องมองไปที่คนที่ตั้งใจเช็ดแผลตรงหน้าความหวาดกลัวเริ่มหายไปเมื่อมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนอย่างนี้
“เจ็บตรงไห...นอีก” เด็กชายที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าเช็ดรอยเลือดจากแขนขาวๆ เงยหน้าขึ้นมาหวังจะถามหาบาดแผลตรงส่วนอื่นแต่คำพูดต้องสะดุดไปเพียงเพราะสบเข้ากับนัยน์ตาสีสวยที่คลอน้ำตาคู่นั้น
ดวงตาเป็นประกายสุกสกาวดั่งดวงดาวในคืนเดือนแรมทำให้หัวใจของเด็กผู้ชายมอมแมมเต้นรุนแรงย่างไม่เป็นจังหวะโดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกเข้าไปในหลุมพรางที่เรียกว่าความรักเสียแล้ว
.
.
.
“มินฮยอง .....มินฮยอง เจ้าดูนี่สิข้าปักผ้าเช็ดหน้าได้แล้วนะ ดูสิ” เด็กสาวอายุสิบห้าปีที่ยังดูแก่นแก้วไม่ต่างจากตอนเด็ก วิ่งโบกผ้าเช็ดหน้าพลางตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่มานั่งรอใต้ต้นไม้ต้นประจำก่อนจะวิ่งมาถึงแล้วยื่นผลงานให้ดู
“คุณหนูเก่งจังเรียนไม่กี่วันก็ปักรูปค้างคาวได้สวยอย่างนี้แล้ว” มินฮยองรับผ้ามาดูแล้วอมยิ้มตอบไป
“บ้า ใช่ที่ไหนกันเล่าเจ้านี่ตาไม่ถึงเลยนะมินฮยอง นี่มันผีเสื้อต่างหากล่ะไม่ใช่ค้างคาวอย่างที่เจ้าว่าสักหน่อย” คุณหนูคนสวยบอกพลางอมลมจนแก้มพอง
“แล้วอีกอย่างข้าบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ว่าให้เรียกชื่อข้า ไม่ใช่คุณหนู คุณหนูข้าเบื่อจะฟังแล้วกับไอ้คำว่าคุณหนูเนี่ย พี่บีโฮ เรียกอยู่ได้ทั้งวัน” คุณหนูผู้ไม่อยากถูกเรียกว่าคุณหนูบ่นซะยืดยาว จนคนฟังต้องยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ก็ข้ากลัวเผลอตัวเรียกชื่อเจ้าต่อหน้านายท่านน่ะสิมีหวังได้โดนโบยแน่ ๆ อย่าโกรธเลยนะจีเฮ ข้าขอโทษ”
“ก็ได้ข้าหายโกรธเจ้าก็ได้อ่ะผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เนี่ย ข้าตั้งใจเอามาให้เจ้าเลยนะ เพื่อนรักของข้า” จีเฮพูดพร้อมยิ้มตาหยีอย่างภูมิใจให้อีกคนรับผ้าเช็ดหน้าที่ปักเองกับมือไป
มินฮยองรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาพร้อมกับมองรอยยิ้มที่สดใสของคุณหนูคนสวยหัวใจที่มันชอบกระตุกทุกครั้งที่ได้พบเจอกับคนตรงหน้านี้เต้นรัวมากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าหวานที่อยู่ห่างไม่ถึงไม้บรรทัดนั้นช่างน่าหลงใหลกลิ่นกายหอมเหมือนดอกไม้ยิ่งชวนให้เผลอไผล เด็กหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จีเฮตกใจเล็กน้อยที่ใบหน้าหล่อคมของมินฮยองนั้นเคลื่อนเข้ามาหาก่อนสัญญาณบางอย่างในหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นนั้น จะสั่งให้ปิดเปลือกตาลง
สัมผัสบางเบาเกิดขึ้นที่ริมฝีปากบาง เมื่อใบหน้าเคลื่อนมาหากันจนไม่เหลือช่องว่างความรู้สึกสุขล้ำเกิดขึ้นเพียงเพราะสัมผัสผิวเผินนี้เนิ่นนานที่ริมฝีปากสองคู่นั้นประทับวางไว้ด้วยกันจนเหมือนจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนั้น
“คุณหนู ........คุณหนูค๊า อยู่ไหนเจ้าคะ ท่านพ่อเรียกหาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู......”
