เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Fictober 2019Synthkid_
09: Lie
  • Warning: 
    ฟิคชันเรื่องนี้มีการกล่าวบางส่วนถึงการล่วงละเมิดทางเพศ แต่มิใช่การสนับสนุน เพียงแต่เป็นบางส่วนของเนื้อเรื่อง อาจสร้างความไม่สบายใจให้บางคนได้ค่ะ


    POLYGRAPH EYES PART 2 (END)


    ฉันเฝ้าถามตัวเองว่าทำอะไรผิดพลาดไป เหตุผลกลใดชีวิตจึงต้องพานพบเรื่องเลวทรามเช่นนี้ 
    บางครั้งฉันภาวนาขอให้วิญญาณตัวเองหลุดพ้นจากกายเนื้อนี้เสีย รังเกียจผิวหนังของตัวเองเสียจนอยากถลกมันออกให้รู้แล้วรู้รอด แล้ววันนึงฉันก็ได้ตระหนะกว่า มันไม่ใช่ความผิดของฉัน
    .
    .

    "อันที่จริง ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าตัวเองถูกทำระยำตำบอนอะไรไป

    ถ้าเป็นในละคร ผู้หญิงที่โดนแบบฉันคงจะลุกขึ้นมาตบตีคนที่ทำเธอจนตัวช้ำเขียว แต่ฉันไม่... ฉันเลือกที่จะเงียบ และยิ้มให้กับความเฮงซวยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าฉันยินดีกับมัน แต่ฉันยังอยากรักษาชีวิตตัวเองอยู่ 

    ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่า เอาล่ะ... ฉันต้องออกไปจากที่นี่ ออกไปให้ห่างไอ้นรกนี่ให้เร็วที่สุด ฉันเลยทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปได้ยังไง

    ฉันเงยหน้าโง่ ๆ ของตัวเองขึ้นมา แล้วก็ฉีกยิ้มให้ไอ้สวะนั่น โกหกอะไรง่าย ๆ บอกไปว่าวันนี้มีนัด ขอรีบกลับนะ คุณเชื่อไหม มันทำแค่พยักหน้า ก่อนจะพูดสั้น ๆ ว่า 


    เมื่อคืนเยี่ยมไปเลย 


    ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เยี่ยม ไป เลย...งั้นเหรอ?


    คุณลองคิดดูว่า ผู้หญิงคนหนึ่ง เมาจนแทบพยุงตัวเองไม่ได้ พูดออกมาไม่เป็นศัพท์ ในหัวของฉันว่างเปล่า แต่ผู้ชายอีกคน แข็งแรง สติครบถ้วน เสือกพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เมื่อคืนเยี่ยมไปเลย

    หน้าอกของฉํนปวดแสบปวดร้อน เหมือนก้อนเนื้อที่เต้นอยู่กลายเป็นลาวาจากแกนโลกที่พร้อมปะทุ ผิวหนังของฉันเหมือนกำลังจะฉีกออก ร่างกายสั่นคลอนราวกับจะแตกสลาย -- ฉันคิดว่าฉันพูดตรงนี้มากเกินไปแล้ว ต้องขอโทษคุณด้วย แต่พอคิดไปถึงตอนนั้น ฉันอดคิดถึงมันไม่ได้จริง ๆ

    ฉันรีบออกจากห้องโสโครกของไอ้คนโสโครก รีบโบกรถสักคันให้เร็วที่สุด ฉันภาวนาให้ทุกสิ่งเป็นเพียงฝันไป แต่มันไม่ใช่-- นี่คือเรื่องจริง แล้วน้ำตาฉันก็พรั่งพรู แต่คุณรู้ไหม สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดมันยังไม่หมดแค่นี้ 



    สิ่งที่ฉัน... ไม่พร้อมเผชิญคือต่อจากนี้


    เมื่อถึงบ้าน ฉันรีบเปิดประตูห้องนอน และนั่นแหละสิ่งที่ฉันกลัว 'แนท' รอฉันอยู่ในนั้นนานแล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ฉันกลืนน้ำตาตัวเองทุกหยดลงคอไปแล้ว ก่อนจะตัดสินใจเสียบกุญแจเข้าที่ประตู

    แนทถามฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันโกหกโง่ ๆ ว่ารู้สึกไม่สบาย แล้ววัลก็เมา เลยออกไปเปิดโฮสเทลนอน ตอนนั้นฉันคงจะดูเหมือนคนป่วยจริง ๆ มั้ง อย่างที่ฉันบอกไป แนทเป็นคนง่าย ๆ แน่นอนว่าเธอเชื่อ อย่างสนิทใจ เธอปล่อยให้ฉันพักผ่อน ให้ตายสิ เธอไม่ถามซอกแซกด้วยซ้ำ

    คุณอาจจะคิดว่า อา ดีจัง มีแฟนแสนดีขนาดนี้ แต่เปล่าเลย ฉันจะไม่ลงดีเทลตรงนี้ แต่เอาเป็นว่า--- จริง ๆ เลยนะ ตอนนั้นฉันโคตรอยากให้ตัวเองหายไป อยากให้ผู้หญิงชื่อ วันด้า แม็กซิมอฟฟ์ ไม่มีตัวตนอยู่บนโลก ไม่อยากให้แนทหลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับฉันเลยแม้แต่น้อย

    ฉันนึกรังเกียจตัวเองจับหัวใจ และรู้สึกผิดอย่างเหลือล้น ตอนที่แนทใช้สองมืออันแสนสะอาดของเธอ แตะต้องร่างกายของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันแทบจะอาเจียนออกมา จริง ๆ ฉันไม่ควรจะพูดตรงนี้มาก มันไม่มีประโยชน์ แต่เอาเป็นว่า-- ฉันเคยคิดแบบนั้นจริง ๆ

    หลังจากนั้น ฉันพยายามปรับอารมณ์ตัวเอง ซึ่งมันก็ยากน่าดู เสแสร้ง หลบซ่อน ถีบความเฮงซวยลงไปไว้ในซอกหลืบให้ลึกที่สุด ฉันไม่กล้าบอกแนท ให้ตายสิ ใครจะอยากให้คนดี ๆ แบบเธอต้องมารับรู้เรื่องเลวทรามพรรค์นี้ ถ้าคุณกล้า--- บอกเลยว่า เด็กผู้หญิงอายุ 17 ที่ชื่อวันด้า แม็กซิมอฟฟ์ ไม่...

    ฉันใช้โอกาสตอนที่แนทออกไปทำงาน โทรเรียกให้วัลกับปีเตอร์มาหา แล้วฉันก็เล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟังจนหมด อย่างน้อยฉันก็ตัดสินใจเรื่องนี้ถูก 

    คุณนึกภาพดูนะ เด็กวัยรุ่นอายุ 17 สามคน นั่งร้องไห้เหมือนจะขาดใจตายอยู่ในห้องนอนแคบ ๆ แน่นอน พวกเขามาตอนที่พ่อแม่ฉันไม่อยู่บ้าน อันที่จริงเหตุการณ์นี้ผ่านมา--- น่าจะสิบกว่าปีได้ แปลกที่ภาพในหัวฉันมันชัดมาก อย่างกับเพิ่งผ่านไปเมื่อวานเอง

    วันนั้นวัลกอดฉัน มันเป็นกอดที่แน่นมาก แน่นจนฉันรู้สึกเจ็บ แต่ถ้าเทียบกับที่รู้สึกข้างใน ฉันอยากให้วัลกอดฉันไว้อย่างนั้นมากกว่า เสื้อสีเหลืองอ่อนของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำตา ส่วนปีเตอร์--- ฉันไม่เคยเห็นเขาร้องไห้ขนาดนั้น จนถึงทุกวันนี้ อ้อ เราสามคนยังสนิทกันอยู่นะ! 

    ปีเตอร์เป็นคนร่าเริงอยู่เสมอ  เขามักจะหัวเราะให้กับทุกปัญหา แต่วันนั้น เขาร้องไห้ ร้องหนักมาก--- จนลงไปนอนคุดคู้กับพื้น ปากพร่ำเอ่ยคำขอโทษนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่ฉันไม่โทษเขาสักนิด


    พวกเราทุกคนต่างทำพลาด แล้วเราก็ได้รู้ว่าพวกเราพลาดที่ตรงไหน คืนนั้นพวกเราไม่ได้ไปหยิบเครื่องดื่มด้วยตัวเอง ไอ้นรกนั่นมันอาสาไปเอาเครื่องดื่มมาให้ น่าจะสัก 2-3 ครั้งได้ ฉันกับวัลไม่อาจรู้เลยว่าในแก้วพวกนั้น มีอะไรผสมมาบ้าง พวกเราช่างไร้เดียงสาอย่างไม่น่าอภัย

