BBC Sherlock Fanfiction by Tippuri~ii *
Pairing: Sherlock Holmes x John Watson
* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
There’s no relief, I see you in my sleep
And everybody’s rushing me, but I can feel you touching me
There’s no release, I feel you in my dreams
Telling me I’m fine
And there’s no remedy for memory
Your face is Like a melody, it won’t leave my head
Your soul is haunting me and telling me that everything is fine…
…But I wish I was dead
— Dark Paradise, Lana Del Rey
“ฉันลงไปหานายไม่ได้…เพราะงั้น…มันคงต้องเป็นแบบนี้ล่ะนะ”
เสียงลมหวีดหวิวผ่านหู
“ให้ตาย…นี่มัน…นี่มันอะไรกันน่ะ?”
ความห่างไกลของพื้นถนนเบื้องล่างกับยอดอาคารฉีกกระชากความชัดเจนในการมองเห็น
“…ฉันขอโทษ”
น่าแปลกที่เสียงของเขายังเรียบนิ่งได้ขนาดนี้
“มันเป็นความจริงทั้งหมด”
“หา? อะไรนะ?” ความร้อนรนเพิ่มขึ้นในเสียงจากปลายสาย หากท่าทางลนลานของอีกฝ่ายกลับไม่ทำให้อาการชาของความรู้สึกของเขาหายไปสักนิด
“ทุกอย่าง…ทุกอย่างที่ทุกคนพูดถึงฉัน” เสียงทุ้มเรียบนิ่ง “…เป็นเรื่องจริงหมด”
ความเงียบกั้นกลางชั่ววินาที
“…ฉันสร้างเรื่องมอริอาติขึ้นมาเอง”
จากเบื้องล่าง…ชายหนุ่มผมน้ำตาลบลอนด์เงยหน้าขึ้น พยายามจะสบตากับเขาแม้ว่าดูก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้ ความเงียบงันจากปลายสายบอกให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
เสียงลมหายใจติดขัด…ก่อนที่วัตสันจะพูดออกมา น้ำเสียงกังวลสั่นระริก
“ทำไม…ทำไมนายถึงพูดแบบนี้…?”
ประโยคเดียวนี้บอกเชอร์ลอคมากมายกว่าคำพูดนับพัน…ถึงแม้ว่าตอนนี้โลกทั้งใบจะเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างของเขาว่าเป็นเพียงเรื่องโกหก หากคนคนนี้…ผู้ชายธรรมดาอย่างจอห์น วัตสัน…กลับถามว่าเขาพูดออกมาได้อย่างไรว่าทุกสิ่งเป็นเพียงการลวงหลอก
วินาทีนั้นเองที่อาการชาหายไป…ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านในใจพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ หยาดริน
“เชอร์ลอค…”
กระแสเสียงอ่อนโยนปนกังวลใจที่เขาฟังจนชินหู…ตอนนี้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างดูยากเย็นเสียเหลือเกิน
“พวกหนังสือพิมพ์พูดถูกมาตลอด…ฉันอยากให้นายบอกเลสตราด…บอกมิสซิสฮัดสัน…แล้วก็มอลลี่…บอกใครก็ตามที่จะฟังนาย…” เชอร์ลอคเกลียดเสียงที่สั่นระริกตอนนี้เหลือเกิน…เพราะมันจะบอกให้คนฟังรู้ว่าเขาหมดแรงที่จะเข้มแข็งอีกแล้ว “…ว่าฉันสร้างมอริอาติขึ้นมา…เพื่อเป้าหมายของตัวฉันเอง”
“โอเค…หุบปากได้แล้วเชอร์ลอค…หุบปากซะ” วัตสันตัดบท ถ้อยคำรุนแรงที่ใช้เพื่อปกปิดความตระหนกหวาดกลัวที่กำลังเผชิญ “ครั้งแรกสุด…ครั้งแรกที่เราเจอกัน…นายรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่สาวของฉัน ไม่ใช่รึไง?”
