4 ปีผ่านไป
เราได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนเอกภาษาสเปน ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือในการถอดเนื้อเพลง และทำการแปลความหมายให้ โดยเรื่องราวในเพลงจะพูดถึงอาการ "Hight" หรืออาการเคลิ้มจิต
หลุดออกจา กโล กแห่ ง ค ว า ม เ ป็ น จ ริ ง
"สวัสดีความมืดมิด..."
ก่อนหน้านี้หน้านี้จำได้รางๆ ว่าผมกำลังนั่งดูซีรีส์เรื่องหนึ่งอยู่บนโซฟาที่หน้าจอทีวี หลังจากกลับมาจากที่ทำงาน และจากการให้อาหารแมวตัวป่วนของแฟนเก่าที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าไปพร้อมๆกับการสูบมวนยาเส้นออแกนิคสีน้ำตาลอ่อน แล้วปล่อยสาร THC ไหลผ่านจากปากเข้าสู่ทุกส่วนของร่างกาย ขับเคลื่อนการทำงานของระบบประสาทหลังจากการทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ในขณะที่ผมแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางความมืดมิดนั้น หูทั้งสองข้างของผมกลับได้เพียงแค่ยินเสียงลมอ่อนๆ และเสียงหัวใจของผมเองเท่านั้น...
ตึก...ตัก ตึก...ตัก
วู้วววว วู่ วู้วววว วู่...
เปลือกตาผมค่อยๆ บังคับตัวเองให้ลืมตาขึ้น แสงแดดจ้าทแยงมากระทบที่ดวงตา แสงสว่างเหมือนแสงแฟรชที่มีความเข้มข้นของแสงสูงพุ่งเข้ากระแทกแก้วตาใสๆของผมอย่างรุนแรง
ผมค่อยๆ ฝืนลืมตาทั้งสองข้างของตัวเองอย่างช้าๆ เริ่มเห็นท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนๆ และดวงดาวรายล้อม
ผมลุกขึ้น และค้นพบว่าตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวในที่ใดสักที่หนึ่ง ที่ที่มีหาดทรายล้อมรอบ เสียงลมอ่อนๆ เสียงคลื่นทะล แต่บ้าสิผมมองไม่เห็นทะเลเลย
ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กับเห็นแสงแดดจ้าที่เกิดขึ้นจากดวงอาทิตย์ แต่ไม่ได้รู้สึกแสบตา หรือร้อนเลย พระอาทิตย์บนท้องฟ้าที่ผมกำลังจ้องมองอยู่ตอนนี้มีดาวดาวต่างๆรายล้อม ดวงดาวที่เคยเห็นแค่ในวิชาดาราศาสตร์ และท้องฟ้าจำลอง เหมือนกับโลกใบนี้ถูกผมสมระหว่างกลางวันและกลางคืนไปซะอย่างนั้น
ผมค่อยๆ ก้าวขาลงจากเตียง เหยียบลงบนพื้นทรายเม็ดละเอียดอ่อน
แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเดินบนพื้นทรายอย่างช้าๆ
ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง ช้าๆ ช้าๆ ช้าๆ
เมื่อเท้าเปล่าของผมเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับผิวทรายสีน้ำตาลอ่อนระยิบระยับ ผมก็ค่อยๆเดินให้ไวขึ้น ไวขึ้น
ไวขึ้น ไวขึ้น ท้องฟ้าช่างดูสดใส ราวกับว่าเป็นความฝัน แต่ผมมั่นใจได้ว่านี่คือความจริง
ผมมีความสุขกับการวิ่งไปบนผืนทรายเรื่อยๆ เมื่อหันกลับไปมองยังเตียงที่ผมตื่นขึ้นมา มันก็ค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
แสงพระอาทิตย์ดวงใหญ่ดวงนี้กลับมอบความอบอุ่น เเทนที่จะมอบความร้อนให้ หัวใจผมเต้นเเรงขึ้น อะดรีนาลีนค่อยๆหลั่งกระจายไปทั่วร่ายกายของผม ผมวิ่งไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ รอบๆตัวก็ยังรายล้อมไปด้วยผืนทรายอันกว้างใหญ่เหมือนเดิม ดวงดาวหลายร้อยดวง ต่างทำหน้าที่ในการมอบความงดงามให้ผมได้เห็นอยู่เต็มท้องฟ้า มีเคว้งคว้าง ว่างเปล่า และสงบจะน่าแปลกใจ
ผืนทรายรอบๆตัวค่อยๆจางหายไป