เสียงแหลมปรี๊ดเรียกให้ทั้งสองตื่นจากภวังค์ผละหน้าออกห่างจากกัน จีเฮลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ มินฮยองส่งยิ้มที่อ่อนโยนมาให้ทำให้คุณหนูคนสวยก้มหน้างุดพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“พ...พี่บีโฮมา...เรียก ข....ข้าต้องไปแล้ว” ก้มหน้าก้มตาพูดก่อนจะออกวิ่งไป
“แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมารอที่นี่อีกนะคุณหนู.......” มินฮยองส่งเสียงบอกตามหลัง ก่อนจะอมยิ้ม มือกร้านลูบเบา ๆที่รอยปักรูปผีเสื้อพร้อมพูดเสียงแผ่วหวิวกับผ้าเช็ดหน้าในมือ
“จีเฮ ที่รักของข้า”
.
.
.
“อืมมม ..... อะ.....ฮ้า....หยะ หยุด ...หยุดก่อนมินฮยอง” ฝ่ามือเล็กดันหน้าอกชายหนุ่มที่สวมกอดตนและตั้งหน้าตั้งตาจุมพิตให้ออกห่างเพื่อจะได้หยุดพักหายใจ
“ทำไมล่ะคนดีข้าคิดถึงเจ้ามากนะรู้มั้ยจีเฮที่รักของข้า เจ้าไปต่างเมืองกับนายท่านตั้งหลายวันไม่คิดถึงมินฮยองของเจ้าบ้างหรือไร”ชายหนุ่มตัดพ้อ แต่ปลายจมูกยังคลอเคลียที่แก้มใส
ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่เคยเป็นที่นัดพบของสองเพื่อนซี้บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่นัดพลอดรักของคู่รักต่างชนชั้นพุ่มไม้ที่เคยใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาในวัยเด็กบัดนี้กลายเป็นที่กำบังให้พ้นจากสายตาพี่เลี้ยงเมื่อยามโอบกอดกัน
“คิดถึงสิ ทำไมข้าจะไม่คิดถึงเจ้าล่ะแต่ว่าเจ้าเล่นจูบข้าไม่ปล่อยแบบนี้เดี๋ยวข้าก็ขาดอากาศตายกันพอดีหรือว่าเจ้าอยากให้ข้าตาย จะได้ไปหาหญิงอื่นกัน” สาวน้อยจีเฮแกล้งทำน้อยใจตัดพ้อคนรักกลับบ้าง
“ไม่ ไม่ใช่นะคนดีข้าไม่มีวันยอมให้คุณหนูของข้าตาย หรือจากไปไหนหรอก” มินฮยองว่าพลางโอบคุณหนูผู้เป็นดวงใจเข้ามาในอ้อมกอดมากขึ้น
“แล้วถ้า...ถ้าข้าต้องจากเจ้าไปจริงๆ ล่ะ เจ้าจะทำยังไงมินฮยอง” จีเฮพูดเสียงอ้อมแอ้มก้มหน้าซุกลงกับอกหนา
“ข้าจะตามเจ้าไปทุกที่จะหาเจ้าให้พบ ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ก็ตาม” ชายหนุ่มพูดเสียงมั่นคงโดยไม่ทันได้สังเกตแววกังวลบนใบหน้าที่ซุกอยู่ที่อกตนเลย
“แต่คงไม่มีวันนั้นหรอกใช่มั้ย จีเฮของข้าไม่มีวันจากข้าไปไหนหรอกจริงมั้ย”
“อะ เอ่อ ... โอ๊ะ มินฮยองเจ้าดูผีเสื้อตัวนั้นสิสวยจังเหมือนข้าจะเคยเห็นมันที่นี่บ่อย ๆ นะ ใช่แล้วเหมือนตัวที่ข้าไล่จับเมื่อวันแรกที่เราได้พบกันด้วย”หญิงสาวอึกอักไม่อาจตอบคนรักของตัวเองได้จึงเปลี่ยนเรื่องไปสนใจผีเสื้อแทน
“หึหึเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นตัวเดียวกันน่ะยอดรักผีเสื้อที่ไหนจะอายุยืนยาวขนาดนั้นกัน”
“แต่มันเหมือนกันจริง ๆ นะมินฮยอง ปีกสีน้ำเงินอมดำแบบนี้แหละสีมันเหมือนผีเสื้อกลางคืนแต่กลับออกมาบินตอนกลางวันแบบนี้มันไม่แปลกเหรอ” จีเฮรู้สึกโล่งใจที่มินฮยองไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรจึงชวนคุยเรื่องผีเสื้อต่อไป
“เช่นนั้นมันก็คงเป็นปีศาจผีเสื้อกระมังมันคงหลงรักเจ้าถึงได้มาบินวนเวียนอยู่ที่นี่ตลอดน่ะ ช่างน่าสงสารนักเจ้าผีเสื้อนางเป็นของข้า ผีเสื้อต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีวันได้นางไปครอบครองหรอกนะจำไว้” มินฮยองหันไปบอกเจ้าผีเสื้อที่บินอยู่ใกล้ ๆ นั้น
แต่เค้าไม่ทันได้คิดกับคำพูดเหล่านั้น ... ว่าสักวันมันจะกลับมาทิ่มแทงตัวของเค้าเอง
.
