เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
KNOCK KNOCK, KANTOBUNBOOKISH
BEFORE TOKYO: ก่อนไปโตเกียว

  • จะไปเที่ยวทั้งที ที่ไหนที่เคยไปมาแล้ว คิดว่าหลายคนคงไม่อยากไปซ้ำ สู้เอาเวลาไปเที่ยวที่ใหม่ๆ จะดีกว่า 

    ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ใครๆ ก็คงจะเที่ยวกันจนพรุนแล้ว เราเองก็เพิ่งไปแบ็คแพ็คที่โอซาก้ามาเมื่อสองปีก่อน ส่วนโตเกียวตอนเด็กก็เคยไปกับครอบครัวมาแล้วหลายครั้ง

    แต่ถึงอย่างนั้น พอเห็นโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไทย-ญี่ปุ่นราคาถูก (เมืองไหนก็ไม่เกี่ยง) ก็เป็นอันใจอ่อนกดจองตั๋วไปอีกจนได้

    แล้วตั๋วถูกคราวนี้ หวยก็ไปออกที่ ‘โตเกียว’

    แต่ในเมื่อไม่ใช่โตเกียวเฟิสต์ไทม์สำหรับเราแล้ว ก็เลยเกิดความตั้งมั่นว่า การเที่ยวครั้งนี้มันต้องไม่เหมือนครั้งก่อนๆ และไม่เหมือนคนอื่นๆ


  • เราคุยกับแอม—เพื่อนซี้คนเดิมที่ร่วมทริปกันตั้งแต่ตอนทำเล่ม Kashmir If You Can ว่าไปคราวนี้ขอไม่เน้นสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กแล้วกัน เราอยากจะสัมผัสเดอะเรียลออฟโตเกียวมากกว่า แต่การจะทำความรู้จักกับเมืองเมืองหนึ่ง อะไรจะดีไปกว่าการเข้าไปทำความรู้จักกับคนในพื้นที่ว่าเขาอยู่กันยังไง ไปคุยให้รู้ว่าเขาคิดกันแบบไหน พอได้โจทย์แบบนี้ก็เลยวางแผนกับแอมว่า เราหาทางไปพักกับคนญี่ปุ่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า

    ภาพจากทริปโอซาก้า (คันไซ) เมื่อสองปีก่อน


  • Couchsurfing คืออะไร?


    ขอเท้าความนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เรารู้จักกับพี่โบ้—รุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งมีบ้านสวนอยู่ที่ฉะเชิงเทรา และมักจะมีชาวต่างชาติแวะเวียนไปพักที่บ้านพี่โบ้บ่อยๆ เคยเห็นบางคนมาช่วยทำสวนบ้าง มาให้พาไปเที่ยวบ้าง เราก็เลยสงสัยว่าพี่โบ้มีเพื่อนต่างชาติมาจากไหนกันเยอะแยะไม่ซ้ำหน้า

    พี่โบ้ รุ่นพี่ของเรา

    พอถามไป พี่โบ้ก็เลยเปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวอีกแบบให้เราด้วยการส่งลิงก์ couchsurfing.com เว็บไซต์รวบรวมที่พักตามเมืองต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งความพิเศษคือ ที่พักเหล่านั้นมาจากการเปิด ‘บ้าน’ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักอยู่ด้วยกันฟรี! อย่างบ้านสวนของพี่โบ้ก็เช่นกัน…

    แต่เฮ้ย! ให้มาอยู่ฟรีๆ อย่างนี้แล้วโฮสต์หรือเจ้าของบ้านจะได้อะไรล่ะ?

  • ก่อนจะรู้จัก Couchsurfing


    ย้อนกลับไปก่อนที่เราจะได้รู้จักกับ Couchsurfing เราเคยรู้จักรูปแบบการหาที่พักในลักษณะคล้ายๆ กันนี้ผ่านเว็บไซต์ airbnb.com ที่เจ้าของบ้านเปิดบ้านให้เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนกัน แต่ที่ต่างคือ Airbnb มีการตั้งราคาเข้าพักคล้ายโรงแรม แต่ถูกกว่าและได้ความใกล้ชิดกับเจ้าของบ้านเป็นของแถม ให้อารมณ์เหมือนไปนอนพักบ้านญาติห่างๆ ในต่างแดน

    เราเคยใช้บริการที่พักจาก Airbnb ตอนไปปารีสเมื่อสองปีก่อน ได้ที่พักเป็นบ้านใจกลางเมือง นอกจากจะราคาถูกกว่าโรงแรมในย่านนั้นพอสมควรแล้ว เจ้าของบ้านที่เราไปพักยังคอยพูดคุยและแนะนำอะไรที่น่าสนใจในเมืองของเขาให้เราฟังด้วย เรียกว่าเป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวสายชอบตีสนิทอย่างเรามาก เลยติดใจและเป็นลูกค้าประจำของ Airbnb เวลาไปเที่ยวต่างประเทศนับตั้งแต่นั้น 

