กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายเดือนคราวนี้กลับมาพร้อมกับศิลปินขวัญใจของเราอีกหนึ่งคน นั่นก็คือ ทาโบล จากวง Epik High(อ่านตามภาษาเกาหลีได้ว่า เอพิก ไฮ) ก่อนอื่นเลยต้องขอพูดถึงประวัติคร่าว ๆ ของวงนี้เสียก่อน Epik High เปิดตัวขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2001 โดยประกอบไปด้วยทาโบล, มิทรา จิน(Mitha Jin) และ DJ Tukutz ก่อนหน้านี้วงอยู่ภายใต้สังกัด Woollim Entertainment แต่เมื่อปี 2011 ทาโบลก็ได้ย้ายเข้าสู่สังกัด YG Entertainment โดยในปีถัดมาทั้ง Mitha Jin และ DJ Tukutz ก็ได้เซ็นสัญญาเข้าสู่ YG เช่นเดียวกัน
ทาโบลเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1980 แต่งงานกับคัง ฮเยจอง มีลูกสาวหนึ่งคนคือ อี(นามสกุล) ฮารุ เกิดปี 2010
ในปีที่ทาโบลทำงานเพลงกับ YG นั้น ได้ทำอัลบั้มที่มีชื่อว่า Fever´s End แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท ได้แก่ Part 1 และ Part 2 โดยแต่ละพาร์ทมีจำนวน 5 แทร็กเท่า ๆ กัน
Part 1 เพลงไตเติ้ลคือ Bad โดยได้นักร้องสาวจินซิล จาก Mad Soul Child ร่วมร้องด้วย
Home (집) [feat. Lee Sora]
Bad (나쁘다) [feat. Jinsil]**
Airbag (feat. Naul)
The Tide (밀물) [Scratch By DJ Friz]
Try (밑바닥에서) [feat. Bumkey]
Part 2 เพลงไตเติ้ลคือ Tomorrow ซึ่งได้แทยังจาก BIGBANG ร่วมร้องด้วย
Tomorrow (feat. Taeyang)**
Trace (출처) [Scratch by DJ Tukutz]
Dear TV : 해열
Thank You for Breathing (고마운 숨) [feat. Yankie & Bong Tae Gyu]
Expired (유통기한)
ในอัลบั้ม Fever’s End ของทาโบลนั้นนอกจากเพลงหลักแล้วยังมีแทร็กอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน การทำอัลบั้มนี้ทาโบลต้องการที่จะบอกเล่าอารมณ์ ความรู้สึกของเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตตัวเองออกมาผ่านบทเพลงและท่วงทำนองในแต่ละแทร็ก เกี่ยวกับชีวิต ครอบครัว โดยในเพลง Try ได้มีเสียงลูกสาวของเขาอยู่ด้วย(น้องฮารุนั่นเอง) ท่อนสุดท้ายกับเสียงของลูกสาวที่พูดคำว่า พ่อ ได้เป็นครั้งแรก
แนะนำค่ะ เกี่ยวกับอัลบั้ม Fever's End
“ผมหวังว่าในตอนที่ผู้คนได้ฟังเพลงทั้งสิบเพลงในอัลบั้มแล้ว พวกเขาไม่ใช่แค่จะรู้สึกซึ้งถึงเนื้อเพลงที่ดูโดดเดี่ยวและเศร้าหมอง แต่จะตระหนักถึงความสำคัญของความหวังและความสุขได้ด้วย”
“เหมือนกับที่ผมสามารถได้รับรอยยิ้มของตัวเองกลับมาจากการทำเพลงอีกครั้ง ผมอยากให้ผู้คนยิ้มเมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเสียงเพลงของผม ผมอยากให้ผู้คนมีความสุข”
– Tablo
สำหรับเราแล้วอัลบั้มนี้ของทาโบลเหมือนเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เรายิ้มและร้องไห้ไปกับมัน ตอนที่ฟังเหมือนความรู้สึกมันพรั่งพรูออกมาโดยที่เราเองก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้จิตวิญญาณคล้อยไปกับเสียงเพลง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าดีใจที่ได้ฟัง และก็คงจะดีถ้ามีงานของ Epik High และเฮียโบล(สรรพนามเปลี่ยนไปตามความอิน)ให้ได้ฟังไปอีกนาน ๆ
อีกหนึ่งเพลงที่อยากแนะนำเป็นอย่างยิ่งนั่นคือเพลง Cave Me In ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเฮียโบลกับ เอริก นัม และ Gallant นักร้องหนุ่มชาวอเมริกันเจ้าของผลงานเพลง Weight In Gold ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรวมตัวกันของสามศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ โดยเนื้อเพลงในท่อนของทาโบลนอกจากจะมีความหมายที่ลึกซึ้งแล้วยังมีการใช้ลูกเล่นของภาษาเกี่ยวข้องด้วย เป็นบทเพลงแห่งงานศิลปะอย่างแท้จริง รวมถึงท่อนของเอริกนัมและ Gallant ที่เรียกได้ว่ามีความลงตัวและเข้ากันเป็นอย่างดี
