เพราะเราไม่ลงมือทำไงครับ
ใช่ครับ มันแค่นั้นแหล่ะ ง่ายๆ เพราะเราไม่ลงมือทำ

เพื่อนผมคนหนึ่งกับผมมีเป้าหมายเดียวกัน
เป้าหมายที่เขาเพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เป็นเป้าหมายที่ผมพลัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอดกว่าครึ่งปี

เอาไว้ก่อนนะ / รอมีเงินก่อนนะ / ตอนนี้ไม่สะดวกเลย / โอ๊ย ยังไม่ได้จริงๆ
คำพูดติดปากของผมต่อเป้าหมายนี้ที่งัดออกมาคอยตอบทุกคนต่อคำถามเดิมๆ ว่าเมื่อไรจะเริ่มทำมัน

ผ่านไปสองสามวัน เขาบรรลุเป้าหมายนั้นเรียบร้อยแล้ว ผมยังได้แต่นั่ง “อิจฉา” เขาอยู่เลย
แต่ไหนแต่ไร เวลาเห็นคนอื่นเขาได้เจอ ได้พบอะไรดีๆ ผมมักจะอิจฉาคนเหล่านั้นอยู่ตลอด
แต่ถ้าถามว่าเริ่มไหม… เอาน่า ขอบ่นก่อนนะ แล้วค่อยว่ากัน

แต่คราวนี้ ผมไม่ทำแบบนั้นแล้ว มาลองดูสักตั้ง เพื่อนผมทำให้ผมฮึดสู้ ลุกขึ้นมาทำตามเป้าหมายนั้นบ้าง
วินาทีที่ผมเริ่มลงมือนั้น ผมก็ได้ตรัสรู้ว่า ข้ออ้างทั้งหลายทั้งมวลที่ตัวเองก่อมาเป็นกำแพงปิดกั้นตัวเองนั้น จริงๆ แล้ว มันจัดการได้ง่ายมาก ง่ายเกินกว่าจะคิด ง่ายจนจัดการเสร็จในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ

แล้วเวลาที่ประวิงไปกว่าครึ่งปีนั้นเล่า? ถ้าแค่ลงมือทำ ป่านนี้ก็สำเร็จไปนานแล้ว

“Do or do not, There is no try” ผมตั้งคำนี้ไว้บนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเตือนใจตัวเอง
แต่คำคมจากอาจารย์โยดาสู้การลงมือตัดสินใจของตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

และไม่ใช่แค่เป้าหมายนี้เท่านั้น
ผมว่ามันใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกความเสี้ยน
แค่เริ่มมันเท่านั้น ก็เท่านั้นเอง
หลังจากนั้น สัญชาตญาณของเราจะพาหาหนทางให้เราไปได้ตลอดรอดฝั่งเอง 

หากเป้าหมายนั้น มาจากความปราถนาสุดหัวใจ

ขอบคุณที่ได้พบข้อคิดนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนแรกของปี
ขอบคุณเพื่อนคนนั้นที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมลงมือทำ
ขอบคุณที่เป้าหมายของผมบรรลุแล้ว