เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
— Student Lifedollfacepk
Brief Review: การสอบสัมภาษณ์ APU (APU Interview)
  • Cautions: ตัวผู้เขียนสอบได้ทุนนะคะ แต่ไม่ได้เยอะตามที่หวังเอาไว้ (ใครที่มาถามว่าได้กี่เปอร์เซ็นต์ขอไม่ตอบนะคะ มันเจ็บใจ ฮือๆ) ก็เลยตั้งใจจะมาเขียนไกด์ไลน์ให้คนอื่นที่สนใจจะศึกษาต่อที่ APU ไว้เป็นเคสศึกษา หวังว่าคงจะได้ประโยชน์กันไปไม่มากก็น้อย จะได้ไม่ทำพลาดแบบเรา ปีนี้เลยตัดสินใจเรียนที่ไทยไปก่อนค่ะ และข้อมูลต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่เขียนไว้ในปี 2018 ฉะนั้นผู้อ่านอนาคตที่หลงเข้ามาอ่านควรตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเองอีกทีนะคะ

    สวัสดีค่ะ เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดเทอมรอมหาลัยเปิด เราจึงได้ตัดสินใจเขียนการรีวิวไปสัมภาษณ์ APU เมื่อต้นปีที่ผ่านมามาฝากเพื่อนๆ หรือน้องๆ ที่สนใจค่ะ (ตอนไปสมัครเรายังเรียนม.6 ไม่จบเลยค่ะ) คิดว่าคนที่หลงเข้ามาอ่านส่วนใหญ่คงรู้จักตัวมหาลัยดีอยู่แล้ว เราจึงขอข้ามส่วนการแนะนำมหาลัยไปนะคะ ส่วนใครที่สนใจ สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์มหาลัยได้โดยตรงจากที่นี่เลยค่ะ เพราะเป็นมหาลับที่เพิ่งเปิดใหม่และมีความเป็น International มากๆ จึงเหมาะสำหรับคนที่ถนัดภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นค่ะ มีให้เลือกลงทะเบียน 2 แบบ คือ Base English / Base Japanese ส่วนเรื่องของการสมัคร เราสามารถสมัครได้ทุกปีค่ะ ถ้าอยู่ม.6 แล้วสนใจจะไปศึกษาต่อ ก็จะเป็น Freshman ส่วนนักศึกษาปีที่ 1-3 ก็สามารถสมัครได้ตลอดค่ะ โดยต้องเลือกกรอกแบบฟอร์มแบบ Transfer student นะคะ หรือจะไปเรียนปริญญาโทที่นู่นก็ได้ค่ะ แน่นอนว่าเกณฑ์ของ Transfer student กับ Freshman ไม่เหมือนกัน แถม Transfer student จะมีเกณฑ์คะแนนที่กำหนดเอาไว้สูงกว่าค่ะ ใครที่ชอบอ่านหนังสือแบบผ่านๆ หรือขี้เกียจ ควรจะอ่านตั้งแต่หน้าแรกๆ เลยจะดีกว่านะคะเพื่อป้องกันความผิดพลาด

    เกณฑ์คะแนนสำหรับ Freshman / Transfer student หัวข้อ Application Eligibility เราสามารถเลือกยื่นคะแนนสอบได้ค่ะ ขอแค่ผ่านเกณฑ์ก็พอ เพราะคะแนนส่วนใหญ่จะไปหนักตรงการสัมภาษณ์มากกว่า

    สิ่งที่ต้องเตรียม

    - รูปถ่ายนักเรียน 2 ใบ เขียนชื่อและสัญชาติไว้หลังรูปถ่ายแต่ละใบด้วยนะคะ
    - ผลสอบ TOEIC/TOEFL/IELTS หรือ JLPT/EIKEN (ในกรณีที่ลง Base Japanese)
    - เอกสารการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะเป็นพวกรูปถ่าย เกียรติบัตร หรือลายเซ็นจากอาจารย์ก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นเกียรติบัตร ก็ต้องมีฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษแนบไปด้วย
    - Portfolio (อันนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ค่ะ ของเราส่งไปเค้าก็แค่เปิดดูผ่านๆ เท่านั้นเอง)
    - ใบ Transcript ตัวจริง ภาษาอังกฤษ ถ้าใครที่ยังไม่จบม.6 ก็สามารถยื่นใบรับรองคาดว่าจะจบไปได้ค่ะ และแน่นอนว่าต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
    - เอกสารที่ทางมหาลัยให้กรอก (อยู่ในหน้าเว็บไซต์ของทางมหาลัยค่ะ)
    **เอกสารที่ส่งไปส่วนใหญ่ทั้งหมดควรเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ถ้าไม่ใช่ภาษาอังกฤษก็ควรมีแปลไว้เป็นภาษาอังกฤษ 

