มาถึงตอนจับมือ เรามีบัตรอยู่สองใบ ไปถึงก็ต่อแถวมิวสิคเลย (แน่นอนว่าหาแถวนานมาก) ตั้งใจไว้ว่าจะจับมือมิวสิคทั้งสองใบ พอเข้าไปใกล้มากขึ้นหัวใจก็เต้นแรงขึ้น ตื่นเต้นมากๆ
ก่อนหน้านี้เรามักจะไปที่ตู้ปลา (เดี๋ยวอธิบายเรื่องตู้ปลาเพิ่มตอนหน้าแล้วกัน) ในวันที่มิวสิคมา ความถี่ช่วงก่อนหน้านี้คือมิวสิคจะไปตู้ปลาสัปดาห์ละครั้ง ทุกครั้งเราจะเอาจดหมายไปให้ฝากให้มิวสิค เราหย่อนจดหมายให้สิคไปประมาณ 2 ครั้งก่อนที่เราจะได้มีโอกาสเข้าไปหน้าตู้ซึ่งปกติเต็มไปด้วยผู้คนบังมิด มีคนใจดีให้เราไปยืนข้างหน้า เลยได้โอกาสชี้บอกสิคที่กำลังถือจดหมายไว้ว่านั่นคือจดหมายของเราเอง นับจากวันนั้นสิคก็เลยจำหน้าเราได้
พอเข้าไปถึงคิวเราก็ต้องวางกระเป๋า ถอดนาฬิกา และได้โอกาสสุ่มนามบัตรของมิวสิคหนึ่งที ซึ่งอันนี้ไม่ซีเรียส เราไม่ได้หวังอยู่แล้ว และพอเดินเข้าไป สบตากับสิค เสียงก็ลอยมาทันที
"แฟรี่~~~~~~~~~~~~~~~"
พอเรายื่นมือไปสิคก้คว้าทั้งสองมือไปจับไว้ มือของสิคนุ่มมากและอุ่นมากๆ เราทิ้งตัวลงไปกับราวกั้นเลยตอนนั้น ดีใจที่สิคยังจำเราได้เนื้อหาการพูดคุยที่เหลือก็เป็นไปตามนี้
ข้าพเจ้า : โอ๊ยย ขอบคุณนะที่จำเราได้ (ย่อตัวจนพิงกับที่กั้นเลย)
มิวสิค : คนนี้เราจำได้อยู่แล้ว
ข้าพเจ้า : แต่ว่าเดี๋ยวเราต้องกลับเชียงใหม่แล้วแหละ
มิวสิค : แล้วจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไรอะ
ข้าพเจ้า : เอ่อ (จะหมดเวลาเลยปล่อยมือ) เดี๋ยววนอีกรอบๆ
พอวนรอบที่สอง ความตื่นเต้นน้อยลงหน่อย ตอนนั้นนามบัตรหมดแล้ว
ข้าพเจ้า : เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เจออีกเมื่อไร (ทุกคนคิดใช่มั้ยล่ะคะว่าถ้าจะตอบอย่างนี้ก็ไม่ต้องวนมาตอบก็ได้ 5555)
มิวสิค : เหรอ (เสียงอ่อย)
ข้าพเจ้า : แต่จะพยายามฝากจดหมายมาให้บ่อยๆ นะ
มิวสิค : เราจำจดหมายแฟรี่ได้น้า
จบ. หมดเวลา
ที่จริงมีอีกอย่างที่อยากบอกสิคแต่ไม่ได้บอก คือ "ซักวันจะต้องเป็น BNK48 ให้ได้เลย รอเราหน่อยนะ" เสียดายที่ไม่ได้บอก มัวแต่ตอบว่าไม่รู้จะได้เจออีกเมื่อไร
แต่แค่ชื่อของเราถูกเอ่ยโดยสิค แค่นั้นเราก็พอใจแล้ว
จะมีอะไรดีไปกว่าการจ้องตาสิค จับมือนั้นแน่นๆ แล้วซึมซับเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไว้อีกล่ะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in