    แต่สำหรับ Couchsurfing แล้ว ถึงจะเป็นการเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าพักเหมือนกัน แต่เสน่ห์ที่มากกว่าการ ‘ไปอยู่ฟรี’ คือชะตาที่ต้องกันระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้ไปขออาศัย เพราะการติดต่อขอเข้าพักใน Couchsurfing เนี่ย ต้องอ่านประวัติเงื่อนไขความต้องการ รู้จักนิสัยใจคอกัน จากนั้นก็ค่อยส่งข้อความไปทักทาย ขอไปพักด้วยสักคืนสองคืน ถ้าเขาเห็นว่าเราน่าไว้ใจ ดูเป็นมิตรที่ดีและมีเวลาตรงกัน พอตกลงกันได้แล้ว ก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าไปพักบ้านเขาได้เลย

    เรียกว่าถ้าชะตาต้องกันแล้ว ต่อให้ค่ารถที่ใช้เดินทางไปยังบ้านของโฮสต์จะแพงกว่าเสียเงินนอนโรงแรมใกล้ๆ ก็ยอม

    “พี่โบ้ แล้วแพรจะรู้ได้ยังไงว่าไปนอนบ้านเขาแล้วมันจะปลอดภัย”

    “เฮ้ย เราก็ต้องอ่านประวัติเขาดีๆ ก่อน แล้วก็ดูเรเฟอเรนซ์จากคนที่เคยไปพักมาแล้ว แบบนี้ก็จะพอรู้นะว่าคนไหนโอเค คนไหนไม่โอเค” พี่โบ้ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

    แต่... ก็ยังมีความกังวลของหญิงสาวสองคนที่จะต้องไปนอนบ้านคนแปลกหน้า เราเลยขอเพลย์เซฟด้วยการเลือกเฉพาะบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวและมีลูกเล็กเด็กแดงอยู่ด้วย คิดว่าอย่างน้อยบ้านแบบนี้ก็น่าจะไว้ใจได้แหละ
  • อยู่บ้านเราอย่านิ่งดูดาย


    ถึงจะสบายใจเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาหน่อย แต่เราก็ยังสงสัยว่า เวลาเราไปอยู่บ้านคนอื่นฟรีๆ เจ้าของบ้านเขาจะรู้สึกอย่างไร ก็เลยใช้ช่วงเวลาประมาณอาทิตย์กว่าๆ ก่อนเดินทาง ลองเปิดบ้านตัวเอง (บ้านพ่อกับแม่นั่นแหละ) รับ Couchsurfer เฉพาะนักท่องเที่ยวผู้หญิงดูบ้าง (มือใหม่ใจไม่ถึง) แต่ปรากฏว่าคนที่น่าสนใจจริงๆ ดันเป็น ‘กีโยม’ นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ส่งข้อความมาแนะนำตัวว่าเคยไปอยู่ญี่ปุ่นมาสามเดือน พอเห็นในโปรไฟล์ของเราว่ากำลังวางแผนไปญี่ปุ่นพอดี เขาก็คิดว่าน่าจะช่วยให้คำแนะนำเราได้

    เจอจุดขายแบบนี้ เอ้า ผู้ชายก็ได้วะ!

    กีโยม Couchsurfer รุ่นแรกของบ้านเรา

    กีโยมเล่าว่าเขาเริ่มออกเดินทางจากฝรั่งเศสเมื่อสองปีที่แล้ว เคยไปพักแบบ Couchsurfing มาแล้วกว่าสี่ร้อยคืน แถมยังมีแผนจะไปเที่ยวต่ออีกหกเดือน และแพลนปลายทางของเขาคือนั่งรถไฟจากจีนกลับฝรั่งเศสให้ทันวันเกิดพ่อ

    ตลอดเวลาที่กีโยมมาพัก เรารู้สึกเหมือนว่าบ้านเราเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของเขา เราอยากเป็นเจ้าบ้านที่ดี และถึงจะไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่เราก็ได้โลกใบใหญ่ที่เขาไปเจอตลอดสองปีเป็นของฝาก เราพูดคุยกันหลายต่อหลายเรื่อง จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแค่ชวนคุยเรื่องการเดินทางในญี่ปุ่นเสียหน่อย แต่กีโยมพาเราไปไกลกว่านั้นมาก จนรู้สึกเหมือนเป็นนักเดินทางมือใหม่ที่มีพี่ใหญ่มาติวให้ถึงบ้าน

    ตอนนั้น เราเริ่มเข้าใจสิ่งที่เคยสงสัยแล้วว่า ให้คนอื่นมาอยู่ฟรีนี่เจ้าของบ้านจะได้อะไร...


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in