พูดถึงทาโบลในฐานะนักร้องเดี่ยวกันไปแล้ว คราวนี้ขอพูดถึงการเป็นหนึ่งในแรปเปอร์ของวงกันบ้าง อัลบั้มของ Epik High นั้น ปล่อยออกมาทั้งสิ้น 13 อัลบั้ม (จากที่เฮียโบลทวีต) โดยการร่วมงานที่ผ่านมาก็มักจะมีนักร้องมาร่วมฟีทเจอริ่งด้วย เช่น คนคุ้นเคยอย่างคิมจองวาน จากวง NELL(วงนี้เคยอยู่ค่าย Woollim) และยุนฮาที่ยังร้องเพลงร่วมกันอยู่เนือง ๆ
ทาโบลได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะด้านเนื้อเพลง ไม่ว่าจะเพลงของวงหรือเพลงเดี่ยว เมื่อได้ฟังเพลงของเหล่านั้น แน่นอนว่ายากที่จะปฏิเสธข้อนี้ได้
ตัวอย่างเนื้อเพลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากท่อนของเฮียโบล
Lesson 1 (Tablo’s Word) จากอัลบั้ม Map of the Human Soul
“Do we learn to read to receive the lies
To deceive the eyes from seeing between the lines?
Yo, we use words to bring forth sticks and stones
To sing songs of hate that fill the streets with bones”
Eyes Nose Lips จากอัลบั้ม 신발장 SHOEBOX
“I've been told "One day, you'll know too much of heaven's a sin
After the show, it's only hell that it brings
So take it slow and let time heal everything"
They say that time flies but you keep breakin' its wings
You'll never fade”
Cave Me In (Single)
“Love has either got you over heels or overdosed
It's got you off your feet or on your toes
It's got you out your seat or in your place
It's got you diggin' it or your grave
Love has got you mad about or just about mad
Got you in a crush or it's got you in a crash
What used to make your heart sing a hit, sing a smash
Will make you wanna hit, wanna smash
Everything that you had into pieces
But love becomes clear when in pieces
What you couldn't see and hear during peace is
Why a heart becomes ears in two pieces”
อนึ่ง นี่เป็นเพียงแค่บางเพลงที่ตัวผู้เขียนชอบฟัง ความจริงยังมีอีกหลายเพลงมาก ๆ อย่างเช่นเพลง Over ที่อยากแนะนำ เพลงเก่า ๆ ที่ทำให้ได้รู้จักกับวงนี้อย่าง Fan, One, 1 Minute 1 Second, Love Love Love, Umbrella หรือเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม เช่น Fool(바보), Soul(혼), Pieces of You และเพลงค่อนข้างใหม่ที่ขาดไม่ได้ คือ เพลงอย่าง Don’t Hate Me, Spoiler, Happen Ending, Born Hater, It’s Cold, 신발장(Shoebox) นั่นเอง เพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มก็ดีงามเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น Amor Fati, 또 싸워, เพลงแรปจังหวะมันๆอย่าง Burj Khalifa ฯ
นอกจากผลงานเพลงทาโบลยังมีผลงานด้านหนังสือถึงสองเล่มได้แก่ Pieces of You และ Blonote
ซึ่งตอนนี้รวมเรื่องสั้น Pieces of You ก็ได้นำมาแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ใครสนใจก็สามารถอุดหนุนได้นะคะไม่ผิดหวังแน่นอน
โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างที่จะฟังอัลบั้ม Fever’s End บ่อยเป็นพิเศษ เป็นอัลบั้มที่เหมือนแบบที่เฮียโบลบอก เหมือนเป็นเรื่องราวอะไรบางอย่างที่อยากสื่อสารออกมา
เพลง Home ที่ทำเอาเกือบร้องไห้กับการเปรียบความเศร้าเป็นเหมือนบ้าน ความคุ้นชินที่แทบแยกจากกันไม่ออก "This is my home. Leave me alone"
เพลง Airbag ที่มีท่อนติดหูอย่าง I need an airbag.