    เราลงตัว APM: College of Internaional Management ไป เริ่มต้นด้วยการเขียน Essay เลยค่ะ โดยจะมีให้เลือกด้วยนะคะว่าสนใจจะขอทุนกับทางมหาลัยมั้ย ถ้าใครเลือกที่จะขอทุนก็จะมีให้เขียนค่ะ หัวข้อก็ประมาณว่าทำไมเค้าถึงต้องให้ทุนคุณ แต่ทุนที่ให้ก็จะเป็นเหมือนตัวลดค่าเทอมมากกว่าค่ะ มีตั้งแต่ 0% 30% 50% 65% 80% และ 100% ค่ะ โดยสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ที่นี่เลยค่ะ

    ส่วนช่องทางการส่งเอกสารจะมีให้เลือก 2 ช่องทาง คือ การเขียนแบบส่งไปทางออนไลน์ (แน่นอนว่าถ้าเลือกแบบออนไลน์ก็ต้องชำระค่าสมัครแบบออนไลน์ด้วยนะคะ ประมาณ 1,000 กว่าบาท) และการส่งไปทางไปรษณีย์ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเราใช้วิธีการส่งแบบออนไลน์เพราะสะดวกดี แต่ถึงจะใช้วิธีการส่งเอกสารแบบออนไลน์ ก็จะมีเอกสารบางส่วนที่เราต้องส่งไปทางไปรษณีย์อยู่ดีค่ะ รายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ในแบบฟอร์มที่จะให้เรากรอกว่าเอกสารไหนที่สามารถส่งได้แค่ทางออนไลน์ หรือได้แค่ทางไปรษณีย์ หรือได้ทั้งคู่ ส่วนหัวข้อที่เราต้องเขียนก็จะถูกกำหนดมาให้ในแบบฟอร์มที่อยู่หน้าเว็บไซต์มหาลัยอยู่แล้วเช่นกันค่ะ ก่อนกรอกแบบฟอร์มก็ดูให้ดีๆ ด้วยนะคะว่าต้องกรอกพาร์ทไหนบ้าง 

    ในกรณีที่เลือกส่งเอกสารแบบออนไลน์
    เราไม่ต้องโหลดเอกสารหน้าเว็บมาก็ได้ค่ะ แต่ก็ต้องล็อคอินเข้าไปในเว็บของมหาลัยแล้วใส่ username + password ของเราลงไปในหน้าเว็บ โดยทางมหาลัยจะส่งเข้ามาให้ทางอีเมลที่เราได้กรอกตอนสมัครไปค่ะ การกรอกเอกสารในวิธีนี้จะต้องทำตามลำดับขั้นตอนไปค่ะ เช่นถ้าเรากรอกเอกสารส่วนนี้เสร็จ เราก็จะสามารถกรอกส่วนอื่นได้ต่อ ไม่ต้องกลัวนะคะว่าที่เขียนไปแล้วกด submit จะไม่สามารถแก้ได้แล้ว สามารถแก้เอกสารได้ตลอดเวลาก่อนการจ่ายเงินค่ะ

    ****ย้ำเรื่องผลการทดสอบคะแนนที่จะเอาไปยื่นนะคะ เราต้องเช็คทางเว็บไซต์ก่อนนะคะว่ารับผลการทดสอบตั้งแต่วันที่ไหนถึงวันที่ไหน เช่น ถ้าทางมหาลัยรับผลการทดสอบที่ผู้ทดสอบได้ทำการทดสอบตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เป็นต้นไป แต่คะแนนของเราทดสอบตั้งแต่ 3 มีนาคม 2560 ผลการทดสอบนั้นก็จะใช้ไม่ได้ และเราต้องไปทดสอบใหม่อีกรอบหนึ่งค่ะ

    เมื่อส่งเอกสารอะไรไปหมดแล้ว ก็มาถึงการจ่ายค่าสมัครค่ะ รอหลายอาทิตย์หน่อยก็จะมีอีเมลเข้ามาแจ้งว่าเราได้สัมภาษณ์วันไหน เวลาไหน และถ้าไม่สะดวกก็สามารถแจ้งเปลี่ยนวันและเวลาได้ค่ะ ดังนั้นต้องหมั่นเช็คอีเมลที่ได้กรอกไว้ในตอนสมัครนะคะ ถ้าจะให้ดีก็เปิด Sync ตลอดเวลาเลยก็ดีค่ะ นอกจากนี้เราจะได้เห็นรายชื่อเพื่อนๆ และรายชื่อโรงเรียนจากหลายๆ ที่ที่จะมาสัมภาษณ์ด้วย 
  • การเตรียมตัว + การสัมภาษณ์

