ปรากฏการณ์ของ Macklemore & Ryan Lewis ศิลปินอิสระคนแรกในรอบ 20 ปีบน BILLBOARD CHART
repost 05.11.2013
v
Update 13.02.2017
Macklemore & Ryan Lewis ยังคงเป็นศิลปินไม่สังกัดค่ายใหญ่
และมีค่ายอิสระของตัวเองชื่อ Macklemore LLC ค่ะ
อาจไม่สามารถเรียกว่า ปรากฏการณ์ได้เต็มปากเต็มคำนัก แต่อัลบั้ม THE HIEST ของเขาก็สร้างสถิติหลายอย่างที่น่าสนใจอยู่พอดู หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อของ Macklemore & Ryan Lewis นักจนกระทั่งเพลงของเขาสามารถขึ้น ชาร์ต Billboard ได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนหน้านี้เขาใช้ชื่อในวงการว่า Professor Macklemore ที่น่าตกใจคือ เพลงของเขา 3 เพลงสามารถขึ้นไปสู่อันดับ 1 ของ Billboard ชาร์ตได้ในหลายประเทศ เก็บยอดแพลตตินั่มถล่มทลาย ในช่วงระยะที่แต่ละเพลงปล่อยออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ในฐานะที่มันเป็นเพลง HIPHOP ในฐานะที่ MACKLEMORE เป็นศิลปิน "อิสระ" แค่ด้วยเงื่อนไข 2 ข้อนี้ Macklemore & Ryan Lewis ก็สร้างความมหัศจรรย์ได้มากพอดูแล้วกับการขึ้นไปสู่อันดับ 1
Macklemore & Ryan Lewis ยังเป็นศิลปินอิสระคนแรกในรอบ 20 ปี (ครั้งสุดท้ายคือปี 1994) ที่สามารถพาผลงานตัวเองเข้าสู่ Bilbord chart ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันแอนแสนดุเดือดของบรรดาศิลปินเบอร์ใหญ่จากมากมายหลายค่าย
อัลบั้ม THE HEIST ที่อัดแน่นไปด้วยเพลงดีๆ(และแปลกๆ)หลายเพลง ทั้งยังมี 3 เพลงที่ขึ้นชาร์ตแพลตตินั่มและ PEAK #1 ทั้ง Thrift shop,Can't hold us,Same love และตอนนี้อีก 1 เพลงกำลังเข้าชาร์ตไต่ระดับมาอย่างช้าๆกับบีทสึดเปรี้ยวใน White wall
MACKLE MORE มีชื่อจริงว่า เบน แฮกเกอร์ตี้ อัลบั้มเต็มครั้งแรกของเขาออกในปี 2005 นั่นคือ The Language of My World แม้จะไม่ประสบความสำเร็จอะไรนัก แต่เบนก็มุ่งมั่นกับงานของตัวเองต่อไป เขาออกมิกซ์เทปอีกหลายเพลง จนกระทั่งในปี 2006 เขาได้ "Be friend" กับชายคนหนึ่งบนเว็ปไซต์ My space ชายคนนั้นชื่อ Ryan lewis ดีเจคนหนึ่งในซีแอตเทิล เมืองเดียวกับที่เขาอยู่ ในช่วงแรก ไรอันทำงานร่วมกับเบนในฐานะช่างภาพ ก่อนทั้งคู่จะตัดสินใจรวมตัวกับในที่สุด และในปีต่อมาพวกเขาได้ออกมิกซ์เทป THE VS. ที่โด่งดังพอสมควรในแวดวงคนทำเพลง แต่ชื่อของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากไปกว่า ดูโออินดี้จากซีแอทเทิ่ล
ปี 2012 พวกเขากลับมาอีกครั้งกับ THE HEIST อัลบั้มที่เปลี่ยน "ดูโออินดี้จากซีแอทเทิ่ล" ให้กลายเป็น "ดูโอฮิปฮอปที่น่าจับตามองแห่งยุค"
ด้วยเนื้อหาเพลงที่โดนใจประกอบกับการพึ่งกระแส word of mouth ทำให้เพลงนี้โด่งดังและแพร่หลายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว โซเชียลเน็ตเวิร์คยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เพลงนี้ขึ้นชาร์ตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ซิงเกิ้ลที่ 4 ของพวกเขาสร้างกระแสอย่างถล่มทลาย แม้ไม่ใช่ในแง่ของรายได้ แต่ Macklemore & Ryan Lewis กลายเป็นขวัญใจของมหาชนด้วยเพลงนี้ ไม่ใช่แค่ศิลปินฮิปฮอปธรรมดา แต่เขายังแสดงด้านความเป็น "เพื่อนมนุษย์" ใน SAME LOVE เพลงที่พูดถึง "ความรัก" ที่ไม่มีขอบเขต และพูดถึงรักร่วมเพศที่หลายคนต่อต้าน แต่ Macklemore & Ryan Lewis กลับมองว่า "รักยังไงก็คือความรัก" ซึ่งตัว MACKLEMORE นั้นสนับสนุน LGBT rights อยู่แล้ว (กฏหมายว่าด้วยเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ที่หลายประเทศและหลายรัฐให้การสนับสนุนในทั่วโลก)
และเพลงนี้เองได้ทำให้เกิดการพูดถึงอย่างมากมาย ในเรื่อง "รักร่วมเพศในวงการเพลงและวงการฮิปฮอป" ที่ศิลปินบางคนเริ่มเปิดตัวว่าตัวเองเป็นรักร่วมเพศ และแม้แต่ในวงการบันเทิง และกับคนทั่วไป โดย MACKLEMORE สนับสนุนให้ผ็คนแสดงความรักต่อกัน อย่าปิดกั้นมันไว้ด้วยเพลง Same love
Perform Same love ที่ได้ 2 พี่น้องฝาแฝด Tegan and Sara มาร้องสดด้วย
White wall ซิงเกิ้ลที่ 6 จากอัลบั้มที่ขณะนี้ได้เข้ามาอยู่ในบิลบอร์ดชาร์ตเรียบร้อย หลังจากที่เบนพึ่งไป perform ในรายการของ Jay leno มา ก็ดูเหมือนอันดับจะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆเสียด้วย
คอนเสิร์ต WOLRD TOUR ของพวกเขาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ซีแอทเทิล และยังเป็น Secret show เสียด้วย (พวกเขาบอกว่าเป็นก้าวแรกของ world tour) โดย secret show นี้เปิดให้เข้าชมฟรีและยังจำกัดคนที่ 600 คนเท่านั้น สถานที่คือ ดาดฟ้าของร้าน Neumos ใน Capitol Hill, Seattle
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in