ตอนที่ 1 เข้าวัง
ทัศนียภาพแห่งวสันตฤดู เจิดจ้าตระการตา
ฉู่วานวานเพิ่งตื่นนอน บิดขี้เกียจแล้วนอนพังพาบอยู่ขอบเตียง มองดูหงซิ่งต้นหนึ่งเอนเอียงเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าขาวผุดผาดงดงามดวงน้อย ฉายแววซุกซนสนใจ
ร่างน้อยๆ ของนางซุกหมอบอยู่ใต้ผ้าห่มไหมปักสีแดงสด แลยิ่งขาวผุดผ่อง งามบริสุทธิ์น่ารัก คิ้วตาดั่งภาพวาด
สาวใช้ที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้างสองคนเห็นนางตื่นแล้ว จึงรีบเร่งเดินเข้าไปหา คนหนึ่งยกอ่างสีทองล้างหน้าล้างตาให้นาง อีกคนหนึ่งประคองกระโปรงยาวสีแดงปักบัวแดงดอกโต พูดยิ้มๆ “วันนี้คุณหนูเข้าวังเป็นครั้งแรก เหล่าไท่ไท่ได้สั่งตัดอาภรณ์ชุดใหม่ไว้ให้คุณหนูแล้ว ท่านกล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ไทเฮาจะได้พบท่าน จึงต้องให้คุณหนูมีภาพความทรงจำที่ดีประทับอยู่ในพระทัยไทเฮาเจ้าค่ะ” กระโปรงยาวชุดนี้ทำมาจากผ้าที่เป็นของบรรณาการ เป็นสมบัติล้ำค่าของไท่ฮูหยิน
ข้างกันยังมีเครื่องประดับผมถักด้วยไหมทองบริสุทธิ์ฝังทับทิมงามประณีตยิ่งอีกหลายชิ้น ทุกชิ้นล้วนใส่ใจ จัดเข้าชุดกันอย่างตั้งใจยิ่ง
“เหล่าไท่ไท่เอ็นดูข้าจริงๆ”
วานวานคลี่ยิ้ม ลักยิ้มเล็กๆ รอยหนึ่งปรากฏบนใบหน้าขาวดั่งหิมะ น่ารักและมีชีวิตชีวา ดวงหน้าที่ยังอ่อนเยาว์ ฉายความงดงามกระจ่างตาให้ปรากฏ
นางยื่นปลายนิ้วขาวผ่องเกี่ยวสอยกระโปรงยาวนั้นขึ้นมา พบว่าฝีมืองานปักล้วนดีเยี่ยม จึงเอียงศีรษะถามขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้ว่า “มีข้าเพียงคนเดียวที่ได้รับ หรือพวกพี่ๆ ก็มีด้วย”
นี่ไม่ใช่เพราะนางคิดมาก
แต่เพราะมีถึงสี่ครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกันในจวนเฉิงเอินกง ถึงแม้นางจะเป็นบุตรีสายเอก แต่ก็เพียงบุตรีสายเอกของบุตรชายคนที่สาม เหนือขึ้นไปยังมีคุณหนูสายเอกของบุตรชายคนโตผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์เฉิงเอินกง หากมีเพียงนางคนเดียวที่ได้รับอาภรณ์เครื่องประดับใหม่จากเฉิงเอินกงไท่ฮูหยินผู้เป็นย่าแล้วล่ะก็ คงจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างไม่ควรจะมี
เมื่อคิดถึงจิตใจผู้คนในจวนเฉิงเอินกงที่แตกต่างกันไป ทุกครอบครัวต่างจับจ้องกันไปมา วานวานอดก้มหน้าทอดถอนใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ รู้สึกว่าช่างไร้สาระสิ้นดีและพูดขึ้นแผ่วเบา “สู้อยู่นอกด่านก็ไม่ได้”
ถึงแม้นางจะได้รับการอบรมเลี้ยงดูจนงดงามบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ก่อนหน้านี้นางเคยอาศัยอยู่นอกด่านกับบิดามารดาจริงๆ
