ค่ำคืนอันเงียบสงบมีบ้านไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่เป็นครอบครัวของช่างตัดไม้ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกสาว พวกเขาหนีความวุ่นวายในเมืองเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกเสียทีเดียว เพราะห่างออกไปประมาณสองสามกิโลมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สามารถขอความช่วยเหลือได้ในยามฉุกเฉิน
เดิมทีลูกสาวของช่างตัดไม้เป็นเด็กยิ้มยาก พูดน้อย หวาดกลัวการเข้าสังคม แต่หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เหมือนโลกกลับมาสดใสอีกครั้ง แก้วตาดวงใจของพ่อมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ถึงแม้บางครั้งจะคุยเล่นคนเดียวตามประสาเด็กชอบเล่น ชอบจินตนาการบ้าง สองสามีภรรยาก็ไม่ได้ติดใจอะไร
"ถึงเวลาเข้านอนแล้วจ้ะ เด็กดีของแม่อยากฟังนิทานก่อนนอนมั้ย" หญิงสาวอุ้มลูกน้อยขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ห่มผ้าให้พร้อมทั้งหยิบตุ๊กตากระต่ายของเด็กหญิงวางไว้ข้างลำตัว
"วันนี้อยากฟังเรื่องอะไรเอ่ย"
"ตำนานของเลค ฟอเลสต์ค่ะ" เด็กหญิงเอ่ยตอบในขณะที่กระชับกอดเจ้าตุ๊กตากระต่ายแน่น
"แม่ว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้หนูนอนไม่หลับนะ เปลี่ยนเรื่องอื่นดีกว่า"
"ไม่เอาค่ะ หนูอยากฟัง"
"ถ้าคืนนี้ฝันร้ายอย่าโทษแม่นะ" ถึงจะประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ลูกสาวต้องการทั้งยังยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของเด็กน้อย
"นานมาแล้วในยุคสมัยที่ยังมีสงครามผู้คนมากมายต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอด ขณะนั้นเองพวกทหารรัสเซียที่จับชาวประเทศเราไว้เป็นนักโทษ พวกเขาเข้ามาตั้งค่ายกันที่ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ในคืนนั้นเหล่าทหารต่างสนุกสนานร้องรำทำเพลง ฉลองให้กับชัยชนะที่พวกได้มา ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังทำร้ายและใช้งานพวกนักโทษจนเสียชีวิต ช่างเป็นคืนที่หรรษาอะไรเช่นนี้ แต่ว่า.." หญิงสาวค่อย ๆ หรี่โคมไฟบนหัวเตียงลง
"ท่ามกลางเงามืด เสียงฮัมเพลงดังขึ้น ทหารทั้งกองทัพตกยู่ในความเงียบ ต่างหยิบอาวุธข้างกายขึ้นมาเตรียมพร้อมจะออกรบ ทันใดนั้นขวานปริศนาก็ลอยเข้ามาปักตรงกลางอกของทหารรัสเซียคนหนึ่งสร้างความแตกตื่นให้เป็นอย่างมาก ปรากฏเป็นร่างของสัตว์ประหลาดตัวสูงใหญ่ซึ่งมีร่างกายท่อนล่างเป็นคนมีท่อนบนเป็นหัวสัตว์ มันพุ่งตรงเข้าทำร้ายเหล่าทหาร ฉีกกระชากร่างกายจนขาดเป็นสองท่อน เมื่อไหร่ที่เหยื่อกำลังจะหนีสัตว์ประหลาดตัวนี้จะใช้ขวานคู่ใจปลิดชีพศัตรูโดยไม่ทันตั้งตัว"
"ทั้งค่ายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้อง งานฉลองในค่ำคืนนั้นกลายเป็นงานไว้อาลัย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาป่าใหญ่แห่งนั้นก็กลายเป็นสุสาน ชาวบ้านหลายคนต่างตั้งชื่อให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ว่าเดอะฮันเทรส หรือ นักล่า บ้างก็บอกว่ามันเป็นผู้พิทักษ์ บ้างก็บอกว่าเป็นอสุรกายเพราะหลังจากที่มันฆ่าทหารทั้งกองทัพ ก็ไม่สามารถดับความกระหายของเจ้าปีศาจร้ายได้ มันเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ บุกเข้าไปฆ่าทุกคนในบ้านและจับเด็กกินเป็นอาหาร"
ไม่ทันที่หญิงสาวจะเล่าจบเสียงของเด็กน้อยก็ดังขึ้นขัด "เธอไม่ได้กินซะหน่อย เธอช่วยต่างหาก"
"อะไรนะ" ผู้เป็นแม่ถามย้ำอีกครั้ง
"เธอไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาดนะคะ เธอเป็นคนแบบพวกเรา เธอไม่กินเด็กแต่เธอช่วยพวกเราจากพ่อแม่นิสัยไม่ดี"
หญิงสาวรู้สึกตกใจไม่น้อย "ลูกไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน"
"แอนนาค่ะ แอนนาเล่าให้หนูฟัง เธอเป็นเพื่อนของหนู"
"แอนนาเหรอ หนูมีเพื่อนชื่อแอนนาด้วยงั้นเหรอ" คำตอบของลูกสาวยิ่งทำให้เธอเกิดความสงสัยเข้าไปใหญ่ เพราะลูกสาวของเธอไม่ค่อยออกไปพบผู้คนเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่บริเวรรอบ ๆ บ้าน
"มีค่ะ หนูพูดกับเธอบ่อย ๆ เธอชอบมาหาหนูตอนอยู่คนเดียว"
"งั้นไว้วันไหนพาเธอมารู้จักกับพวกเราหน่อยสิ"
"เธอไม่ชอบเจอคนเยอะ ๆ แต่ไว้จะบอกให้ค่ะ"
"วันนี้ดึกมากแล้ว นอนเถอะจ้ะ ฝันดีลูกรัก" หญิงสาวจุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผากของเด็กน้อยโดยไม่ลืมที่จะปิดไฟ เธอเดินออกจากห้องนอนของลูกสาวด้วยความไม่สบายใจ
ภายใต้เงามืดเสียงฮัมเพลงชวนขนลุกดังขึ้น เสียงเพลงขับกล่อมให้เด็กน้อยเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันที่ลึกที่สุด เพื่อให้เธอได้หลับฝันดีโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงกรีดร้องของชายช่างตัดไม้และภรรยาของเขา
----------------------------------------------------
----------------------------------------------------
>>>>>> END <<<<<<
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in