เมืองไม้ แค่นึกถึงก็รู้สึกจืดชืด วังเวง มีแต่ของโบราณผุพังกับประวัติยาวเฟื้อย ยิ่งตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพ แถมค่าเข้าคนละ 300 บาท... ตอนนี้คงมีแมงมุมตัวอ้วนบนใยเหนียว ขย่มตัวเบาๆ ทักทายนักท่องเที่ยวแทนพนักงานต้อนรับ
“เอาจริงอะ ไปกินไอติมบุฟเฟ่ดีกว่าป่าว” ผมถาม บิดขี้เกียจ
อาเจ้ตอบกลับมาด้วยเสียงลากเม้าส์และเสียงคลิ๊กก็อกแก๊ก
“นครปฐมมีไอติมลอยฟ้า อยู่แถวพระปฐมเจดีย์ เราไปเมืองไม้ก่อน แล้วค่อยไปร้านไอติม” อาเจ้ตอบ ตาเป็นประกาย
เอาไอติมมาล่อผมเหรอ...
เราขับรถตาม GPS ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ท้องทุ่ง และ “ตลาดท่านา” ตลาดชื่อดังแห่งนครชัยศรี เล็งไว้ก่อน เดี๋ยวจะออกมาหาอะไรกิน (ก่อนไปกินไอติม) ถึงที่หมายบ่ายโมงครึ่ง มีรถห้าหกคันจอดอยู่ก่อนหน้า พนักงานต้อนรับทักทายอย่างสุภาพ ไม่ร้างแฮะ บรรยากาศดีกว่าที่คิด
บริเวณแรกเป็นอาคารสองชั้น ใต้ถุนสูง ชั้นล่างจัดแสดงรากไม้รูปทรงแปลกและรูปแกะสลักสวยงาม ชั้นบนมีตุ๊กตาเซรามิคของเทพเจ้าหลายองค์ โดยมี “ปู่สัก” เล่านิทานสั้นที่จบแบบครึ่งๆ กลางๆ วนไปวนมาประกอบการชม
“ไม่เท่าไหร่ รีบเดิน รีบถ่ายรูป ไปตลาดท่านาดีกว่า” ผมคิด
ถัดมาเป็นอาคารติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ มีรูปแกะสลักของสัตว์น้อยใหญ่ พร้อมเสียงปู่สักเจ้าเก่า เล่าเรื่องต่อจากที่ค้างไว้ตะกี้
โอ๊ะ! ชักเข้าท่า
นอกจากจะได้เดินในแอร์เย็นๆ มีงานแกะสลักให้ดูเพลินๆ ยังชวนให้สงสัยว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง
จากนั้นเป็นห้องที่มีบรรยากาศแบบอารยธรรมเขมร มีนางอัปสรหลายคนยืนอยู่ พร้อมภาพเคลื่อนไหวหลอนๆ บนกำแพงด้านใน
นิทานพาเราเดินทางผ่านเมืองบาดาล ผ่านห้องของเทพฮินดูที่รายละเอียดสวยงามมาก ผ่านห้องของศาสนาพุทธ ซึ่งมีเจ้าแม่กวนอิม รูปสลักพระพุทธเจ้า และพระเกจิซึ่งสวยงามแบบสุดๆ
กระทั่งจบที่โถงกว้างใหญ่ ตกแต่งเหมือนโบสถ์ของศาสนาคริสต์ โดยรอบประดับด้วยงานแกะสลักเรื่องราวของพระเยซูสไตล์ตะวันตก ไม่น่าเชื่อว่าจากจุดแรก นิทานจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้
เมื่อออกจากโซนนิทาน จะพบป้ายเล็กๆ ชี้ไป “บ้านแห่งศรัทธา” ซึ่งเป็นโบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ ขนาดของเสาแต่ละต้นเล่นเอาอาเจ้อึ้ง จนต้องถ่ายรูปคู่ซะหน่อย ตื่นเต้นทำไม เจ้ใหญ่กว่าเห็นๆ
ถ้ายังไม่หนำใจ จุดต่อไปคือ “บ้านคนรักไม้” อาคารสองชั้นขนาดย่อม ภายในอัดแน่นด้วยงานแกะสลัก สวยงามไม่ด้อยไปกว่าโซนนิทาน
มีไกด์คอยบรรยายเรื่องราวของสิ่งของแต่ละชิ้น ชวนดูสิ่งพิเศษที่เราอาจมองข้าม เช่นการแกะสลักเครื่องประดับเช่นต่างหูหรือกำไล ซึ่งสร้างขึ้นจากไม้ชิ้นเดียว ค่อยๆ เจาะจนเป็นห่วงโซ่ โอ...
เราเดินวนไปวนมาในบ้านจนเหนื่อย ก็เก็บกล้อง เตรียมเดินทางต่อ เพราะคิดว่าน่าจะหมดแค่นี้ แต่ยังฮะ!
ภายในอาคารหลังใหญ่ทางขวาใกล้ทางออก มีพระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าขนาดยักษ์ เปล่งประกายสีทอง โดดเด่น เจ้า DSLR ตัวอ้วนที่เพิ่งได้นอนพักในกระเป๋าไม่ถึงหนึ่งนาที กลับมาส่งเสียงแชะๆ แชะๆ อีกครั้ง ส่วน Mirrorless ของอาเจ้แบตหมด สลบเหมือดไปตั้งแต่ออกจากโซนนิทาน
ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“16. 44”
“จะห้าโมงละ ข้ามตลาดท่านา ไปไอติมเลยมะ”
อาเจ้ผงกหน้าเห็นด้วย
เราขับรถไปถึงพระปฐมเจดีย์ เดินวนเวียนอยู่สองสามรอบ หาร้านไอติมลอยฟ้าไม่เจอ เค้าอาจหยุดพอดีหรือเราอาจไปผิดที่...
เมื่อไม่มีไอติม เรื่องก็เลยจบลงตรงนี้ ลาหละคร้าบบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in