เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเมื่อคืนJust Kris
เรื่องเมื่อคืน
  • ฉันล้มตัวลงบนที่นอน คืนนี้ไม่ร้อนเท่าใดนัก

    กลิ่นที่นอนหอมฟุ้งแดด ดีแล้วที่เราตัดสินใจเอาไปตาก

    ยังไงซะ คืนนี้ฉันต้องนอน. ..ให้ได้



    03.06

    ฉันยังลืมตาอยู่.. .

    ไม่เสียงอะไรเลยนอกจาก เสียงแมลงบินแข็งหนึ่งตัวบินกระแทกโคมไฟเสียงดังกึก กึก

    ฉันเฝ้าดูมันทำอะไรโง่ๆ อย่างงั้นอยู่ 3 ชม.กว่า และดูท่ามันจะไม่หยุด


    เหมือนกับฉัน ที่ยังไงก็หลับไม่ลงซักที

    เฝ้าถามตัวเองว่าลืมตาอยู่ทำไม ในเวลาที่ใครๆต่างเข้านอน. ..


    ฉันเป็นคนไม่ชอบแสงจ้า มันแสบตาและภาพในช่วงกลางวันมันเคลื่อนไหวเร็วเกินไป 

    นี่อาจจะเป็นข้ออ้างที่ฉันหลงใหลยามราตรี 

    ที่ทุกอย่างดูจะผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย และเหมือนมีฉันเท่านั้นที่สามารถคุมทุกสิ่ง 


    และความเงียบในคืนดึกสงัด มันช่วยให้ใจฉันสงบ

    แต่. .กลับไม่ใช่คืนนี้


    ลมด้านนอกเริ่มพัดแรงขึ้น

    พยายามดันบานประตูเข้ามา ทำให้เกิดเสียงดังกึกกัก

    แล้วเสียงนั่นก็พัดเอาความทรงจำหนึ่งเข้ามา. .. 


    --------------------------------------------------------------------------------


    ในฤดูฝน ฉันล้มตัวลงนอนอยู่ตรงทางเข้าบ้าน

    คืนนั้น ฉันไม่ได้เปิดเแม้แต่โคมไฟซักดวง

    เฝ้าหวังว่าจะมีคนจำคำสัญญาของเค้าได้ในคืนที่เงียบงันเช่นนี้ 


    ลมด้านนอกค่อยๆเริ่มพัดแรงขึ้น

    ฝ่ารอยแยกของอากาศลอดเข้ามาส่งเสียงดังหวีดหวิวที่บ้านประตู

    ฉันนอนทบทวนเรื่องที่ผ่านมา 

    5 ปีแล้วสิ


    ตั้งแต่ที่ฉันเห็นใบหน้าเธอครั้งนั้น ที่ติดตาตรงระเบียงด้านบนของโรงเรียน

    ฉันมองลงไป เธอมองขึ้นมา เธอหยุดฉันไว้ตั้งแต่วันนั้น

    เธอใส่หมวกโบราณ สีเขียวขี้ม้า กับเครื่องแบบโรงเรียน 

    มันสะดุดตามากทีเดียวสำหรับเด็กมอสี่หน้าตาธรรมดาๆ ที่ทำอะไรบ้าบออย่างงั้น

     

    ฉันแอบมองเธอ ฉันนิยมเธอ

    ฉันเป็นรุ่นพี่ เธอเป็นรุ่นน้อง

    ฉันรักรุ่นน้อง เธอเป็นรุ่นน้องที่ฉันรัก

    ฉันเป็นหัวหน้าชมรม เธอเป็นคนตั้งชื่อชมรมให้ฉัน

    ฉันเป็นประธานกิจกรรม เธอดำเนินรอยตามฉัน

    ฉันชอบเวสป้า เธอก็พาเวสป้ามาหาฉัน

    ฉันโทรหาเธอ เธอมาหาฉัน เราไปโรงเรียนด้วยกัน

    หัวเราะกัน เตะกัน โกรธกัน แกล้งกัน หักหลังกัน ปรึกษากัน เม้าและเมา กอดคอกัน นอนก่ายกัน


    เราทิ้งคำว่าพี่น้องไปนานแล้ว

    เราเป็นเพื่อนกัน

    และความสัมพันธ์ก็ไม่ซับซ้อน

     

    จนครั้งแรกที่ฉันได้กลิ่นเส้นผมของเธอ

    ก็ดูเหมือนกำแพงความสัมพันธ์ของฉันก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งอื่น


