ในแง่หนึ่ง การอยู่ในห้องแคบๆ จึงเป็นความจำเป็นที่คนฮ่องกงต้องร่วมด้วยช่วยกัน แทนที่จะตัดพ้อโชคชะตาว่าทั้งชีวิตต้องอาศัยอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม พวกเขาเข้าใจและไม่มองว่ามันเป็นความโชคร้าย
และแม้จะต้องอยู่ในห้องหับแสนคับแคบแค่ไหน เวลาใครถามว่าจะไปไหนต่อ หากกำลังจะกลับที่พักเขาจะบอกว่ากลับบ้าน ไม่ใช่กลับห้อง
สำหรับพวกเขา คำว่าบ้านไม่ได้เกี่ยวกับแค่ลักษณะภายนอก แต่เกี่ยวกับคุณค่าทางจิตใจและคนที่อาศัยอยู่ในนั้น
ใครหลายคนบอกผมว่าฮ่องกงเป็นเมืองเหงา ถ้าไม่ใช่เพราะอิทธิพลของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง หว่อง การ์ ไว ที่หยิบจับอะไรมาเล่าก็ดูเหงางามไปเสียหมด ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะคนฮ่องกงต้องอาศัยอยู่บนตึกนี่แหละ
ใครเคยไปยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางเมืองแล้วหันไปทางไหนก็เจอแต่ยอดตึกระฟ้า คงเข้าใจว่าทำไมผมถึงคิดอย่างนั้น
ก่อนมาเยือน ผมเห็นภาพถ่ายตีแผ่ชีวิตในห้องแคบๆ ที่หันไปทางไหนก็ไม่เจอใคร มีเพียงผนังที่ทำหน้าที่กั้นมนุษย์คนหนึ่งออกจากมนุษย์อีกคน จริงอยู่ ชีวิตชาวฮ่องกงส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในภาพนั้นมาก แต่ภาพที่เห็นก็ชวนให้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยว
ดังนั้นการที่เราเห็นคนฮ่องกงออกจากห้องมารวมตัวกันในที่สาธารณะ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือที่ใดใดจนเบียดเสียดชวนรำคาญตา ส่วนหนึ่งนั้นเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ จากการนอนอุดอู้อยู่ในห้อง ออกมาสูดอากาศ มองฟ้า มองน้ำ หรือนัดเจอคนรักบ้าง
ใช่หรือไม่ว่าการอยู่ในห้องแคบทำให้เราอยากออกไปเจอโลกกว้าง
และการกลับมาอยู่คนเดียว ทำให้เราอยากออกไปเจอใครสักคน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in