เมื่อไม่นานนี้ ฮ่องเต้ทรงนึกขึ้นได้ว่าที่นอกด่านยังมีลูกพี่ลูกน้องของพระองค์เป็นน้องชายอีกคน จึงทรงสั่งย้ายนายสามแห่งสกุลฉู่ผู้เป็นบิดาของนางกลับเมืองหลวงเพื่อรับภารกิจสำคัญ
แต่เพราะวานวานใช้ชีวิตเรียบง่ายที่นอกด่าน ครอบครัวนอกจากบิดามารดากับพี่ชายสองคน ก็มีเพียงนางผู้เป็นบุตรสาวคนนี้เท่านั้น ไหนเลยจะเคยพบเจอความปากหวานก้นเปรี้ยวดั่งในจวนเฉิงเอินกง ถึงแม้นางฉลาดเป็นกรด มองทุกอย่างได้กระจ่างแจ้ง แต่ก็ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“คุณหนูอย่าได้กังวลใจเลยเจ้าค่ะ เพราะเป็นการไปเข้าเฝ้าองค์ไทเฮา ดังนั้นคุณหนูทั้งเจ็ดท่านในจวนต่างก็ได้รับเช่นกันเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นวานวานถอนใจโล่งอก อีกทั้งผุดยิ้มจางๆ บนใบหน้าอ่อนเยาว์ บริสุทธิ์ไร้เดียงสา สาวใช้อดไม่ได้พลอยอมยิ้มตามไปด้วย
คุณหนูห้าแห่งจวนเฉิงเอินกงคนนี้มีจิตใจดั่งผลึกแก้วใสทั้งตัวตนราวกระจก ความคิดใสซื่อเสมอมา อีกทั้งยังปฏิบัติต่อสาวใช้อย่างพวกนางด้วยความอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ใครเล่าจะไม่ยินดีมารับใช้นาง เพียงเห็นคิ้วของนางขมวดมุ่นพวกนางจะพากันไม่สบายใจ ตอนนี้นางเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น จิตใจสาวใช้คนนี้ก็หวั่นไหว รีบพูดเสียงเบา “เหล่าไท่ไท่บอกให้พวกคุณหนูแต่งกายให้งดงามสักหน่อย ไทเฮาจะได้ทรงจดจำได้เจ้าค่ะ”
“ไทเฮา...”
วานวานทำท่าครุ่นคิด
สมัยก่อนสกุลฉู่แห่งจวนเฉิงเอินกงเป็นเพียงตระกูลขุนนางทั่วไปในเมืองหลวง ไม่เทียมเท่าผู้อยู่สูงกว่า แต่เหนือกว่าผู้ด้อยบ้างก็เท่านั้น ถึงแม้ขุนนางจะมิใช่ชาวบ้านทั่วไป แต่ก็เทียบไม่ได้กับตระกูลขุนนางใหญ่เก่าแก่ สูงศักดิ์มากคุณูปการ
ใครเลยจะรู้ว่าครอบครัวธรรมดาสามัญจะปรากฏมีหงส์ทองบินออกมาได้ ผลัดแผ่นดินในชั่วค่ำคืน อดีตฮ่องเต้เสด็จสวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่เสด็จขึ้นแทน
พระมารดาฮ่องเต้องค์ใหม่ ก็คือผู้ที่มาจากสกุลฉู่
สกุลฉู่รุ่งเรืองขึ้นทันควัน ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นเฉิงเอินกงตามแบบอย่างโบราณ พากันได้ดิบได้ดี ตอนนี้ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี มีหน้ามีตากันทั่ว