.
.
“มิน... มินฮยอง ฮึก...ฟะ...ฟัง...ฮึก ...ข้าพูด กะ... ก่อน” ดวงตาของหญิงสาวที่เคยเป็นประกายสดใสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาและความกังวล มือเล็กพยายามยื้อยุดมือของอีกคนที่ดึงข้อมือของตนอยู่
“ไป เราต้องไปพูดกับนายท่านนะจีเฮระ...เราต้องบอกท่าน ว่า ...อึก ...เรา ...เรารักกัน” ชายหนุ่มพยายามดึงร่างของคนรักให้ตรงไปที่คฤหาสหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อรับรู้ว่าจะต้องสูญเสียคนที่รักไป
“ไม่ ฮือ ฮึก ...มินฮยอง เจ้าฟังข้าก่อน ฮึก ...ท่านพ่อ ไม่ได้...ฮึก บังคับข้า”
“ไม่ ขะ..ข้าไม่เชื่อนายท่านต้องบังคับเจ้า ...เค้าบังคับ ฮึก...ให้เจ้าแต่งงานกับ..อึก..กับไอ้ลูกขุนนางใหญ่นั่นใช่มั้ยบอกข้าสิ บอกข้ามาจีเฮ ว่าเจ้า ...ฮึก...เจ้าถูกบังคับ บอกข้ามา!!” มินฮยองหยุดเดินหันมาจับไหล่บางทั้งสองข้างเขย่าเพื่อเค้นเอาสิ่งที่ตนต้องการ
สิ่งที่หัวใจรู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้ว...หัวใจของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้ว
“ฮือ...ข้า...ข้าขอโทษมินฮยอง...ข้า..ฮึกไม่ได้ถูกบังคับ...ข้าจะแต่งงานกับท่านดงฮยอก ...อึก...เพราะข้า..ระ”
“ไม่จริง !! เจ้ารักข้า เจ้ารักข้าใช่มั้ย ตอบข้ามา ตอบข้า เจ้าเป็นจีเฮของข้าข้าไม่ยอมให้เจ้าจากไปไหน ไม่!!” ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่งน้ำตาไหลอาบแก้ม เค้าไม่อาจทนฟังได้ว่าความรักที่เคยเป็นของเค้าบัดนี้มันไม่ใช่อีกต่อไป
“เจ้าไพร่ ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้ !! นางเป็นคู่หมั้นของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับแรงดึงหญิงสาวผู้เป็นที่รักไปสู่อ้อมอก
“เจ้า!! นางเป็นคนรักของข้าต่างหาก เจ้าใช้เงินและอำนาจมาแย่งนางไป ไอ้สารเลว”มินฮยองตาลุกเป็นไฟเมื่อเห็นคนรักอยู่ในอ้อมกอดคนอื่นจะเดินเข้าไปทำร้ายเจ้าลูกขุนนางสารเลวนั่นแต่ก็โดนจับไว้โดยพวกข้ารับใช้ที่ตามนายน้อยคนนั้นมา
“ปล่อย ปล่อยข้า”
“หึ ช่างน่าสมเพชนัก นางเป็นของข้าเจ้าไพร่ต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีวันได้นางไปครอบครองหรอกนะจำไว้ เอามันไปโยนทิ้งไกลๆ จากที่นี่ อย่าให้มันมาเข้าใกล้คุณหนูได้อีก” ชายหนุ่มสูงศักดิ์ออกคำสั่งกับลูกน้องพร้อมทั้งโอบประคองคุณหนูจีเฮที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นเดินกลับไปทางคฤหาสหญิงสาวยังคงสะอื้นไห้หันกลับมามองมินฮยองที่ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ
“ข้าขอโทษมินฮยอง ข้าขอโทษ”พร่ำบอกครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเคียงไปกับคู่หมายของตัวเอง
“ไม่ !! จีเฮ คุณหนูที่รักของข้า ไม่... ข้ารักเจ้านะข้ารักเจ้า... อั่ก....”
