เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลุ่มๆดอนๆNattawadee Kongsang
บ่ายสายในป่าสน
  •      บ่ายนั้นอากาศดี มัลฟี่จำได้ 

         แสงแดดลอดลงมาผ่านม่านใบไม้เบื้องบน ลมเย็นบางๆพัดผ่านผิว เธอเดินลุยผ่านกองไม้ที่ทับถมขวางทางสะพานท่อนซุงซึ่งเชื่อมระหว่างถนนใหญ่กับป่าครึ้มแห่งนี้ สายน้ำเบื้องล่างไหลเชื่องช้าเช่นทุกวัน หากตกลงไปก็ไม่เกิดอันตรายใด เพียงแต่คงไม่มีใครอยากเดินกลับบ้านด้วยเนื้อตัวเปื้อนโคลนนัก มัลฟี่จำได้ว่าวันนั้นอากาศดีแค่ไหน

         เธอจำได้แต่เธอไม่รู้สึก

         ท้องฟ้าในวันนั้นเป็นท้องฟ้าสีขาวหม่นสำหรับมัลฟี่ ไม่ใช่สีฟ้าสดใสที่มีปุยเมฆแต้มสี เธอย่ำช้าๆไปตามทาง เพลงที่บรรเลงคลอผ่านหูฟังสองข้างกกกอดเธอไว้ ในขณะเดียวกันก็กันเธอไว้จากอ้อมกอดของพงไพร รองเท้าผ้าใบจมลงไปในกองใบไม้แห้งเล็กๆ ทิ้งรอยย่ำไว้เพียงชั่วครู่แล้วจางหาย มัลฟี่ไม่อยากให้ใครตามมาเจอเธอในเวลานี้

         ในจังหวะที่เธอจะเลี้ยวเข้าสู่พงไม้สุดท้ายเพื่อเข้าสู่หลุมหลบภัยประจำ เป็นครั้งแรกที่มัลฟี่สังเกตเห็นทางเดินแคบๆเลี้ยวคดหายเข้าไปหลังพุ่มไม้เล็กๆ มัลฟี่หักเลี้ยวเข้าไปตามทางนั้นทันทีด้วยความสงสัย

         บึงเล็กตรงใจกลางป่าค่อยๆเผยตัวขึ้นเบื้องหน้า สายน้ำสีเขียวมรกตไหลสงบนิ่ง บึงนี้เป็นบึงประจำที่มัลฟี่ชอบมาแอบตัว เธอจำได้ดี เพียงแต่เธอไม่เคยมองเจ้าบึงจากมุมนี้มาก่อน มัลฟี่ทรุดลงนั่งริมบึง สายน้ำเอื่อยนำมัลฟี่เข้าสู่ความสงบอันเคยคุ้น เธอถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าหากแต่เสียงเพลงที่อึงอยู่ข้างหูกันมัลฟี่ให้ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของตัวเอง

         ความไวเบื้องบนแฉลบหัวมัลฟี่ เธอมองตามเงาร่างนั้น นกสีดำตัวเล็กๆร่อนลงจอดบนกิ่งไม้ถัดจากมัลฟี่ไปเพียงเอื้อมมือ แลดูมีความสุข 

         “พระเจ้าเลี้ยงนก” มัลฟี่คิด 

         “และเลี้ยงฉันด้วย พระองค์เลี้ยงนกได้สวยงาม ฉันเองก็จะงดงามเหมือนนก”

         มัลฟี่เฝ้ามองเจ้านกกระโดดไปมาบนกิ่งไม้แล้วดิ่งตัวลงมายังพื้นเบื้องล่างที่มีทั้งใบไม้และกิ่งไม้ทับถม มันยังคงสนุก เจ้านกเริงรำสักพักก่อนจะหายลับตาไป วินาทีนั้นเองที่มัลฟี่รับรู้ได้ถึงแสงแดดที่สาดลงมาต้องกับเปลือกไม้ เงาสะท้อนของต้นไม้บนผืนน้ำเคลื่อนเคล้าคลอคู่กับเงาสะท้อนของผิวน้ำที่โลมเลียรำแพนใบไม้เบื้องบน 

         มัลฟี่หันมองรอบๆ เธอกลับมาอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ 

         มัลฟี่มองเปลือกไม้ของต้นสนด้านข้าง รับรู้ได้ถึงสัมผัสของมัน ในกกกอดรับรู้การมีอยู่ของตัวเธอ ณ สถานที่แห่งนี้

         เมื่อถึงเวลาที่ต้องไป มัลฟี่ลุกขึ้น ทิ้งถอนหายใจลงบึงจนหมดสิ้นอากาศเท่าที่เฮือกหายใจเล็กๆของเธอรวบรวมได้ให้ปล่อยร่วงรวมตัวกับไอน้ำและร่างละอองใสในบึง รอกลั่นเป็นฝน กลับสู่วัฏจักร มัลฟี่ทิ้งมันไว้ ณ สถานที่ที่ควร

         มัลฟี่ก้าวออกไปได้ข้างหนึ่งแล้วชะงัก เธอก้มลงมองกองใบไม้แห้งเบื้องล่าง ก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบปล่อยให้ฝ่าเท้าสัมผัสโลกอย่างครั้งมนุษย์ยังตัวเปล่าเล่าเปลือย เธอเดินย้อนผ่านทางแนวสนที่เรียงกันเป็นทิวแถว หางตาเหลือบไปเห็นกระรอกน้อยกำลังไล่ตามหาลูกนัทตามแนวสนขนานกับเส้นทางเดินกลับของมัลฟี่ เธอนึกสนุก ก้าวให้ตรงกับจังหวะของเจ้ากระรอก 

         บางคราวต้นสนก็บังเจ้ากระรอกเสียมิดจนมัลฟี่ต้องกลั้นหายใจนิ่ง เฝ้ารอให้ร่างปุกปุยขยับตัวอีกครั้ง  ณ ขณะที่มันก้าวเร็วขึ้น มัลฟี่ออกวิ่ง จดจ่ออยู่เพียงแต่เจ้ากระรอก ใบไม้เล็กๆที่ต้องลมพัดร่วงลงมาจากต้นเป็นม่านปกคลุมตลอดทาง มันปลิวลงเป็นแนวเฉียงเหมือนเม็ดฝนที่มีตัวตน มัลฟี่เดินเคียงเพื่อนตัวน้อยไปตามแนวสน ฝ่าลมและฝนใบไม้ไปตามจังหวะ เท้าสัมผัสดิน เริงระบำในจังหวะที่เจ้ากระรอกพุ่งตัวไวที่สุด มัลฟี่พุ่งตัวตามมัน หัวเราะร่า สายตาจับจ้องเพียงการเคลื่อนไหวของกระรอกแสนซน ก่อนจะชนเปรี้ยงเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างไม่ทันตั้งตัว ล้มหงาย 

         หูฟังหลุดออกมากองอยู่ข้างๆ เสียงเพลงดังลอดออกมา มัลฟี่ลูบหัวป้อยๆ ใบไม้เบื้องบนยังคงร่วงหล่น แสงแดดลอดลงมาผ่านทางทิวไม้ กระรอกหายไป มัลฟี่ยังอยู่ที่นี่ ได้ยินเสียงลมหวีดหวิว รับรู้แดดที่โลมเลีย

         มัลฟี่หัวเราะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in