แต่เมื่อร่ำรวยรุ่งเรือง สกุลฉู่กลับมาต้องกังวลใจ เพราะถึงแม้ว่าไทเฮาจะเป็นคนสกุลฉู่ และอดีตเฉิงเอินกงที่ลาโลกไปแล้วยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของไทเฮา ทว่าตอนนี้ไทเฮาทรงมีพระชันษาสูงแล้ว อาจเสด็จสวรรคตได้ทุกเมื่อ หากปราศจากการค้ำจุนของไทเฮา ความเป็นอยู่ของสกุลฉู่ในจวนเฉิงเอินกง คงจะไม่เฟื่องฟูเช่นนี้อีก เพื่ออนาคต สกุลฉู่ย่อมต้องเตรียมการล่วงหน้า เป็นที่น่าเสียดายว่า แม้สกุลฉู่จะส่งธิดาเข้าวังไปสองคน ทว่าอาหญิงของวานวานทั้งสองคนนี้ ถึงจะเป็นที่โปรดปรานอย่างมากของฮ่องเต้ แต่ก็ให้กำเนิดเพียงองค์หญิงสององค์ ความปรารถนาจะมีองค์ชายของสกุลฉู่อีกสักองค์หนึ่งนั้นจึงมีอันสะบั้นลง
ในเมื่อทางนี้ไม่ราบรื่น สกุลฉู่จึงตัดสินใจ หมายมุ่งไปยังองค์ชายทั้งหลายของฮ่องเต้ในขณะนี้
ขอเพียงวางเดิมพันให้ถูกต้อง มอบบุตรีสกุลฉู่ให้วิวาห์กับองค์ชายที่มีอนาคตที่สุด บางทีอาจทำให้สกุลฉู่มีฮองเฮาอีกสักองค์ ถึงตอนนั้นก็จะได้ดำเนินแผนการต่อไป
ดังนั้นเมื่อวานวานได้ยินพวกสาวใช้พูดเรื่องเหล่านี้จึงก้มหน้าคิ้วขมวด กำอาภรณ์ในมือ ไม่พูดจา
นางไม่อยากแต่งเข้าวัง
เป็นสะใภ้หลวงมีอะไรดี
สามีมีภรรยามากมาย แล้วยังรับหญิงงามหลายหลากเพื่อมิให้ทายาทขาดสาย ตระกองซ้ายกระหวัดขวาหน้าชื่นตาบาน ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาองค์ชาย แต่ก็เป็นเพียงคำเชิดหน้าชูตาเท่านั้น
ส่วนฮองเฮานั้นเล่า...ถึงจะบอกว่าเป็นแม่ของแผ่นดิน แต่กลับต้องเฝ้ามองหญิงงามฝ่ายในสามพันนางทุกวี่วัน ต้องมองดูสวามีรักโปรดคนใหม่คนแล้วคนเล่าด้วยท่าทางใจกว้างขวาง มันมีความสุขเบิกบานใจจริงหรือ
นางเพียงต้องการแต่งงานกับบุรุษผู้มีฐานะทัดเทียม เป็นคู่ผัวตัวเมียที่เหมาะสม ให้กำเนิดอบรมสั่งสอนบุตรธิดา ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบและปลอดภัยชั่วชีวิต ไม่ได้มีความทะเยอทะยานเหมือนกับบรรดาพี่น้องคนอื่นๆ
“ก่อนหน้านี้ท่านแม่ตัดเย็บชุดสำหรับฤดูใบไม้ผลิสีเหลืองนวลให้ข้าชุดหนึ่ง เรียบๆ สะอาดตา ข้าคิดว่าตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี สีเหลืองนวลสวยงามดูน่ารัก สวมชุดนั้นดีกว่า” เมื่อนางพูดจบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พลันมองเห็นสาวใช้มีท่าทางประหลาดใจ จึงยิ้มและพูดเสียงนุ่มนวลว่า “พวกเจ้าวางใจเถิด ข้าจะเรียนเหล่าไท่ไท่เอง จะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก”
นางเลือกชุดวสันตฤดูสีเหลืองนวลด้วยตนเอง เลือกเครื่องประดับผมทำจากอำพันโปร่งแสงประณีตชุดหนึ่ง แล้วก็ได้เห็นคันฉ่องสะท้อนเงาเด็กสาวขาวบริสุทธิ์ผุดผาดสวยหวานน่ารักคนหนึ่ง นางมองดูอาภรณ์ของตนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเมื่อไม่เห็นจุดบกพร่อง จึงนำเหล่าสาวใช้เดินเลาะตามทางสายเล็กในจวนเฉิงเอินกง สู่เรือนหลักของไท่ฮูหยิน