    ชีวิตฉันไม่เหมือนเดิมหลังจากนั้น ชีวิตประจำวันของพวกเราเปลี่ยนไป ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ฉันได้จากเรื่องนี้ คือพวกเราฉลาดขึ้น โตขึ้น และรู้จักระแวดระวังมากขึ้น พวกเราไม่กลับไปที่คลับนั้นอีก ทุกคืนวันเสาร์ วัลกับปีเตอร์เปลี่ยนมาค้างที่บ้านฉัน ดูหนัง หาอะไรทำในรั้วรอบขอบชิด แม้กระทั่งตอนที่ฉันจะออกไปหาแนทที่ร้าน ปีเตอร์อาสาไปส่งฉันทุกครั้ง

    แต่คนที่ไร้เดียงสาที่สุดในเหตุการณ์นี้คือแนท-- เธอไม่แม้แต่จะสงสัย หรือระแคะระคายอะไรทั้งนั้น ทุกครั้งที่ปีเตอร์มาส่ง เธอจะให้โกโก้เขาฟรี และแนทก็คิดว่าปีเตอร์อยากกินโกโก้ เลยยอมมาส่งฉัน ก็เท่านั้น

    ฉันรู้มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันไม่น้อยเลยสำหรับฉัน เพราะยิ่งแนทใสซื่อมากเท่าไหร่ ในใจของฉันก็ยิ่งแตกสลาย ฉันกำลังโกหก 


    กล้าดีอย่างไร ถึงปิดบังคนที่รักฉันมากขนาดนี้....


    ทุก ๆ วันฉันตื่นมาพร้อมกับความเสแสร้ง ทุก ๆ ครั้งที่ฉันมองหน้าแนท เหมือนฉันกำลังเผชิญหน้ากับเครื่องจับโกหกอยู่ทุก ๆ วินาที และนั่น--- มันช่างทรมาน

    วันหนึ่งเราสองคนนั่งกินข้าวด้วยกัน แนทเปิดทีวี ดูข่าวตามปกติ ส่วนฉันก็เหม่อลอย พลันจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานข่าวของเด็กผู้หญฺงอายุ 14 ที่ต้องมาจบชีวิตตัวเองลง เพราะถูกพี่ชายล่วงละเมิดมาทั้งชีวิต

    เส้นด้ายบาง ๆ ที่รัดรึงความรู้สึกฉันได้ขาดสะบั้นลง ฉันปล่อยโฮออกมาแบบหยุดไม่ได้ ทุก ๆ ความเจ็บปวดที่อัดแน่นในตัวฉัน ได้ท่วมทะลักออกมาในวินาทีนั้น และในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้แนทฟัง"

    .
    .


    วันด้าสูดลมหายใจเข้า เธอเงยหน้าจากแผ่นกระดาษตรงหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ กับภาพตรงหน้า พื้นที่โล่งขนาดใหญ่ คราค่ำไปด้วยหญิงสาวมากมายหลายชีวิต ธงสีชมพูรอบบริเวณกำลังโบกสะบัด และดูสง่างาม ทุกสรรพสิ่งเงียบสงบ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงรถราเล็ดลอดเข้ามาอย่างที่ควรจะเป็น


    หญิงสาวผ่อนลมหายใจออก ก่อนจะค่อย ๆ หันไปทางซ้าย เพื่อส่งยิ้มให้ใครบางคน คนที่ทำให้เธอได้มายืนอยู่ตรงนี้ วันด้ากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเปิดปากอ่านข้อความในกระดาษ และกรอกเสียงตัวเองลงในไมโครโฟนอีกครั้ง


    "ฉันขอขอบคุณ แนท--- นาตาชา โรมานอฟฟ์ หญิงสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของฉัน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้าง ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เธอคือเรี่ยวแรง คือความกล้าหาญ และเป็นกำลังใจสำคัญ ที่ทำให้ฉันได้มายืนอยู่ตรงนี้ เพราะแนทได้สอนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับฉัน มันมีคุณค่า และทรงพลังเสมอมา นั่นก็คือ 'ความรักและเคารพในตัวเอง'

