1.
          ถ้าพูดถึง ‘วอลต์ดิสนีย์’ เราคิดว่าหลายคนคงจะนึกถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตทั้งการ์ตูน ภาพยนตร์ และแอนิเมชั่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกมาเป็นเวลานาน
          เรื่องราวที่วอลต์ดิสนีย์หยิบมานำเสนอ มักเริ่มต้นด้วยการพบเจอปัญหา และจบลงที่การแก้ไขปัญหาด้วยทัศนคติที่ดี  ซึ่งการลงเอยด้วยดีของตัวละครนี่แหละ ที่ทำให้เราอินจนติดตามทุกอย่างเกี่ยวกับวอลต์ดิสนีย์มาตั้งแต่ยังเป็นน้องมายด์ จนตอนนี้กลายเป็นนางสาวอัญญพร (ก็ยี่สิบกว่าปีได้) แถมยังร้องเพลงตามเจ้าหญิงดิสนีย์ได้แทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเเอเรียลจาก The Little Mermaid นี่ชอบมากเป็นพิเศษ
          ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าความมหัศจรรย์ที่วอลต์ดิสนีย์สร้างไว้ในโลกการ์ตูนและภาพยนตร์ จะมีอยู่และจับต้องได้จริง
          จนได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ครั้งแรกที่ฮ่องกงตอนอายุ 12 ยังจำความรู้สึกตอนเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูได้ว่า เหมือนตัวเองกำลังจะเดินเข้าไปในโลกอีกใบ เป็นโลกแห่งจินตนาการที่ตัวละครอย่าง   มิกกี้เมาส์ ราชินีน้ำแข็งเอลซ่า นางเงือกน้อยแอ-เรียล และเจ้าหญิงในเทพนิยายต่างมีอยู่จริง
          สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดสำหรับเด็กอายุ 12 ตอนนั้น คงหนีไม่พ้นขบวนพาเหรดและโชว์พลุชุดใหญ่หน้าปราสาทเจ้าหญิงนิทรา ที่สวยงามอลังการเกินกว่าเด็กคนหนึ่งจะคาดคิดนอกเหนือจากความอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ความประทับใจอีกอย่างที่เด็กคนหนึ่งได้รับมาจากดิสนีย์แลนด์ ก็คือ
การดูแลใส่ใจจากเจ้าหน้าที่และพนักงาน ที่ทำงานด้วยท่าทางมีความสุข ไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็จะเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ใส่ใจ พร้อมเข้ามาทักทาย คอยให้คำแนะนำและความช่วยเหลือ แม้ว่าเราจะฟังภาษาของเขาไม่ค่อยรู้เรื่องเลยก็ตามตอนนั้นยังเคยคิดว่า ถ้าโตขึ้นแล้วได้มาทำงานที่นี่ก็คงมีความสุขไม่น้อย

2.
          จนใกล้เรียนจบมหา’ลัย เรายังไม่รู้ว่าตัวเองควรเรียนต่อหรือหางานทำเลยกันแน่ ความคิดอยากทำงานในดิสนีย์แลนด์ก็ยังมีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่นึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง ต้องสมัครที่ไหน และเด็กอักษรฯ อย่างเราจะเข้าไปทำหน้าที่อะไรในสวนสนุกได้บ้าง
          ช่วงที่กำลังเคว้งคว้าง ก็มีเพื่อนผู้เป็นเหมือนนางฟ้าช่วยชี้ทางสว่าง ชวนไปสมัครโครงการ Disney International CollegeProgram โครงการที่บริษัทวอลต์ดิสนีย์เปิดโอกาสให้นักศึกษา
จากหลายประเทศทั่วโลกเข้าไปทดลองทำงานที่ Walt Disney World หรือดิสนีย์แลนด์สาขาใหญ่ที่สุดในโลก ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลานานสามเดือน!
          ถึงจะไม่ได้เข้าไปทำงานจริงๆ แต่ถ้ามีช่องทางให้ได้เข้าใกล้วอลต์ดิสนีย์ขนาดนี้ ก็ควรลองสักครั้ง
แต่จะว่าไป เราไม่ค่อยไว้ใจการไปต่างประเทศในลักษณะ work and travel มากนัก เพราะเคยอ่านรีวิวจากคนที่เคยไปมาบ้างก็บอกว่าเหมือนโดนหลอก ไปแล้วไม่ได้ทำงานที่สมัครไว้ จ่ายค่าที่พักแสนแพง แต่ได้บ้านโทรมจนแทบนอนไม่ได้ แถมค่าใช้จ่ายก็เยอะ ทำงานแทบตายก็ได้เงินไม่พอเก็บสักที…
เราเริ่มคิดกลับไปกลับมาว่าจะลองสมัครดีไหม ถ้าไปแล้วมันไม่ดีอย่างที่คิดล่ะ แต่ถ้าไม่ลอง ก็เหมือนทิ้งโอกาสทำงานในดิสนีย์แลนด์ไปเลยนะ…
          แต่แล้วก็มีนางฟ้าเข้ามากำหนดโชคชะตาของเราอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ รุ่นพี่ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมคนหนึ่งก็โพสต์รูปตัวเองกำลังทำงานอย่างมีความสุขอยู่ที่วอลต์ดิสนีย์เวิลด์พอดีอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น...
          เรารีบส่งข้อความไปคุยกับพี่เขาทันที ถึงได้รู้ว่าพี่เขาไปในนามโครงการและเอเจนซี่เดียวกับที่เรากำลังสนใจอยู่ แปลว่าเรื่องกลัวว่าจะโดนหลอกเป็นอันตกไปส่วนข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆ ที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ก็เช่น เอเจนซี่เจ้าของโครงการนี้เป็นเอเจนซี่เดียวที่ส่งนักศึกษาไทยไปทำงานที่ดิสนีย์เวิลด์ได้ ไม่มีค่าสมัคร และค่าเข้าฟังโร้ดโชว์อะไรทั้งสิ้น ถ้าผ่านการสัมภาษณ์ทั้งสองรอบจะ
ได้รับ offer letter หรือจดหมายตอบรับจากวอลต์ดิสนีย์ที่ระบุตำแหน่งงาน วันเริ่มงาน และวันจบโครงการอย่างชัดเจน มีการฝึกอบรมให้เรียนรู้การทำงานจริงก่อน และที่สำคัญโครงการนี้  มีนักศึกษาจากหลายประเทศให้ความสนใจต่อเนื่องมาตลอดหลายปี
          นอกจากจะได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่น่ารักระดับโลกแล้วยังจะได้ทำงานกับเพื่อนต่างชาติมากมาย กลับมาเขียนเรซูเม่สมัครงานหรือเรียนต่อในอนาคต ถ้ามีประวัติว่าเราเคยฝึกงานที่ดิสนีย์เวิลด์ก็คงจะเท่ไม่น้อย แต่ถ้าไม่ผ่านการคัดเลือก ก็คิดว่าทำเพื่อสนองความรักที่มีต่อวอลต์ดิสนีย์ของตัวเองสักครั้ง ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร