เราควรมีสตอรี่ 'คนขี้โรค' ได้รึยัง เป็นกี่อย่างก็ไม่รู้เนี่ย
อันนี้จะมาเล่าอาการที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะทำให้ความสุขในการกินของเราลดลงไปประมาณ 70%
ตอนเด็ก ๆ เวลาที่เราไปหาคุณหมอฟัน สิ่งนึงที่หมอฟันบอกเราทุกครั้ง แต่เราไม่จำ คือ "อย่าเคี้ยวข้าวข้างเดียวนะครับ" ฟังก็ไม่ฟัง มัวแต่กินวิตตามินซีอยู่ เราได้ยินคำห้ามนี้หลายครั้งจนโต ก็ยังไม่ใส่ใจ จนกระทั่งวันนึงเราปวดขากรรไกรมาก มาก ๆ จนทนไม่ไหว ไปหาหมอฟันที่คลีนิค หมอก็ดูให้ แล้วบอกว่าต้องไปหาทันตแพทย์เฉพาะทางทันตกรรมบดเคี้ยว ซึ่งมีไม่กี่ที่ จะอยู่ตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ หรือตามคณะทันตแพทย์ในมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยเราไม่มี
หลังจากนั้นเราก็ไปหาหมอฟันที่มหาลัยเราเนี่ยแหละ แก้ขัดไปก่อน ไม่มีเวลาไปหหาหมอไกล ๆ หมอก็บอกเราเหมือนหมอที่คลีนิคแหละ แต่เขาจะรักษาเบื้องต้นให้เราก่อน คือจะให้ยามากิน และแนะนำวิธีการเคี้ยว ซึ่งอีอันหลังเนี่ยจี๊ดใจเรามากเลย เพราะหมอแนะนำว่า ห้ามเคี้ยวแบบห้ามเลย ห้ามอ้าปากเกิน 2 เซนติเมตร (แบบฟันบนกับฟันล่างห้ามห่างกันเกิน 2 เซนติเมตร) ห้ามอ้าปากกว้างเวลาหัวเราะหรือหาว เราก็แบบ แล้วไง หมอจะรู้ได้ไง ปรากฏว่าหมอนัดมาดูอาการจ้าาา ลาก่อนไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน พี่จะคิดถึงพวกเจ้านะ ฮือออ (ก้อปมุกลุคกิซึ่มมา)
คิดว่าเรื่องจะจบ ยัง ยังไม่จบ ยาที่หมอให้มามันแรงมาก วันไหนที่กินเราจะปวดแสบท้องมาก แต่หมอไม่ได้ให้กินทุกวันนะ ปวดวันไหนก็กิน ช่วงนั้นเราต้องเลือกอะว่าจะปวดขากรรไกรหรือปวดท้องดี ทรมานรองจากสองอันนี้คืออาหารการกิน หมอนัดอีกทีสองอาทิตย์ข้างหน้า ในช่วงสองอาทิตย์นี้ ชีวิตเราอยู่แต่กับ โจ๊ก ข้าวต้ม วุ้นเส้นคัพ ไข่ตุ๋นเซเว่น กินวน ๆ กันไปแค่นี้ พอถึงวันนัดก็ไปหาหมอ หมอก็ห้ามเคี้ยวเหมืิอนเดิม วนลูปแบบนี้อยู่ประมาณสามเดือน และแนะนำเราให้ไปหาจิตแพทย์ด้วย เพื่อบำบัดการนอนกัดฟัน
เอาจริงถ้าเชื่อหมอตั้งแต่ตอนนั้นก็อาจจะไม่เป็นไบโพล่าร์อะ
อาการมันเป็นไงน่ะหรอ มันจะมีเสียงคลิ๊ก ๆ ดังในหู เสียงนั้นมาจากขากรรไกร อ้าปากไม่ค่อยได้ ได้ก็ได้ไม่กว้าง และก็จะปวด ๆ ตึง ๆ ตั้งแต่ขากรรไกร ใต้กกหู บางทีก็ปวดลงมาถึงต้นคอ ยิ่งเราเป็นคนนอนกัดฟันนะ โอโห ตื่นนอนมาทีแสนทรมาน เราพูดเลยว่าปวดตอนจัดฟันนี่อนุบาลไปเลย ช่วงนั้นเราไม่เป็นอันทำอะไรเลยอะ เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่อยากไป
ด้วยความดื้อไง ไม่ยอมไปหาทันตแพทย์เฉพาะทางสักที คิดว่าหมอฟันปกติก็แก้ขัดได้ ก็แก้ขัดไปเรื่อย ๆ แล้วกัน และแล้วจุดพีคก็มาถึง วันนึงเราตื่นนอนขึ้นมา พบว่าอ้าปากไม่ได้ มันติดตรงขากรรไกร เราก็พยายามนวดให้กล้ามเนื้อตรงนั้นมันคลาย ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็กลับมาอ้าปากได้ แต่หลังจากวันนั้น ทุกเช้าเราจะเป็นแบบนี้ทุกวัน
จนสุดท้ายเราก็เลยไปหาหมอที่คณะทันตแพทยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยนึง ไปปุ๊บก็ไปเจออาจารย์เลย เขาก็ดู จับ ๆ นวด ๆ จับฟันในปากเราแล้วก็เขย่า ๆ ปวดมากอย่าให้พูด น้ำตาเล็ดน้ำตาไหล สักพักก็ให้เราไปเอ็กซเรย์ แล้วก็พบว่า ข้อต่อขากรรไกรเราอักเสบ กระดูกขากรรไกรเราขรุขระแล้ว เกิดจากการบดเคี้ยวที่ผิดปกติ แล้วหมอก็ให้เราพิมพ์ฟันเพื่อทำเฝือกสบฟัน ที่จะช่วยเรื่องการสบฟัน และนอนกัดฟัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ถึงวันนัดไปเอาเฝือกสบฟัน เราต้องลองใส่เฝือกดูว่าพอดีหรือเปล่า แล้วเฝือกมันเป็นอะครีลิคใสอะ ตอนลองมันก็ไม่เป็นไร แค่หลวม ๆ หมอก็เอาอะครีลิคเหลวมาใส่ แล้วก็ให้เราพิมพ์ป้าบเข้าไป โอโหพระเจ้า ลูกทำบาปอะไรไว้ ทำไมถึงทำกับลูกแบบนี้ มันขมขื่นใจมากอะ กลิ่นเหมือนสีทาบ้าน เศษ ๆ มันก็ติดอยู่ในฟันเราเนี่ยแหละ ฮือออ หมอทิ้งมันไว้ในปากเราสักพัก พอให้มันแข็ง แล้วก็เอาออก น้ำตาเรานี่ไหลเลย
นี่คือรูปเฝือกฟันค่ะ มันหนามาก ใส่นอนตื่นมานี่เหมือนได้มาส์กหน้าด้วยน้ำลายเลยค่ะ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ถึงวันนัดมาดูอาการ ว่าสบฟันเคลื่อนบ้างมั้ยอะไรบ้างมั้ย ก็เคลื่อนแหละ หมอก็กรอฟันเราที่มันผิดที่ผิดทางออกบ้าง กรอมันทุกครั้งที่เจอกัน จนเราเฉย ๆ กับการกรอฟันแล้วอะ และต้องเอาเฝือกมาด้วยทุกครั้งนะ เพราะหมอจะปรับเฝือกเรื่อย ๆ ทีนี้ครั้งสุดท้ายที่เราเจอหมอ หมอบอกเราว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องมาแล้วนะคะ สบฟันหนูเข้าที่แล้วนะคะ แต่หนูจะต้องไปจัดฟันนะคะ เพราะว่าพอฟันหนูเข้าที่ มันทำให้ฟันหนูผิดที่ (เขาเรียกว่าไรอะ ที่ฟันหน้ากัดเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ได้อะ นั่นแหละ) ต้องไปให้หมอจัดฟันให้ จัดไปสักพักก็ค่อยมานัดให้หมอดูอีกที ถ้าไม่จัดก็จะไม่เลิกนอนกัดฟัน เพราะว่ามีฟันซี่ที่มันสูงกว่าเพื่อน ตามธรรมชาติของร่างกาย อะไรที่มันสูงขึ้นมามันก็จะถูกกดลงให้เท่ากัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เรานอนกัดฟัน
จริง ๆ เราเกือบโดนผ่าขากรรไกรแล้วอะ แต่พอดีว่ามาหาหมอทันเวลา คือถ้าเป็นมากกว่านี้อีกสเต็ปนึงคือผ่าเท่านั้น น้องกลัวเด้อออ
นอกจากนี้หมอก็จดเบอร์โทร ชื่อคลีนิคที่เราควรไปจัดฟันด้วย เพราะต้องจัดกับหมอที่เก่ง เราซาบซึ้งมากเลยนะ ทุกครั้งที่เรามาหาหมอ หมอตั้งใจรักษาเรามาก เรารู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่จะหายอะ และเราก็ดีขึ้นจริง ๆ เราไม่เคยปวดอีกเลยหลังจากวันนั้น และทันตแพทย์ที่หมอแนะนำมาก็เก่งจริง ๆ ซาบซึ้งในหมอทุกคนที่ทำให้หนูมีวันนี้
สาเหตุมันมาจากอะไรน่ะหรอ
1. นอนกัดฟัน อาจจะเพราะความเครียด หรือเหตุผลเดียวกับเรา
2. เคี้ยวข้าวข้างเดียว ชอบเคี้ยวของแข็ง ๆ เหนียว ๆ
3. อุบัติเหตุ แล้วขากรรไกรได้รับการกระทบกระเทือน