    หากฉันย้อนเวลาได้ ฉันคงต้องสารภาพด้วยความสัตย์จริง ว่าฉันจะปกป้องตัวเองจากเหตุการณ์นั้นในทุก ๆ วิถีทางที่จะทำได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าเรื่องราวของฉัน จะช่วยเหลือพวกคุณได้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง หากต้องแลกทั้งชีวิต เพื่อพรเพียงข้อเดียว ฉันจะขอให้ "คุณ" ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ หน้าตา ผิวพรรณ สัญชาติ หรือศาสนาใด ฉันขอให้ผู้หญิงทุกคนในที่นี้ และทั่วโลก ไม่ต้องพานพบเรื่องราวแบบที่ฉันเจอ

    พวกเราเป็นผู้หญิง มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ พวกเรามีสิทธิ์จะได้รับความปลอดภัย และควรค่าแก่การถูกเคารพในฐานะมนุษย์อย่างเท่าเทียม และโปรดจงจำไว้ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวอย่างไร ดื่มหนักแค่ไหน อยู่ในสถานที่ใด ร่างกายของคุณ คือของคุณ 

    คุณจะใช้มันอย่างไร ตอนไหน กับใคร มีแค่คุณคนเดียวบนโลกเท่านั้น ที่จะเซ็นใบอนุญาตให้มันได้ ไม่มีใครหน้าไหน มีสิทธิ์กระทำ หรือพรากอะไรไปจากร่างกายของคุณ โดยที่คุณไม่ยินยอม 

    ขอบคุณค่ะ"


    เสียงปรบมือดังสนั่นจากทั่วทุกสารทิศ หญิงสาวกว่าหลายร้อยชีวิตต่างกู่ร้องเรียกชื่อ "วันด้า" บ้างแสดงท่าทีฮึกเหิม บ้างมีน้ำตานองหน้า บ้างหันไปกอดกันด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้น

    วันด้าโค้งเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงจากโพเดี้ยม น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาที่ดวงตา หากแต่หัวใจของเธอกำลังสูบฉีดด้วยความสุขอันเหลือล้น อย่างหาที่สุดไม่ได้

    "ยอดเยี่ยมมาก" 

    เสียงหวานที่คุ้นเคยเข้ามากระซิบข้างหู ร่างของคนรักเดินเข้ามาแนบชิด ก่อนจะใช้วงแขนประคองเอวเธอ ดึงให้อีกฝ่ายเข้าไปแนบชิดร่างของตน วันด้าหันไปสบตากับนาตาชา เธอสัมผัสได้ใน 'ความภูมิใจ' ที่คนรักถ่ายทอดให้ผ่านแววตา

    ในช่วงเวลาที่เลวร้าย ย่อมมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หากแต่แนทไม่ได้อยู่เพียงปลายอุโมงค์ ทุก ๆ ความมืดมิดที่วันด้าต้องผ่านพ้น ความรักของแนทจะอยู่เคียงคู่ เป็นดวงไฟอันแสนอบอุ่นที่จะพร้อมจะตามติดเธอไปในทุก ๆ ช่วงเวลา

    เธอทั้งคู่สวมกอดกัน วันด้ากระชับวงแขนให้แนบชิด ซึมซาบสัมผัสอบอุ่นที่คนรักมอบให้ เพื่อจดจำช่วงเวลา ณ ตอนนี้ไว้ ให้ประทับในหัวใจไปอีกนานแสนนาน.

    ------------------------------------------------------------------------------------

    Dedicated to All Women in The World.

    ฟิคเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง Polygraph Eyes ของ Yungblud เป็นเพลงต่อต้าน Lad Culture และต่อต้านผู้ชายที่มักฉวยโอกาสผู้หญิง


    คุณสามารถอ่านเรื่องราวของเพลงนี้ได้เพิ่มเติมที่ทวิตนี้ คลิก หรือ Facebook นี้ 

    ใครอยากคอมเมนท์เป็นกำลังใจสามารถโควททวิต หรือเมนชั่นมาได้โดยตรงเลยนะคะ แม้จะยังไม่ดีที่สุด แต่เราขอขอบคุณจากใจจริงที่อ่านจนจบนะคะ จะพัฒนางานเขียนต่อไปอย่างแน่นอน





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in