คำนำนักเขียน
ผมเคยอ่านหนังสือเยอะกว่านี้
ช่วงหนึ่งในวัยเด็ก ผมเคยอ่านหนังสือเฉลี่ยวันละเกือบสองเล่ม เป็นสถิติที่ดีที่สุดของผม ถึงขนาดเฝ้านับวันว่าเมื่อไรหนอโรงเรียนจะปิดเทอม ผมจะได้จัดการกับกองหนังสือที่ซื้อหรือที่ยืมมาจากห้องสมุดให้หมด นั่นเป็นความสุขขั้นสุดยอดที่ผมสามารถโลดแล่นไปในจินตนาการและสรรสร้างสรรพสิ่งได้ดั่งใจ
แต่แล้ววันหนึ่งผมก็หยุดอ่านเสียดื้อๆ
อาจเป็นเพราะว่าผมโตขึ้นแล้ว ทำให้มีสิ่งที่ต้องทำเยอะกว่าเดิม มีเรื่องต่างๆ ที่ทำให้ไขว้เขว แต่ผมยังปักใจเชื่อเสมอ ว่าตัวเองนั้นคือหนอนหนังสือตัวจริง
หลายปีให้หลัง ผมเริ่มรู้สึกกระดากปากเวลาที่ผมบอกว่าตัวเองอ่านหนังสือเยอะ เพราะแม้จะอ่านอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แตะมาตรฐานที่เคยทำไว้ตอนเด็กๆ เลย ผมได้สูญเสียพลังวิเศษนั้นไป
เช่นเดียวกับด้านอื่นๆ ในชีวิต ผมค้นพบว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมาก เปลี่ยนไปเป็นคนที่ผมไม่คิดว่าผมจะเป็น ซึ่งหากตัวผมในวัยเด็กมาเจอตัวผมในตอนนี้ ก็คงจะมีร้องยี้กันบ้าง—ใช่ ผมยอมรับว่าหลังๆ นี้ไม่ค่อยชอบตัวเองสักเท่าไร แม้จะเข้าใจดีว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ภายในใจลึกๆ ของผมนั้นได้ซ่อนเด็กเล็กๆ คนหนึ่งไว้ เด็กคนนี้พยายามตะเกียกตะกายหาที่ยืนบนโลกที่วุ่นวาย และพยายามเตือนผมถึงชีวิตที่เคยเรียบง่ายกว่านี้
และผมก็เชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกคนต่างก็ซ่อนเด็กเล็กๆ ไว้ในตัวเช่นกัน
หนังสือเล่มนี้คือวรรณกรรมเกือบเยาวชน แด่ผู้ใหญ่ทุกคนที่เหนื่อยหน่ายกับการเติบโต มันทำหน้าที่จำลองสถานการณ์สุดโต่งในแบบกึ่งแฟนตาซี เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ลองจินตนาการตามและตั้งคำถามกับความปรารถนายอดนิยม นั่นคือความต้องการที่จะกลับไปเป็นเด็ก
แต่มันดีจริงหรือ เพราะแม้แต่ปีเตอร์แพนเองยังต้องยอมรับในการตัดสินใจของเวนดีที่จะต้องโตขึ้น
ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ตอนอายุยี่สิบห้า ซึ่งเป็นปีที่โหดร้ายทารุณ ผมได้เรียนรู้หลายๆ สิ่ง สูญเสียหลายๆ อย่าง และหมดความเชื่อถือในตัวเอง
ถึงอย่างนั้น หลังจากผ่านช่วงมืดมนไป สิ่งที่ผมได้รับกลับมานั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก และหนังสือที่คุณถืออยู่นี้ก็เป็นผลผลิตจากสิ่งนั้น
ผมจงใจไม่ใส่ชื่อหรือลักษณะใดๆ ให้กับตัวละครหลักที่ผมสร้างขึ้น จุดประสงค์คือไม่อยากแปะฉลากตีตราบนสิ่งที่แสนจะบริสุทธิ์เช่นนี้ ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะสามารถกอบกู้พลังแห่งความเยาว์วัยให้กลับคืนมาได้ ทั้งของผมเองและของทุกคน
อย่างน้อยการเขียนหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ผมกลับมาอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังได้อีกครั้ง ก็อย่างที่ C.S. Lewis ได้กล่าวไว้ว่า
“Someday you will be old enough to start reading fairy tales again.”
เจนมานะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in