เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เจ้าชาย Monsterfainattasanan
ตอนที่ 2 : 6 ตุลา สัมผัสแรกที่ไม่เคยลืม...
  •         หลังจากที่จบค่าย ภาระและความรับผิดชอบในการออกแบบแคมเปญมาตกอยู่ที่ฉัน เพียงเพราะ Topic " UnlockSexToys " ถูกโหวต 3:2 ของคนในกลุ่ม ฉันรู้ดีว่าพี่ภูก็โหวตด้วยเช่นกัน

            เอ้รู้ดีว่า Feminist อย่างฉันคงใช้ Passion ตรงนี้ขับเคลื่อนทุกอย่างโดยเร็ว แต่เอ้กลับไม่ จากหัวใจที่พองโตราวกับบอลลูนก็ฟีบลงกระทันหัน แต่ฉันก็ยอมเปลี่ยน Topic เพื่อให้ทุกคนได้มีสิทธิใช้ Passion ของตัวเองทำแคมเปญ 

             " Freedom Of Expression " มันเป็นชื่อใหม่ซึ่งจัดอยู่ในสับเซตที่ใหญ่กว่า Sex Toys แต่อย่างน้อยๆ Topic ของฉันก็ไม่ได้หายไปไหนวันประชุม ทุกคนกลับมาสาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่คนตรงต่อเวลาอย่างฉันเกลียดมากที่สุด ศัตรูตัวฉกาจที่สามารถกระตุกต่อมอะดรีนาลีนของฉันให้วีนแตกใช้ปากกาแดงขีดฆ่ารายชื่อสมาชิกในกลุ่มได้ และพี่ภูก็เกือบโดน เพราะเขาลืมนัด นั่นสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจ ภายในกลุ่มมีเพียงเอ้เท่านั้นที่จะหยุดความวีนของฉันได้ และเจ้าหล่อนก็ทำสำเร็จ

              ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ ฉันกับ "นา" เพื่อนในคลาส Paragraph Writing ได้ Final Project คือต้องหา Reference เรื่อง Sotus จากบทสัมภาษณ์นักศึกษา และแน่ล่ะ ฉันกว้านคำตอบจากทุกคนที่ฉันรู้จัก พี่ภูก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยความที่ไม่อยากรบกวนพี่แก เลยขอให้พี่แกพิมพ์มาทางแชทก็ได้ สุดท้ายแล้วพี่แกก็ขอนัดเจอเพื่อจะได้สัมภาษณ์สะดวกขึ้น 

            พอถึงวันนัดที่ร้านกาแฟหอใน พี่แกก็มาตรงเวลา นั่นก็ทำให้ฉันหายโกรธเขาถึง 35% และหายโกรธ 100% หลังสัมภาษณ์เสร็จ เขาดูท่าทางขี้เก็กในสายตาฉัน บางทีก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ บางทีก็ดูเหมือนเขินอะไรก็ไม่รู้ ฉันอ่านสายตาที่เขามองฉันออก แต่ช่างเถอะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเขียนเสียดสีระบบ Sotus ส่งอาจารย์ 

             ตกเย็น วันนั้นฝนตกหนัก ข้อความจากพี่ภูก็เด้งบนมือถือฉัน ฉันอ่านมันและตกลงไปค่ายมวยด้วยทันที แหงล่ะ ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอก ฉันแค่เบื่อรูมเมทก็เท่านั้น แต่ไม่คิดว่านั่นจะกลายเป็นวันที่ฉันจดจำได้ตลอดกาลเขาพาฉันกระโดดเชือก เลี้ยงเกาเหลาที่ตลาดมีเจริญเป็นมื้อเย็น เขายื่นหูฟังให้ฉันแล้วเปิดที่เกี่ยวกับชาติ การเมืองอะไรสักอย่างซึ่งฉันไม่เคยเข้าถึงได้เลย 

            นอกจากนี้ ฉันยังจดจำแสงสีดำที่ปกคลุมตัวเราสองคนตอนเวลาสามทุ่ม ขณะที่ฉันซ้อนมอไซต์ช๊อปเปอร์สีดำของเขาไปตามซอยเปลี่ยว ฉันดีรู้ว่า เขาต้องยื้อเวลาขับรถเล่นเพื่อได้อยู่กับฉันนานๆ แน่ ไม่งั้นจะขับอ้อมเพื่ออะไรเมื่อฉันถึงหอใน ข้อความของเขาเด้งอีกครั้ัง "ที่ข้างล่างหอมีตู้ยา ลงไปกินพาราด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย " เอ้อนะน้องนะ มุขเป็นห่วงเป็นใยของผู้ชายหลายๆคนที่เคยเกิดขึ้นกับฉันมา 20 ปี มันไม่เคยจางหายไปไหนเลย ฉันรู้ตั้งแต่มองตาเขาแล้วว่าจีบ 100% 