ปัจจุบันนี้เราก็กำลังจัดฟันอยู่ แต่ยังไม่ได้ไปหาหมอขากรรไกรอีกครั้งเลย แต่ก็ว่าจะไปเร็ว ๆ นี้แหละ เราก็อยากจะเล่าเรื่องนี้ไว้ นี่มีเพื่อนบอกเพื่อน มีพื่บอกพี่ มีน้องบอกน้อง บอกหมดเลยว่าอย่าเคี้ยวข้าวข้างเดียว ถ้าเริ่ม ๆ มีเสียงคลิ๊ก ให้รีบไปหาหมอ เพราะตอนมันปวดมันบัดซบมาก
แถมค่ะ ถึงไม่อยากได้ก็จะให้
ด้วยความที่เราไปรักษาในคณะทันตแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย เราก็ต้องพบกับทันตแพทย์ฝึกหัด บางทีก็ต้องเป็นเคสศึกษาให้ ซึ่งเราโอเค บางทีใช้เวลารักษาครึ่งชัวโมง แต่ให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์น้อยไป 3 ชั่วโมงงี้ ก็สนุกดี รู้สึกเหมือนโดนสัมภาษณ์ 55555
บางทีไม่ใช่แค่สัมภาษณ์ด้วยนะ บางทีก็มายืมรุมมองฟันเรา แล้วอาจารย์ก็อธิบาย โดยใช้ฟันเราเป็นสื่อการสอน แอบเขิน ๆ เหมือนกันบางที บางที (นี่เราใช้คำว่าบางทีเปลืองเกินไปป่ะวะ) ก็มีการบอกให้ถ่ายรูปเก็บไว้ดู บางทีก็ถ่ายคลิปวีดีโอไว้แล้วให้เราเคี้ยว ๆ ให้ดู ไม่รู้ว่าจะเอาไปเปิดในห้องรึเปล่า ไปหาหมอฟันแต่ละทีนี่รู้สึกอิ่มเอมทุกครั้งเลยค่ะ เหมือนได้เป็นผู้ให้
ขออีดิทเพิ่มนิดนึงค่ะ(เพิ่งนึกได้ว่าเล่าตกหล่น)
นอกจากยาแก้ปวดที่กินแล้วปวดท้องที่หมอให้มา ช่วงแรกๆ เรายังต้องกินยานอนหลับด้วยค่ะ หมอบอกว่าถ้าเราหลับไม่ลึกจะทำให้นอนกัดฟันได้ ถ้าหลับลึกมากๆ จะทำให้ไม่นอนกัดฟันค่ะ ซึ่งก็ช่วยจริงๆ
อีกเรื่องคือ อันนี้เราไม่น่าเล่าตกหล่นเลย คือเราหน้าไม่เท่ากันเลยค่ะ กล้ามเนื้อตรงขากรรไกรข้างขวาใหญ่กว่าข้างซ้ายค่ะ ทำให้หน้าเราดูไม่เท่ากัน อันนี้ทำเราเครียดมาก ภาพในหัวตอนนั้นนึกถึงอนาคตที่หน้าเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนผู้เข้าแข่งขันในรายการ let me in แต่ไม่ได้เบี้ยวขนาดนั้นนะคะ ต้องสังเกตถึงจะรู้ มองผ่านๆ ก็ไม่รู้ค่ะ แต่เราคิดมาก
แล้วมันยิ่งชัดขึ้นทุกวัน เริ่มมีคนทัก เรายิ่งคิดมาก เราก็ปรึกษาหมอเรื่องนี้ คุณหมอตอบว่า ปกติแล้วหน้าคนเรามันไม่สมมาตรกันทุกคนหรอกค่ะ ไม่อยากให้ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะแกนหน้าเราไม่ได้เบี้ยว มันเป็นเพราะกล้ามเนื้อ อยากให้โฟกัสที่อาการมากกว่า (แต่หนูหยุดคิดไม่ได้ค่ะคุณหมอ หนูกลัวขี้เหร่กว่าเดิม ฮืออออ)
แต่ความกลัวทั้งหมดก็ถูกระงับลง เพราะพอใส่เฝือกแล้วมันก็ดีขึ้นนะ ยิ่งจัดฟันแล้วก็หายเลย ยิ่งถ้าโดนผ่าตัดหน้าจะเรียวเล็กเลย ลองหาในพันทิปดูได้ แต่น้องกลัวเจ็บเด้อ ค่าผ่าตัดเป็นแสนอีก จะเป็นลม
จบค่ะจบจริง ๆ แล้ว แม้จะจบแบบ happy ending แต่ไม่เป็นจะดีกว่าค่ะ 555555
20เดือนหน้า หมอนัดให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางแล้วด้วย ??
ขอสอบหน่อยนะคะ
เราเป็นได้จะ1 เดือนแล้วค่ะ
พอทำแล้วเเล้วตอนนี้ยังมีอาการอยู่มั้ยย
ขอคำแนะนำด้วยน้าา
คือมีอาการแบบนี้เหมือนกัน
อยากทราบว่าคุณเป็นมานานแค่ไหนคะ