เมื่อเจ้านายทั้งสองไปลับตาแล้วเหล่าข้ารับใช้ก็ช่วยกันรุมสะกรำเจ้าคนต่ำต้อยที่ใฝ่สูงเกินตัว ให้ได้รู้สำนึกจนร่างนั้นยับเยินและหายใจรวยริน
ชายหนุ่มถูกนำมาโยนตรงหน้าผา ...หน้าผาที่ครั้งหนึ่งเค้าได้สบนัยตาแสนสวยคู่นั้น ...ร่างของเค้ากลิ้งลงมาจนมากองอยู่ด้านล่างลมหายใจเริ่มแผ่วหวิว แต่หัวใจที่ใกล้จะหยุดเต้นเต็มทีนั้นกลับยังถวิลหาเพียงดวงตาดุจดวงดาวที่เคยมองมาด้วยความรัก
ข้ารักเจ้าเหลือเกินจีเฮ รักมากกว่าอะไรในโลกข้าไม่โกรธเจ้า ไม่เลยสักนิด ข้าเพียงอยากจะได้อยู่เคียงข้างเจ้าอยากจะเห็นรอยยิ้มของเจ้า อยากได้ยินคำว่ารักจากเจ้าอีกสักครั้ง
แสงที่เคยส่องสว่าง บัดนี้กับริบหรี่เต็มทีลมหายใจอ่อนลงแทบสิ้น ก่อนที่โลกจะกลายเป็นสีดำมืดสิ่งสุดท้ายที่ตาคมกล้ามองเห็นอย่างเลือนลางก็คือ ปีกสีน้ำเงินอมดำที่กระพือเบา ๆอยู่ตรงหน้า และเสียงกระซิบที่เหมือนดังมาจากที่ไกล ๆ
อยากได้คนรักคืนไหม
งั้นเรามาทำสัญญาแลกเปลี่ยนกัน
ให้ข้ายืมร่างกายนี้หนึ่งร้อยปี
แล้วหลังจากนั้นสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะได้มาครอบครองสมใจ
.
.
.
.
.
จากวันนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวอะไรแต่ข้าไม่สนสิ่งใดทั้งนั้น ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ในจิตใจของข้านั้นถวิลหาแต่เพียงเจ้าเท่านั้นยอดรักของข้า
ลมพายุค่อยพัดเบาบางลงคนตัวเล็กที่พยายามปิดหน้าต่างอยู่นั้นจึงสามารถดึงบานหน้าต่างมาได้เสียทีแต่ก่อนที่หน้าต่างจะได้ปิดลง ดวงตากลมสวยก็สบเข้ากับตาคมกล้าสีดำสนิท
คล้ายเวลาหยุดนิ่งทั้งสองต่างจ้องดวงตาของอีกฝ่ายไม่กระพริบ ความถวิลหา อาวรณ์และความรักถูกถ่ายทอดออกมาให้อีกคนได้รับรู้
ในที่สุด ข้าก็พบเจ้าแล้ว ....สุดที่รักของข้า
“เจโน่ ปิดหน้าต่างแล้วรีบเข้านอนนะลูก”
“ครับคุณแม่”
เสียงทุ้มหวานหันไปตอบรับคนเป็นแม่ แล้วรีบหันกลับไปมองตามทิศทางเดิมที่เมื่อสักครู่เหมือนเค้าจะได้สบตากับใครสักคนแต่กลับไม่เห็นอะไรอีกนอกจากความมืด
“คงจะตาฝาดไปแน่ ๆอ่านหนังสือเยอะไปละมั้งเนี่ยเจโน่”
มือขาวปิดบานหน้าต่างลง เดินไปปิดไฟและทิ้งตัวนอนสู่ห้วงนิทรา โดยไม่ได้รู้เลยว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องพบเจอกับบางสิ่งที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล
.
.
.
To be continued in Day – 30
#marknomons
p.s. เคยแต่งเป็นคิเฮไว้นานมากกกแต่ไม่จบ เอามาปัดฝุ่นใหม่คราวนี้กับมาร์คโน่จบแน่นอน5555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in