เครื่องแลนด์ดิ้งแล้ว...พี่สาวที่รักกำลังโบกมือหยอยๆ ยืนรอรับ
ฉันรู้สึกได้ว่ายิ้มฉันกว้างขนาดไหน แม้จะเหนื่อยจากการไม่ได้นอนมานาน บนเครื่องบินที่บินยาวตลอด 11 ชั่วโมงนั้น ฉันรู้สึกหลับได้เพีงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อาจจะด้วยความแปลกที่หรืออะไรสักอย่าง แต่ทั้งนี้อย่างที่บอก..
ความตื่นเต้นนั้นกลบความง่วงงุนเสียหายไปหมด
พี่แคลร์เอาแท็กซี่มารอรับ เขาบอกว่ารอนานกว่าปกติ ก็แหงล่ะ นอกจากคนเยอะแล้ว ไม่อยากจะสารภาพเลยว่าของเยอะแค่ไหน ที่แบกมาสิริรวมได้น่าจะประมาณ 20 กิโลกรัม เนื่องจากไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้เพราะหนักเกินไป จึงต้องแบกมาเอง ...ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลย =3=
หลังจากนั้นพี่แคลร์ก็พาเดินทางเบอร์มิ่งแฮม เมืองใหญ่ใกล้ๆกับลอนดอนซึ่งเป็นถิ่นที่นางอาศัยมานมนานนานนมจนเรียกได้ว่าเป็นเจ้าถิ่นของเด็กนักเรียนที่นี่ เพราะเรียนตั้งแต่ป.โท ยังป.เอก กำลังจะจบ แต่เด็กที่มานี่ผ่านมาหลายรุ่นจนตอนนี้นางกลายเป็นรุ่นใหญ่สุดไปแล้ว เจ๊แกไปมนุษย์พี่ผู้เปย์ทุกอย่างให้น้องเป็นอย่างดี เลี้ยงดูปูเสื่อราวกับฉันเป็นลูกเล็ก ซึ่งมันก็ดีสำหรับคนตื่นเมืองอย่างฉัน
ฉันมาถึงหอพักของพี่สาว ฉันถามหล่อนว่านี่ฉันกำลังฝัน หรือเปล่า...ฝันใช่ไหม คนอย่างฉันเนี่ยนะ จะมาอยู่เมืองนอกได้เป็นปีๆ ไม่ใช่ มันไม่ใช่การดูถูกตัวเอง เรื่องเหนื่อยถึกอดทนอะขอให้บอก ข้าทำได้ แต่ไอเรื่องที่ประหลาดใจคือ ฉันสามารถละทิ้งงาน ที่ฉันยึดมันติดอยู่กับตัวได้เป็นปีเชียวหรือ ฉันเพิ่งลาออกจากงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ฉันทำมามากกว่าสามปี ซึ่งเป็นทั้งงานที่ฉันรัก เป็นทั้งบริษัทที่ให้อะไรฉันหลายอย่าง ทั้งเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก และงานที่ท้าทาย ประสบการณ์ระดับโลก และอีกมากมาย
งานที่ฉันไม่เคยวางมันลงเลย
รวมถึงครอบครัว ถ้าใครรู้จักจะรู้ว่าฉันค่อนข้างอินกับแม่ค่อนข้างมากกกก มีความกลัวเค้าเหงา กลัวจะทำเค้าเสียใจ และกลัวเค้าไม่พอใจ มีความกลัวต่างๆมากมาย เนื่องจากพี่ชายคนโตต้องไปรับผิดชอบโรงงานของพ่อที่ต่างจังหวัด ส่วนพี่ชายอีกคนก็เป็นนักการทูตต้องบินไปอยู่ที่ต่างประเทศ และน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอต้องไปใช้ทุนสามปีที่ภาคเหนือ ระยะหลังมาเลยเหลือแค่ฉันที่อยู่กับเค้า ส่วนป๊าก็งานยุ่งมาก อีกอย่างไม่อยากจะเม้าท์เลย แต่พอทั้งป๊า ทั้งแม่อายุมากขึ้น ก็เริ่มตามใจตัวเองมากขึ้น บ่นมากขึ้น พูดตรงมากขึ้น ฮ่าๆๆ ฉันเลยค่อนข้างจะเป็นตรงกลางระหว่างสองคน และฉันเองก็เป็นคนที่ใกล้ชิดแม่ที่สุดในยามนี้ ใกล้ชิดขนาดที่ว่าในทุกๆวันของสาวใสวัย 27 ??? ป๊ากับแม่ต้องขับรถไปส่งที่ทำงาน ซึ่งจริงๆ ฉันไปเองได้แหละนะ แต่ฉันรู้ว่าเขาอยากคุยกับฉัน ด้วยความที่ฉันกลับบ้านดึก หรืออะไรก็แล้วแต่ เวลาในตอนกลางคืนไม่ค่อยจะได้ทำอะไรร่วมกันเท่าไร ซึ่งจริงๆแล้วรู้สึกได้ว่าแม่น่ะ เค้าขอแค่ฉันอยู่ด้วยก็ไม่เหงาแล้ว ไม่ต้องทำอะไรหรอก
แล้วตอนนี้ฉันกำลังจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว
คือมันเป็นความทุกข์ใจอย่างหนึ่งนะ มันเป็นความรู้สึกแบบใช่หรอวะ ก่อนมานี่เครียดมาก เครียดมากๆ รู้สึกผิดมากถึงมากที่สุด แต่คิดว่าชีวิตฉันจะเป็นอย่างนี้อีกไม่ได้ แม่จะต้องอยู่ได้ถ้าไม่มีฉัน คือตอนนั้นมันกลายเป็นฉันรับความทุกข์ของเขามา แล้วฉันก็มาเครียดเอง แล้วคือฉันฟังแล้วฉันไม่ปล่อยไง แล้วพอมันฟังหลายๆเรื่อง ไหนจะมีความเครียดของตัวเองอีก คนรอบตัวที่น่ารักแต่เขาก็มีเรื่องให้ฉันต้องไปคิด ต้องช่วยเหลือเยอะ ตอนนั้นจากที่เคยคิดว่าจะต้องไปเรียนญี่ปุ่น เรียนเกาหลี เรียนประเทศที่คุ้นเคย กลับตัดสินใจบอกตัวเองว่า ไปอังกฤษเหอะ!
หลายๆเหตุผลนะที่ทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่ อย่างแรกเลยคือฉันไ่ม่อยากทิ้งแม่นาน คือฉันมองว่าอังกฤษถ้าขยันเรียนปีเดียวน่าจะเอาอยู่ แป๊ปเดียวคงจบ (จริงๆแล้วอยากอยู่สักสองปีนะ ฮ่าๆ) ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด การเรียนมันมีระบบผ่อนจ่ายได้ และทำงานพิเศษก็ได้ หลากหลายปัจจัยที่กลั่นกรองแล้ว However~!
ยังไงก็ได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว
หึหึ
ดีใจว่ะ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in