เพลง Try ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่เป็นสามีและคนเป็นพ่อ
เพลง Bad ที่เขียนขึ้นมาจากท่อนที่ว่า
“คุณกลายมาเป็นเหตุผลที่ฉันหายใจ เพียงเพื่อจะทำให้ฉันหายใจไม่ออก”
หรือจะเป็นท่อน Love is so bad ที่แทงใจไม่แพ้กัน
The Tide กับท่อนที่ว่า “Swim, swim, swim away.”
เพลง Tomorrow กับท่อนฮุก “No,No, No, no more tomorrow.”
เพลง Trace กับประโยคติดหูที่ว่า “Thank You and I’m Sorry”
Dear TV ที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษ กับท่อนปิดท้ายที่ว่า
"Don't act like you know me cause you recognize me
You sell my record not me."
เพลง Thank You for Breathing ที่ได้ทำเพลงกับเพื่อนที่รักทั้งสองคน
และสุดท้ายเพลง Expired กับท่วงทำนองช้า ๆ พาให้จมดิ่งไปกับความรู้สึก
ถึงแม้เนื้อเพลงหลาย ๆ เพลงจะเศร้าและโดดเดี่ยวแค่ไหน แต่ก็อย่างที่เฮียโบลบอก และโลกนี้มีหลายด้าน ชีวิตเราก็เช่นกัน ทั้งสุขทุกข์ปนกันไป บางเวลาความทุกข์มันชัดเจน แต่ได้โปรดอดทน เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เชื่อแบบนั้น
ความรู้สึกบางอย่างมันบอกแบบนั้น
เลยขอตั้งชื่อไว้ว่า "จิตวิญญาณที่ส่งผ่านเสียงเพลง"
เราชื่นชอบในตัวผลงานทั้งด้านดนตรีและด้านหนังสือของเฮียโบล
แม้กระทั่งทัศนคติของเฮียแกก็ยังทำให้เรารู้สึกมีไฟได้
ขอบคุณที่มีโลกใบนี้ ขอบคุณที่ได้ฟังเพลงดี ๆ อ่านหนังสือดี ๆ
และแรงบันดาลใจอย่างทาโบล เอพิกไฮ
จนถึงตอนนี้รู้สึกมีเพลงดังอยู่ในหัวเต็มไปหมด เขียนตกบ้าง ลืมเพลงนู้นเพลงนี้ไปบ้าง ไว้ถ้านึกออกจะมาแก้ไขเพิ่มเติม (หัวเราะแห้ง)
ก็เรียกได้ว่า Epik High นี่แหละ เป็นอีกหนึ่ง Soundtrack of my life
ช่องทางติดตาม Tablo
IG: @blobyblo
Twitter: @blobyblo
Snapchat: bornhaters
เขียนโดย w.allflower
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in