เชอร์ลอคหัวเราะขื่นๆ ออกมา…นึกหวังให้อีกฝ่ายหยุดเชื่อในตัวเขามากมายขนาดนี้เสียที เพราะมันรังแต่จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ยามที่คิดถึงสิ่งที่ตนกำลังจะต้องทำ
“ไม่มีใครจะมีทางฉลาดได้ขนาดนั้นหรอก”
ปลายสายพูดสวนทันควัน “ก็นายไง”
เสียงหัวเราะแบบเดิมดังออกมาอีกครั้ง ก่อนจะตามด้วยความเงียบที่กดทับจนหายใจไม่ออกระหว่างทั้งสองฝ่าย
น้ำตาอีกหยดร่วงริน
“ฉันหาข้อมูลของนาย…ก่อนที่เราจะเจอกัน ฉันหาทุกอย่างเท่าที่จะหาได้เพื่อทำให้นายประทับใจ”
เมื่อคำลวงกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเชื่อ ความจริงจึงต้องกลับเป็นเรื่องโกหก
“มันเป็นแค่ทริค…ทริคหลอกๆ เท่านั้นแหละ”
หากจะมีคนหนึ่งคนคนที่รู้เสมอ
“ไม่…ไม่…” ความโกรธเกรี้ยวในเสียงปลายสายดูจะเพิ่มขึ้นตามระดับความกังวลใจของเจ้าตัว หากประโยคหลังกลับระโหยราวกับจะเว้าวอน “หยุดซะ…พอได้แล้วเชอร์ลอค”
ร่างในสายตาของเขาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อาคาร ชายหนุ่มผมดำจึงพูดเสียงลั่น
“ไม่…ยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้นนะ…อย่าขยับไปไหน…อย่า…”
“โอเค…โอเค…ได้สิ” ความตระหนกของเขาถูกปลอบโยนด้วยเสียงเนิบนุ่มแบบที่อีกฝ่ายชอบใช้เกลี้ยกล่อมเวลาที่เขาอารมณ์เสีย หากคำถามต่อมาก็บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเฉลียวใจแล้ว “นายไม่เป็นไรใช่ไหม…?”
ภาพที่เห็นเริ่มพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา ลมหายใจหอบกระชั้น การตระหนักรู้ว่าเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้วกดทับจิตใจจนแทบแหลกสลาย
มือเรียวเอื้อมออกไป…ราวกับจะสามารถสัมผัสได้ถึงอีกฝ่าย
“อย่าละสายตาจากฉัน”
ในชั่วพริบตา…ที่ทุกสิ่งหลุดลอยไปไกลเกินเอื้อมคว้า โลกทั้งใบหันหลังให้ยามที่คำลวงกลายเป็นความจริง
“…ได้โปรด…ทำเพื่อฉันได้ไหม…?”
หากคนคนนี้เท่านั้น…ที่ปฏิเสธจะปล่อยมือ
“ทำอะไร…?” คนพูดยื่นมือออกมา…ราวกับจะสามารถเกี่ยวกุมกับมือของอีกฝ่ายได้ ไม่มีกระแสโกรธเกรี้ยวหลงเหลือ มันเป็นเสียงที่เจือด้วยความหวาดกลัวชัดเจน…เพราะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
“โทรศัพท์นี่…เป็นคำลาของฉัน”
นัยน์ตาสีฟ้าเทามองผ่านม่านน้ำตา จดจำทุกสิ่งแม้ระยะห่างจะมากมาย
“ใครๆ ก็ทำกันใช่ไหมล่ะ…ทิ้งคำลาน่ะ…?”
“ทิ้งคำลา…ตอนไหนกันล่ะ…?”
คำถามบอกชัดว่าอีกฝ่ายปฏิเสธจะรับรู้…อยากทำเหมือนไม่มีอะไรกำลังจะเกิดขึ้น หากน้ำเสียงระริกก็บอกชัดว่าเจ้าตัวรู้ทุกอย่างดี เสียงตอบกลับนั้นแผ่วระโหยราวกับคนพูดเจ็บปวดปานจะขาดใจ
ความเจ็บปวดที่เขาเองก็กำลังเผชิญ
“ลาก่อน…จอห์น”
“ไม่…” คำเว้าวอนสิ้นหวังดังเพียงเสียงกระซิบ หากกรีดลึกในใจราวกับคมมีด “อย่า…”
ภาพทุกอย่างพร่าเลือน เชอร์ลอคเหม่อมอง ไล่คิดถึงทุกสิ่งที่เขาอยากจะบอกแต่ไม่เคยเอ่ยออกไป…ขีดฆ่ามันทิ้งทีละประโยค
จอห์นรู้อยู่แล้ว…จอห์นรู้อยู่แล้ว
จนเมื่อมาถึงสิ่งสุดท้าย…คำพูดที่สำคัญที่สุด…คำคำเดียวที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
เชอร์ลอคส่ายศีรษะ ขีดฆ่ามันทิ้งในใจพร้อมกับเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือในมือทิ้งไป
จอห์นรู้อยู่แล้ว
แรงโน้มถ่วงฉุดกระชาก เสียงลมหวีดหวิดแสบก้องในโสตประสาท
จอห์นต้องรู้อยู่แล้ว
แล้วทุกอย่างก็หยุดลง เงียบงันราวความตาย
Fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in