เวลานี้ภายในเรือนหลักเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวร่อของหญิงสาว กรุ่นกลิ่นหอมอวล พอวานวานเข้าไป ภายในห้องเงียบเสียงลงครู่หนึ่ง จากนั้นหญิงสาวงดงามราวบุปผาเดือนสกาวคนหนึ่งก็นวยนาดเข้ามา
นางแต่งกายอร่ามตระการตาประหนึ่งนางอัปสร ดวงตาวับวาวฟันขาวกระจ่าง เพราะอายุมากกว่าวานวานหลายปี จึงมีเสน่ห์ความเย้ายวนของหญิงสาวอยู่ในตัวขึ้นมาแล้ว
เมื่อเห็นวานวานแต่งกายอ่อนเยาว์ ถึงจะแลผุดผาดงดงาม ทว่าอาภรณ์ไม่โดดเด่น เด็กสาวคนนี้ก็หัวเราะด้วยท่าทีงามงอน
“เหตุใดน้องห้าไม่สวมใส่อาภรณ์ที่ท่านย่ามอบให้เล่า หรือรังเกียจน้ำใจของท่าน”
ขณะนางเอ่ยคำพูดนี้ ทับทิมบนศีรษะเม็ดหนึ่งแกว่งไกว ประกายอัญมณีหลอมสู่ดวงตางดงามของนาง แลยิ่งวิววับแวววาว
วานวานได้แต่ยิ้ม เดินผ่านเด็กสาวตรงไปเบื้องหน้า มองเห็นใบหน้าอบอุ่น ดวงตายังมองดูตนด้วยความชื่นชม สตรีชรางามสง่าอมยิ้มยื่นมือมาทางตน จึงรีบเร่งเดินเข้าไปพูดอย่างนอบน้อม “ข้ามิได้รังเกียจน้ำใจของท่านย่านะเจ้าคะ เพียงแต่วานวานคิดว่าอาภรณ์ชุดนั้นดูดีเกินไป พี่ๆ ทั้งหลายสวมใส่ย่อมจะงดงามดุจนางฟ้า แต่ข้าอายุเพียงแค่นี้ สวมใส่อาภรณ์สีแดงสด จะดูจงใจทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัย สู้แต่งชุดสีสันสดใสมาขับให้ความงดงามของพวกพี่ๆ ยิ่งงดงามขึ้นไม่ดีกว่าหรือ”
เฉิงเอินกงไท่ฮูหยินจะพาหลานสาวทั้งเจ็ดคนเข้าวังไปด้วยกัน เพราะมีวัตถุประสงค์ชัดเจน
นางยังรู้อีกว่าตัวนางเองเพียงถูกผูกพ่วงเข้าไปด้วย ที่ไท่ฮูหยินต้องการให้ไทเฮาได้เห็นแท้จริงคือพวกพี่สาวบางคนที่พร้อมจะออกเรือนแล้วเท่านั้น
นางเพิ่งอายุสิบสอง จะให้มาริษยาพวกพี่สาว แก่งแย่งความเด่นเช่นนี้ ช่างไร้ความหมายเสียจริง
“เจ้าคิดถูก แล้วที่เจ้าสวมชุดสีเหลืองนวลก็น่ารักจริงๆ”
สายตาเฉิงเอินกงไท่ฮูหยินทอดไปยังสาวน้อยงดงามที่ลนลานหมุนกายกลับไปแวบหนึ่ง จึงหันกลับมาตีมือวานวานอย่างรักใคร่ เห็นความใสซื่อไร้เดียงสาของนาง ดวงตาใสกระจ่างมองเห็นก้นบึ้งคู่นั้น ไร้ซึ่งความทะยานอยากแต่งงานเข้าสู่เวียงวัง แม้นว่านางจะกังวลกับอนาคตของจวนเฉิงเอินกง แต่นางก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาหลานสาวทั้งหมดนางรักหลานสาวใสซื่อคนนี้ยิ่งกว่าใคร ทว่าเมื่อคิดคำนึงถึงความยากลำบากของพระชายาสกุลฉู่ทั้งสองคนในวังแล้วรอยยิ้มบนใบหน้านางก็ค้างเติ่ง ทอดถอนใจแผ่วเบา
