วันที่ 13 : Side Effect
ผ่านไปหลายวันแล้วหลังจากที่พารักษ์พาชายหนุ่มร่วมห้องพักไปพิพิธภัณฑ์และบังเอิญได้เจอกับอาจารย์นิลนพ ชายหนุ่มผมสีเงินยาวประบ่ายังคงใช้ชีวิตประจำเช่นเดิมทุกอย่าง ต่างจากพารักษ์ที่ยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็บรรยากาศตอนอยู่กับอาจารย์นพมันต่างไปเหมือนเป็นคนละคนเลยนี่…
“นาย… จะไม่บอกจริงๆ ใช่มั้ย”
“ครับ?”
เพราะอยู่ๆ พารักษ์ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายหนุ่มร่างสูงจึงฉงนหนัก พารักษ์จิปาก
“หมายถึง… ที่อาจารย์นพพูดกับนาย”
“อ่า… ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คราวนี้เหมือนพารักษ์จะไม่หลงกล มือเรียวบีบคางสีขาวของคนนั่งที่พื้นให้เงยหน้าขึ้นมามองตา
“หนีออกจากบ้านนี่ไม่มีอะไรตรงไหน มันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ”
“...”
“นี่”
“ผมจะตอบถ้ารักษ์ตอบคำถามผมก่อน”
“หา…” พารักษ์ขมวดคิ้ว เดี๋ยวนี้ไอ้หมาตัวใหญ่เริ่มรู้จักต่อรองกับเขาแล้ว “...ก็ได้ ว่ามาสิ”
“ที่รักษ์ถาม เพราะเป็นห่วงผมหรือเพราะรำคาญอยากไล่ผมไป”
“...” พารักษ์นิ่งงันกับคำถามที่เขาไม่ทันตั้งตัว มือเรียวคลายแรงบีบที่คางแต่มือใหญ่ของอีกคนกลับคว้ามันไว้และออกแรงบีบเบาๆ อย่างรอคอยคำตอบ
“รักษ์…”
“ปล่อยก่อนแล้วฉันจะตอบ” พารักษ์ต่อรองบ้าง เขารู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่นิดหน่อยถ้าอีกฝ่ายจะกุมมือเขาไว้เช่นนี้
ชายหนุ่มที่นั่งบนพื้นยอมคลายมือออก ใบหูสุนัขสีเทาลู่ลงช้าๆ พร้อมใบหน้าที่ก้มหลบตา พารักษ์ชะงัก ความรู้สึกผิดแล่นริ้วเข้ามาในใจ
“นี่นาย… อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” พารักษ์ขมวดคิ้ว เปลี่ยนใจลงมานั่งบนพื้นในระดับเดียวกับคนตัวสูงแทน
“ขอโทษครับ ผม…”
“เลิกทำหน้าแบบนั้นแล้วคุยกันดีๆ นะ พี่เหนือ” ชายหนุ่มเจ้าของห้องยิ้มกว้างให้คู่สนทนา ในขณะที่กรัชวาลหนุ่มเบิกตากว้างอึ้งค้างไป ร่างสูงโน้มตัวซุกหน้ากับขอบเตียงอยากตะโกนร้องดังๆ แล้วกอดรัดพารักษ์ให้สุดแรงแขน
ย… อยากโดนเรียกชื่อจริงๆ ด้วยเสียงแบบนี้!
“น...นี่!” พารักษ์แหวใส่คนตรงหน้าเสียงดังด้วยความเก้อเขิน ใบหน้าสีแทนซับสีเลือดจนรู้สึกว่ามันร้อนไปทั้งหน้า
อุตส่าห์เรียกแล้วทำไมทำท่าแบบนั้นวะ!
“รักษ์…” เสียงทุ้มที่อยู่ๆ ก็นิ่งขึ้นพร้อมมือทั้งสองที่มาวางตะปบไว้ที่ไหล่มนทำเอาพารักษ์สะดุ้ง
“อะ… อะไร”
“ถ้าจำชื่อผมได้เมื่อไหร่ ช่วยเรียกผมแบบนั้นอีกครั้งนะ”
“หา… ชื่อ…?”
“นะครับรักษ์” รอยยิ้มสว่างถูกส่งมาให้อีกครั้ง ดวงตาสีทองส่องประกายวูบวาบราวอัญมณีล้ำค่า
“...”
พารักษ์ไม่เคยรู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มของคนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใด แต่ที่แน่ๆ รอยยิ้มนี้ทำให้เขาต้องยอมจำนนต่อคำขอต่างๆ มากมายของคนแปลกหน้า แถมมีผลข้างเคียงให้หัวใจเขาเต้นแรงระรัวเหมือนอยากจะกระเด็นออกจากอกซ้ายเสียให้ได้อีก
โอย… หยุดยิ้มสักที
“ล… แล้วตอบคำถามฉันสักทีสิ!” พารักษ์ขึ้นเสียงกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าเรียวเสมองไปทางอื่น แต่คนตัวใหญ่เหมือนไม่ให้ความร่วมมือ ใบหน้าคมโผล่แวบตามมาทันที
“รักษ์ตอบคำถามผมก่อนสิ” คนตัวโตยิ้มยิงฟันใส่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนเจ้าของห้องต้องย่นคอหนี
“ไม่รู้โว้ย!” พารักษ์โวยวายผลักใบหน้าที่เริ่มใกล้ขึ้นจนชวนหายใจติดขัดออก ก่อนถอยกรูดชิดผนังห้องอย่างรวดเร็วเรียกเสียงหัวเราะสดใสจากคนร่วมห้อง
“งั้นผมไม่เล่านะ” นายเหนือของเหล่ากรัชวาลยกคิ้วกวนประสาท
“ไม่อยากรู้แล้วก็ได้!!” พารักษ์ตะโกนใส่แล้วลุกขึ้นไปบนเตียงก่อนผลุบหายเข้าไปในผ้าห่มนุ่ม ใบหน้าร้อนวูบวาบจนอยากจะลุกออกไปล้างน้ำให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าสุนัขตัวโตนั่งจ้องอยู่ล่ะก็…
“ผม… อาจจะอยู่รบกวนรักษ์อีกไม่นานหรอกครับ” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนเช่นเดิมแต่คนฟังกลับรู้สึกใจหายวาบ พารักษ์โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ใบหน้าคมที่พารักษ์เห็นยังคงส่งรอยยิ้มให้อย่างทุกครั้ง
“ทำไม…”
“ก็… ผมออกมาเที่ยวนานแล้วน่ะสิครับ ที่บ้านคง...วุ่นวายแล้ว”
“...”
“ถ้ายังไง…”
“...ไม่ฟัง”
“?”
“ยังไม่อยากฟัง…”
“...รักษ์”
“ขอออกไปข้างนอกแป๊บ แล้วจะกลับมาฟัง สัญญาว่าจะตอบคำถามนายด้วย” พารักษ์ลุกออกจากเตียงแล้วหยิบกระเป๋าสะบายใบโปรดออกจากห้องทันทีโดยไม่หันมามองอีกคนที่นั่งอยู่ในห้อง
ประตูปิดลง แต่กลิ่นของพารักษ์ยังอบอวลอยู่ในห้อง ผมสีเงินที่มีใบหูสุนัขโผล่พ้นออกมาซบลงกับขอบเตียงนุ่ม นัยน์ตาสีทองมองประตูไม้ที่เพิ่งปิดลงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เขามีเวลาไม่มากแล้ว...
รักษ์จะลืมผมเหมือนคราวที่แล้วอีกมั้ยนะ…
………………….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in