    เรื่องการเตรียมตัว เราก็ค้นหาจากอินเทอร์เน็ตเนี่ยแหละค่ะว่ากรรมการจะถามอะไรบ้าง แล้วก็ลองเตรียมไปคร่าวๆ แต่ปรากฎว่า ไม่เห็นตรงโครงสร้างคำถามจากปีที่ผ่านๆ มาเลย T_T โดยส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าอยากมั่นใจก็ควรที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับตัว Essay ที่เขียนส่งไปจะดีกว่าค่ะ เพราะคำถามที่เราโดนถามก็วนเวียนไปตามในใบที่ได้เขียนไป และคิดว่ารอบต่อๆ ไปก็คงไม่เกินนี้ หรือใครจะลองเสิร์ชหาจากบล็อคที่รุ่นพี่ปีก่อนๆ ได้เขียนเอาไว้ในกูเกิ้ลก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ส่วนที่เหมือนกันก็คือ เค้าจะถามต่อจากคำตอบที่เราตอบค่ะ เช่น ถ้าเค้าถามว่า คุณชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นบ้าง แล้วเราตอบไปว่า เราชอบการ์ตูน เค้าก็จะถามว่า การ์ตูนเรื่องอะไร ประมาณนี้ค่ะ (แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคำถามนะคะ)

    ส่วนการสัมภาษณ์นั้นใช้เวลาคนละ 20 นาทีค่ะ และสอบสัมภาษณ์ที่ Radisson Blu Plaza Bangkok ถนนวัฒนา ชั้น 3 เราไม่แน่ใจนะคะว่าใครที่ลง Base Japanese จะได้รับการสัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษ แต่เราลงภาษาอังกฤษไปค่ะ เพราะภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยแข็งแรง  โดยตารางการสัมภาษณ์จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 2 ห้อง และผู้ที่ทำการสัมภาษณ์จะ(น่าจะ)มีห้องละ 2 ท่าน จะได้ผู้สัมภาษณ์สำเนียงแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับโชคแล้วนะคะ

    มาถึงพาร์ทที่เราจะแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดแล้ว... เพราะเราเลือกลง APM ไป ก็เลยเตรียมไปแต่เรื่องเศรษฐกิจ เตรียมไปชนิดที่ว่าถ้าถามคำถามมาเราตอบได้ 80% เลยค่ะ แต่เค้าก็ไม่ถามยากขนาดนั้น เช่น ถ้าคุณเขียนว่าสนใจสาขาไหน เค้าก็จะถามว่า ช่วยยกตัวอย่างมาให้หน่อยได้มั้ย แบบนี้ค่ะ แต่ของเรามีเรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือ เค้าถามว่า มีข่าวระหว่างประเทศข่าวไหนที่คุณกำลังสนใจมั้ย เราดันไม่ได้เตรียมไว้ค่ะ ก็เลยเฉไฉดึงเข้าเรื่องเศรษฐกิจไป (แถสุดค่ะ 55555 แถจนสีข้างน่าจะถลอดหมดแล้ว) พอเวลาผ่านไปมันก็ไม่ได้นานแบบที่คิดเอาไว้เลยค่ะ เพราะเค้าถามเยอะมากๆ เปิดประตูเข้าไปนั่งในห้องไม่ถึง 30 วินาทีก็โดนยิงคำถามใส่แล้วทั้งที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำ ใครที่จะไปสัมภาษณ์ก็หาข้อมูลหลายๆ ด้านเอาไว้ก็ดีนะคะ เผื่อจะได้ไม่ทำพลาดแบบเรา 

    ถ้ามีข้อมูลที่ไม่แน่ใจให้ติดต่อที่สำนักงาน APU ประเทศไทยโดนตรงเลยดีกว่าค่ะ ไม่แนะนำให้เสิร์ชในกูเกิ้ลเพราะข้อมูลอาจไม่อัพเดทหรือส่งข้อความไปทาง Facebook นะคะ เพราะเราส่งไปทีไรก็ไม่ตอบสักที มีแต่ข้อความอัตโนมัติตอบมาเท่านั้นเอง ใครสะดวกก็สามารถโทร.ไปได้ที่ 02-665-7145 หรือจะส่งอีเมลไปที่ [email protected] ก็ได้ค่ะ โดยจะมีพี่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคอยตอบคำถามให้เรา ใจดีและสุภาพมากๆ ค่ะ สำนักงานเริ่มทำการตอน 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น และปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in