ด้วยความเป็นลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้ สมัยนั้นพระชายาสกุลฉู่ทั้งสองคนนี้จึงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานอย่างยิ่ง เชิดหน้าชูตาเป็นอย่างสูง สถานะก็สูงส่ง คนหนึ่งเป็นกุ้ยเฟย อีกคนได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเฟย แต่ถ้าหากไม่มีพระโอรสแล้ว ยังจะสามารถมีหน้ามีตาไปได้อีกกี่ปีเล่า
การจะให้เด็กสาวสกุลฉู่เชื่อมวิวาห์สัมพันธ์กับองค์ชายอีกครั้งนั้น ประการหนึ่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของสกุลฉู่กับราชสำนักให้สืบเนื่องต่อไป ส่วนอีกประการ ไหนเลยจะมิใช่เพื่อชีวิตในบั้นปลายของพระชายาทั้งสอง
นางทอดถอนอยู่ภายในใจ แม้ว่าจวนเฉิงเอินกงจะยังดูรุ่งเรืองดี แต่ก็รู้สึกได้ถึงความโรยราบ้างแล้ว เมื่อเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกนี้ลง นางนำเหล่าหลานสาวไปขึ้นราชรถที่ทางวังส่งมารับ มุ่งหน้าสู่วังหลวงอย่างสง่างาม
วานวานเข้าวังครั้งแรก จึงย่อมอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง ได้ยินเสียงล้อรถแล่นหลุนๆ นางแอบเลิกผ้าม่านมองออกไปยังข้างนอก นางไร้เดียงสาสนใจใคร่รู้ไปทุกสิ่ง เห็นท่าทางไม่ประสาของนางแล้ว เด็กสาวชุดสีแดงสดหน้าตางดงามบาดตาคนเมื่อครู่ก็พ่นเสียงหึและพูดเบาๆ อย่างรังเกียจ “เป็นคนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
“พี่รอง”
เด็กสาวงามอร่าม ดวงตามีเสน่ห์ สวมอาภรณ์แพรปักดอกท้ออีกด้านหนึ่ง ก้มหน้าพูดขึ้นอย่างหวาดๆ “ท่านย่าอยู่ด้วยทางที่ดี พี่รองอย่า...”
“เจ้ามีค่าพอจะมายุ่งเรื่องของข้าหรือ”
ไม่ทันสิ้นเสียง นางก็ถูกคุณหนูรองฉู่อวิ๋นออกแรงผลัก ถลาไปทางด้านข้างทันที เมื่อเห็นเหล่าพี่น้องในรถต่างเบิกตาโพลงมองดูตนอย่างตกตะลึง ฉู่อวิ๋นก็ลูบแก้มขาวกระจ่างของตนและพูดอย่างไม่พอใจ “ถึงท่านย่าจะไม่บอก แต่ใครเล่าจะไม่รู้ว่าท่านย่าพาพวกเราเข้าวังก็เพื่อองค์ชายทั้งสาม อย่าคิดว่ามีคำพูดของท่านย่าแล้ว พวกเจ้าจะสามารถขึ้นมาเหยียบหัวข้าได้ ท่านพ่อของข้านี่แหละที่เป็นเฉิงเอินกง หากไทเฮาจะทรงคัดเลือกพระชายาให้องค์ชาย ก็สมควรต้องเลือกข้า”
“พี่รองอย่าได้คุยโวเกินไปนักเลย ใช่จะเป็นไปดั่งโอ้อวด ใครจะรู้ว่าไทเฮาจะโปรดใคร”
สาวน้อยงามปานดอกท้อไม่กล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใด แต่กลับเป็นคำพูดเย้ยหยันของสาวน้อยที่อยู่ด้านข้างในชุดสีแดงสดเช่นกัน
วานวานแอบฟังหลบมุมจนปวดหู นางไม่เข้าใจจริงๆ ยังไม่ทันได้เห็นเหล่าองค์ชายก็มาทะเลาะกันเองเช่นนี้เสีย แบบนี้เรียกว่าไม่ฉลาดเอาเสียเลยมิใช่หรือ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in