Title: Intervenor : 1 st [Teacher and Me]
Author: DiaryOfMyboys
Warning: 3 Chapters
ณ ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยหมู่ไม้นานาพรรณ ดอกไม้หลากสีสันแข่งกันผลิบานรับแสงอรุณแรกของวันเหล่านกต่างขับขานครื้นเครงรับวันอันสดใสในฤดูร้อน
ดรีเมอร์แลนด์เป็นเหมือนเมืองในสรวงสวรรค์ทุกสิ่งดูสวยงามสดใส ผู้คนหน้าตางดงามหมดจดยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเป็นมิตรให้กันอยู่เสมอ
จะยกเว้นก็แต่คนตรงหน้าเค้านี่ล่ะมั้งที่ไม่เคยจะเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าหล่อเหลานั่นเลยสักครั้ง
เจโน่เป็นเจ้าชายองค์เล็กของราชาผู้ครองเมืองนี้ เจ้าชายน้อยรูปงามแสนฉลาดเฉลียวและร่าเริง เป็นที่รักของทุกคนที่ได้พบเห็น และในวันเกิดปีนี้เจ้าชายจะมีอายุครบ18 ปี ซึ่งถือว่าจะเข้าสู่ช่วงวัยใหม่ จึงมีธรรมเนียมสำหรับเหล่าราชวงศ์ที่จะเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่นั่นก็คือการขี่ม้าข้ามภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ที่เป็นปัญหาก็คือเจโน่นั้นกลัวการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็กแล้วจึงไม่เคยได้เรียนขี่ม้าเหมือนพวกพี่ๆมาก่อน แต่พิธีนั้นก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้เช่นกันทำให้เจโน่ต้องเข้ารับการฝึกขี่ม้าอย่างเร่งด่วน เพราะวันเกิดของเค้าจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว
และครูที่จะมาฝึกสอนเจ้าชายน้อยให้ขี่ม้านั้นไม่ใช่คนอื่นไกลเป็นพระสหายของเจ้าชายเจฟฟรี่พี่ชายของเจโน่นั่นเองอีกทั้งยังเป็นลูกชายคนเดียวของท่านแม่ทัพใหญ่ผู้เชี่ยวชาญการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็กแต่ถึงจะคุ้นเคยเห็นหน้าค่าตากันบ่อย ๆแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันนัก เพราะท่านมาร์คนั้นออกจะเป็นบุคคลที่แตกต่างจากชาวเมืองดรีเมอร์แลนด์อยู่มากทีเดียว
ดูอย่างตอนนี้ที่เดินนำหน้าเจโน่เพื่อไปที่โรงฝึกม้าก็นิ่งและดูเยือกเย็นจนคนที่เดินสวนมาต้องหลีกทางก้มหัวหลบหน้ากันไปหมดขนาดเจโน่เป็นเจ้าชายยังรู้สึกว่าคนข้างหน้านี่ได้รับความยำเกรงจากคนรอบข้างมากกว่าเค้าซะอีก
“ท่านมาร์คเราต้องฝึกกี่วันเหรอถึงจะขี่ได้คล่องน่ะ”
ด้วยอยากจะขจัดความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ไปเจ้าชายจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามไถ่ขึ้นมาก่อนแต่ก็ดูท่าจะไม่ได้ทำให้คนเงียบขรึมคนนั้นหันกลับมาตอบได้เลยยังคงมุ่งหน้าเดินตรงไปยังจุดหมายอย่างเดิม
“มันก็แล้วแต่ทักษะของแต่ละคนน่ะพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย ถ้าหัวไวสองสามวันก็คล่อง แต่ถ้าหัวช้าหรือขี้ขลาดก็อาจจะหลายวันหน่อย”
กว่าจะได้คำตอบของคำถามก็ต้องรอให้เดินมาถึงคอกม้าแล้วนั่นล่ะ แถมคำตอบนิ่งๆแถมยังเหล่มองมาทางนี้ ดูเหมือนจะค่อนขอดว่าเค้าขี้ขลาดซะอย่างนั้น
“คนเรามันก็ต้องมีสิ่งที่กลัวกันบ้างเป็นธรรมดาไม่เห็นเกี่ยวกับความขี้ขลาดตรงไหน”
กอดอกเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“เอาเถอะ ถ้าพระองค์ยังอยากจะเป็นคนในราชวงศ์นี้อยู่ก็ขอให้ทรงทิ้งความกลัวไปก่อนแล้วกันนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำได้แค่สอนแต่ลบความกลัวให้ใครไม่ได้หรอก”
ว่าจบก็ตรงดิ่งไปเปิดประตูที่กั้นม้าสีขาวตัวหนึ่งไว้แล้วเดินเข้าไปจับจูงมันออกมา
“นี่คือโนอาห์ม้าทรงของพระองค์ที่จะใช้ในวันพิธี ก่อนอื่นคือต้องทำให้ชินกับมันให้ได้ก่อน”
ครูฝึกจูงม้าตัวนั้นเข้ามาใกล้ทำเอาเจ้าชายน้อยตกใจถอยหลังหนีไปสองสามก้าว แล้วก็มานึกขึ้นได้ว่าจะต้องทำใจสู้เข้าไว้ไม่งั้นจะโดนท่านมาร์คขี้เก๊กนี่หาว่าขี้ขลาดได้อีก จึงค่อยๆตั้งหลักเดินกลับเข้าไปตรงจุดเดิม
“ยื่นมือออกมาหน่อยเจ้าชาย”
สะดุ้งกับคำบอกกล่าวนั้นแต่ก็ค่อย ๆยกมือขึ้นมา คนใจร้อนคงเห็นท่าว่าวันนี้ปลายนิ้วก็อาจจะแตะไม่โดนเจ้าม้าที่ยืนรอท่าอยู่เสียทีจึงยื่นมือมาจับมือเรียวที่ติดจะสั่นไหวนั่นไว้
ผิวเนื้อที่สัมผัสโดนกันเป็นครั้งแรกเหมือนมีประจุไฟบางๆแล่นผ่านตรงรอยสัมผัส แล้วประจุนั้นก็วิ่งอย่างรวดเร็วไปกระตุ้นให้หัวใจสั่นไหวแปลกๆ
เรียกสติกลับมาได้มือหนาก็นำพามือเรียวขาวนุ่มนิ่มนั้นมาสู่ข้างแก้มของเจ้าม้าใจดีตัวสีขาวได้เป็นผลสำเร็จ
แต่ตอนนี้เจ้าชายเจโน่ไม่รู้ว่าหัวใจที่เต้นรัวนี้นั้นเกิดจากความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสม้าครั้งแรกหรือเพราะได้สัมผัสกับมือคู่นั้นที่เค้าเฝ้ามองมาเนิ่นนานแล้วกันแน่
หยุดเลยนะเจ้าหัวใจบ้า ห้ามเต้นรัวให้คนที่เค้ามีคู่หมายอยู่แล้วสิเจ้าโง่
.
.
.
To be continued.
#inmarkno
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in