               1 ตุลา เขาพาฉันไปกินข้าวที่ร้านป๊อก 8 ป๊อก9 และพาไปเจอกับพี่จั๊ด รุ่นพี่ วัยจ๊าบอายุ 40 เจ้าของร้านร้านหนังสือสุดติสท์ยุค 90 แว็บแรกที่เข้าไป ฉันได้กลิ่นหนังสือเก่าและกลิ่นเมล็ดกาแฟที่โชยมาจากเคาว์เตอร์กาแฟที่ตั้งอยู่ตรงประตูทางเข้าร้าน ถัดไปทางขวามือ สภาพร่างเจ้าของร้าน สวมเสื้อหม้อฮ้อมสีขาวขุ่นและกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลคาราเมล เขานอนคว่ำหน้าราบกับพื้น ราวกับทำท่าแพลงกิ้งใต้ชั้นหนังสือ 

    " พี่จั๊ดครับๆ ผมภูครับ " 
    " เอ้อ ภูไหนวะ อ้อมึงนี่เอง ไอ้เด็กนครพนม " พี่จั๊ดเงยขึ้นมาดูแวบหนึ่งแล้วนอนต่อ 
    " มึงพาใครมาเนี้ย? แฟนมึงหรอ ไอ้ภู" เสียงแหลมห้วนๆราวกับนักเลงของพี่จั๊ดทำฉันสะดุ้ง
    " เอ่อๆ เปล่าครับ นี่น้องฝ้าย ลูกศิษย์อาจารย์ปุ๊ คณะศิลปศาตร์ " พี่ภูผายมือแนะนำฉันให้พี่จั๊ดรู้จัก
    " สวัสดีค่ะ " ฉันยกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 
    " เออ...หาชาให้น้องกิน กูจะนอน " พี่จั๊ดยังคงท่าแพลงกิ้ง

               พี่ภูพาฉันไปอ่านหนังสือที่ระเบียงดาดฟ้าชั้น 2 ของร้านหนังสือ ผู้ชายชุดหม้อฮ้อมสีน้ำเงินคนนี้พาฉันมาที่แปลกใหม่ในแบบที่ฉันใฝ่หา มันสวยและให้กลิ่นอายปราสาทเจ้าหญิงยุคโบราณ มันเป็นเหมือนปราสาทเจ้าหญิงดิสนีย์สีเหลืองตองอ่อนซีดบวกกับความเก่าย้อนยุคเอามากๆ บนนี้ลมโกรกพัดโบกโชยได้อย่างเต็มที่ 

                ฉันชะโงกหน้าลงไปดูทุ่งหญ้าเขียวขจีที่อยู่ข้างหลังปราสาทราวกับราพันเซลที่รอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เจ้าชายชีวิตจริงกลับขี่มอไซต์ช๊อปเปอร์สีดำแทนซะงั้น พี่ภูยื่นหนังสือกาแฟให้ฉัน เขาช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีในแบบที่น้องสาวอย่างฉันค้นหา เขาตรงข้ามกับลูกพี่ลูกน้องของฉันโดยสิ้นเชิง รอยยิ้มของเขาดูซื่อตรง ไร้เหล่เหลี่ยมและจริงใจ สายตาที่เขามองฉันช่างอบอุ่นราวกับผ้านวมผืนใหญ่สีชมพูที่ฉันชอบซุกในตอนเช้า

               2 ตุลา รับไปกินข้าว รับไปออกกำลังกายที่ค่ายมวยด้วยอีก 

               3 ตุลา พาไปกินข้าวกับเพื่อนและอาจารย์คนสนิทของเขา วันนั้นฉันก็ยังไม่เลิกชอบพี่ไปป์อยู่ดี เพราะพี่แกยอมซ้อมบทละคร Trifle กับฉัน นางยืนหนึ่งในเรื่องอินเนอร์มากแม่ จีบปากจีบคอจิกกัดสวมร่างทรงเป็น Mrs.Hale คู่กับฉัน ส่วนอาจารย์วิต ก็พูดจาโผงผางแต่จริงใจเหมือนกับหญิงหญ้าของฉันไม่มีผิด ฉันชอบอาจารย์เหมือนฉันมีย่าอยู่ข้างๆฉันเลย ฉันละอิจฉาที่พี่ภูมีกัลยานิมิตรที่ดีแบบนี้จัง