    ผมของเธอนั้นเส้นเล็กละเอียด และเหยียดตรง 

    ตอนนั้นมันยาวเกือบถึงกลางหลัง

    ฉันชอบมันเหลือเกิน ฉันชอบเธอและกลิ่นของเธอ


    ชอบเวลาที่มันพริ้วสะบัดเมื่อยามต้องลม 

    ชอบเมื่อผมเส้นเล็กละเอียดเหล่านั้น มันปลิวมากระทบใบหน้าของฉัน

    ชอบเมื่อเวลาที่เธอดูแลเมื่อฉันไร้สติ

    ชอบมือใหญ่อ้วนของเธอที่กุมมือฉันไว้ เวลาที่ฉันหลับไหลอยู่ด้านหลังของเธอ

    ชอบเวลาที่ฉันถอดแว่นของเธอออก เวลาที่เธอหลับไหล

    ชอบเวลาที่เราไม่ต้องพูดอะไร


    ฉันขอโทษที่ตอนนั้น ฉันไม่แสดงมันออกไป


    วินาทีนี้ มันทนไม่ไหวแล้ว

    มันหลับไม่ลง


    แค่ทำตามคำสัญญา


    แล้วฉันจะไม่ปล่อยคำถามคำนั้น 

    หายไปกับอาการแสแสร้งโง่โง่ของฉันอีก



    เมื่อสายตาไม่ยอมละไปจากบานประตู 

    ความรู้สึกที่อึดอัดท่วมท้นคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้า หยุดไม่ได้แล้ว กับความรู้สึกเสียใจมากมายเช่นนี้

    ฉันพยายามตั้งสติ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือกำลังจะดับไป 


    และถ้ามันไม่เกิดขึ้นในคืนนี้

    ฉันเองก็จะพอ 


    เพราะกำแพงของฉันมันหนาเกินไปที่จะกล่าวคำว่ารัก หรือ ขอโทษ


    ดวงตาของฉันเริ่มร้อน

    ความรู้สึกคับแค้นค้นคลั่กมันล้นทะลัก ออกมาอย่างไม่สามารถทำอะไรได้

    ฉันอ่อนแออย่างควบคุมไม่ได้อีกต่อไป

    ตอนนี้ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่า การได้เห็นประตูเปิดออก


    และเห็นเธอเดินเข้ามา

    ฉันจะยอมรับ

    ฉันจะยอมรับ


    ขอให้ได้กลิ่นเธออีกครั้ง


    .. .. ในคืนนี้




    เสียงประตูดังขึ้น


    . .. .

    . .    .


    ลมด้านนอกยังคงพัดแรง



    --------------------------------------------------------------------------------




    ฉันทนนอนลืมตาดูแมลงต่อไปไม่ไหวแล้ว

    ความรู้สึกของอดีตมัน ล้นเกินไป


    ฉันลุกขึ้นคว้าบุหรี่ และออกไปยืนที่ระเบียงหลังบ้าน

    อากาศยามเช้ามันคงสะอาดเกินที่ปอดของฉันจะรับไหว


    ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว มันมีสีฟ้าจืดๆ เหมือนเช้าวันนั้น


    เช้าของปีที่ 5 นับตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ปีที่ 8 แล้ว

    เราสองคนยังเหมือนเดิม ความรู้สึกที่มีให้นั้นยังเหมือนเดิม

    ในแบบที่ ไม่เหมือนเดิม



    เจ้าสีชาเดินเข้ามาคลอเคลียที่ขา ตรงตามเวลาให้อาหาร

    เป็นเรื่องเดียวที่เจ้านี่ไม่เคยจะลืม ช่างจำได้แม่นเหลือเกิน 


    ฉันยังยืนนิ่ง มองดูฟ้าที่ค่อยๆสว่างขึ้น


    ตอนนี้ฉันสบายใจ ที่คืนนั้นไม่มีใครมาที่ประตู


    ฉันมองเห็นแดด ส่องกระทบควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ 

    เหมือนได้ยินเพลงเพลงหนึ่งลอยแทรกเข้ามาจากในอากาศ 


    "Requiem for love" ของ Sadao Watanabe


    มันช่างเศร้าสร้อย เนิ่บนาบและเนิ่นนาน


    ความคิดถึง

    คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

    และยังมีชีวิตอยู่



    สีชาร้องเสียงดังอยู่ที่ชามข้าว

    ฉันไม่ได้ยกบุหรี่ตัวนั้นขึ้นมาแตะริมฝีปากด้วยซ้ำ

    --------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบคุณ เคนโต้จากหนังสือของคุณพี่คมสัน นันทจิต (ต้นเรื่อง)
    เผยแพร่ครั้งแรก 25/05/2005
    เพลง : Requiem for love : Sadao Watanabe Track 4


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in