                4 ตุลา วันนี้ก็มารับ-ส่งที่ร้านอาจุมม่า ฉันมีซ้อมเต้น Cover เกาหลีกับพี่เฟิร์น พอจะกลับพี่ภูก็โผล่มารับไปกินน้ำเต้าหู้กลางซอยอีก เห้อ...ฉันแทบไม่ต้องใช้มอไซต์เลย บางทีฉันก็รู้สึกอึดอัดที่เขาทำตัวติดฉันเสมอทุกครั้งที่เขามีเวลาว่างและรู้ว่าฉันว่าง

                5 ตุลา ฉันถามเขาว่า วันนี้เขามีความสุขไหม? เขาบอกฉันว่า "ภูมีความสุข เพราะมีฝ้ายมานั่งเฝ้าภูกินข้าว " ก่อนที่เขาจะพ่นประโยคนี้ออกมา เขาพาฉันขับรถฝ่าฝนไปที่บ้านของเขา นั่งดูเขาผัดมาม่าเผ็ดเกาหลี ฉันรู้สึกได้แล้วว่า เขาก็คือคนธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมไปไหนต่อไหนกับเขาได้ตลอด6 ตุลา เวลา 16 นาฬิกา อ่านหนังสือที่บ้านเขา ฉันเหลือบมองเห็นเสื้อหนังสีน้ำตาลยี่ห้อ H&M บนไม้แขวนที่ห้อยบนผนังห้องนอนเขา

     "พี่ภู อันนี้เสื้อภูหรอ " เขาที่กำลังเขียนงานเดดไลน์อยู่ก็เงยขึ้นมามองฉัน
     " ลองเอามาใส่ดูสิ " ฉันหยิบทั้งไม้แขวนมา แล้วยื่นให้กับเขา เขาสวมและรูดซิบให้ฉัน
    " เหมาะกับฝ้ายดีนะ ดูน่ารักดี " ฉันเลยให้รางวัลค่าชมเขา ด้วยการสวมกอดคอของเขาจากทางด้านหลัง 
    เขาผงะจากงานเขียนและหน้าแดงก่ำจนถึงหู
     " เขินหรอ? " ฉันไม่ยอมปล่อยกอดและยังสวมกอดเขาอยู่
    " เปล่า ไม่ได้เขินสักหน่อย " เขาส่ายหน้ายกใหญ่

    พอ 22 นาฬิกา เขาเปิดเพลง Cardigan เพลงโปรดของฉันให้ฟัง เขาตัดเล็บเท้าให้ฉันอย่างทะนุถถนอม ฉันไม่เคยลืมสัมผัสมือของเขาที่ค่อยๆประคองฝ่าเท้าของฉันขึ้นวางไว้บนตักของเขาเลย
     " พี่ภูเคยตัดเล็บเท้าให้ใครมาก่อนไหม " เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน 
    " ไม่เคยครับ ฝ้ายคนแรก " 

    พอ 23 นาฬิกา เข้านอน เตียงเดี่ยวแคบๆที่มีเราสอง ไออุ่นจากแขนของเขาทำให้อายฝนอันหนาวเหน็บข้างนอกไม่ส่งผลต่อภูมิแพ้ฉันเลย แสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามายังห้องนอน จนฉันเห็นเงาร่างของชายหนุ่มนอนแข็งทื่อเป็นปลาทูแช่แข็งข้างๆฉัน และนั่นก็ทำให้ฉันอยากจะแกล้งเขา ฉันแกล้งจะหอมแก้มเขาและเขาก็กันท่าฉันสุดฤทธิ์ฉันทำท่าจะจุ๊บแก้มเขา เขากลับดิ้นหนีไม่หยุด จนเขาหยุด แล้วถามฉันว่า

     "จะเอาจริงหรอ? แน่ใจแล้วนะที่ทำแบบนี้ " เขาน้ำเสียงหนักแน่น
    " อื้อ ไม่ได้ล้อเล่น " ฉันก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน แต่ในใจนั้นสั่นระรัว

            เขาดึงตัวฉันเข้าไปใกล้เขา แล้วค่อยๆบรรจงประกบริมฝีปากอุ่นๆแนบชิดสนิทใน เขาเร่งเร้ามากขึ้นจนฉันตามไม่ทัน ลิ้นของเขาเริ่มล้วงเข้ามาในคอหอยของฉัน จนฉันอยากจะสำลักออกมาให้เร็วที่สุด เราจูบกันอย่างดูดดื่มเหมือนแจ๊คกับโรสบนเรือไททานิก ฉันสัมผัสได้ถึงไออุ่นในตัวของเขาราวกับถุงน้ำอุ่น แม้แก้มของฉันจะเต็มไปด้วยรอยจูบของเขา แต่หัวใจของฉันกลับรู้สึกเฉยชา แหงล่ะ ฉันไม่ได้รักเขาเลย...
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in