ผมรู้สึกเหมือนตัวผมลอยเข้าไปใกล้ท้องฟ้ามากขึ้น เมื่อผมหันกลับมามองที่พื้น พื้นทรายกลายเป็นท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆบางๆรองรับเท้าผมอยู่ ท้องฟ้าจากสีฟ้าอ่อนก็ค่อยๆเปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้มอมเหลือง ตัวผมกลับรู้สึกเบาบางเหมือนนุ่น และร่างกายกำลังถูกบังคับให้ลอยเคว้งคว้างไปในอากาศ
สายลม ท้องฟ้า ก้อนเมฆ และดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆเล็กลง
จากท้องฟ้าสีส้มอมเหลือง ก็เริ่มค่อยๆมีสีชมพูมาเจือปนพร้อมกับแสงสีฟ้าครามอ่อนๆ เหมือนกับท้องฟ้าในช่วงเวลาของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน สายลมค่อยๆเบาบางลง เหลือเพียงความเงียบสงบ
มีก้อนเมฆเรียงสลับซับซ้อนอยู่รอบตัว ชวนให้เดินทางเข้าไปค้นหาเรื่องราวภายในก่อนเมฆก้อนนั้นๆ ฝูงนกกลุ่มเล็กๆค่อยๆบินผ่านหน้าผมไปอย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งจุดหมาย ดวงดาวในท้องฟ้าที่รายล้อม
รอบๆ ตัวผมยังคงงดงามอยู่เช่นเคย ผมค่อยๆแหวกว่ายผ่านกลุ่มก้อนเมฆไปอย่างเชื่องช้า
ล่องลอยสูงขึ้น สูงขึ้น และสูงขึ้น ท่ามกลางอากาศรอบตัวที่ค่อยๆ เย็นลง
ทันทีที่ผมกะพริบตา...
ผมกลับถูกดึงลงจากท้องฟ้าที่สูงมากๆ ผ่านกลุ่มก้อนเมฆและท้องฟ้าสีส้มอมชมพูไปอย่างรวดเร็ว
เสียงร่างกายกระทบน้ำดัง ตู้ม!!
ก่อนที่ผืนน้ำจะกระโจนเข้ามารายล้อมรอบๆตัวผมนำพาผมลงไปสู่ท้องทะเลลึก ที่ไม่มีทางรู้ว่ามีความลึกนั้นจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ร่างกายผมยังหายใจได้ปกติ เสียงหัวใจผมเต้นช้าลง ช้าลง ช้าลง
เสื้อและกางเกงสีขาวของผมไม่มีทีท่าว่าจะเปียกสักเล็กน้อย หูทั้งสองข้างของผมยังคงรับรู้ถึงเสียงหายใจของผืนน้ำ และเสียงหัวใจของตัวเองที่แม้จะเต้นช้าลงแต่เสียงกลับค่อยๆชัดขึ้นอย่างหน้าประหลาด
ฝูงปลากลุ่มเล็กค่อยๆ แหว่งว่ายผ่านหน้าผมไปเหมือนกับว่าผมไร้ซึ่งตัวตนท่ามกลางทะเลลึกแห่งนี้
ผมค่อยๆ จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ
รู้สึกได้ถึงความลึกที่มากขึ้น เพราะแสงสว่างบนผืนน้ำค่อยๆ จางหายไป
ร่างกายผมค่อยๆ
ดำ
ดิ่ง
ลึก
ลงไป
เรื่อยๆ
ๆ
ๆ
ๆ
ตอนนี้ผมบ้าไปแล้ว!! เหมือนคนกำลังเสียสติ รู้สึกว่าตัวเองกำลังดำดิ่งลึกลงไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้เข้าไปทุกที ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งหรือคอนโทรลร่างกายผมได้ แม้กระทั่งตัวผมเอง ทิ้งความกังวล
ความทุกข์ ความเศร้า ครอบครัว และผู้คนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต มันช่างเคว้งคว้างเสียเหลือเกิน
ท้องทะเลสีครามกำลังมืดสนิทลงเรื่อยๆ แสงจากพระทิตย์บนผิวน้ำค่อยๆหายไป ให้ตายสิผมเสียสติไปแล้ว ผมคือใคร ผมเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหน ทำไมมันช่างเงียบสนิทอะไรเช่นนี้ ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งเสียงของลมหายใจของตัวเอง
แต่ที่น่าแปลกใจคือมันกลับรู้สิ่งดีอย่างบอกไม่ถูก
ผมค่อยๆ ใช้เวลาในขณะที่ร่างกายกำลังดำดิ่งสู่ท้องทะเล พินิจพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบตัวที่เผชิญมา
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ใช้ความคิดเข้าไปสัมผัสแต่ละส่วนทีละเรื่อยๆ ตอนนี้รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าลงมาก อะไรกันผมนั่งอยู่บนโซฟาที่หน้าจอทีวีแท้ๆ ใครกันที่พาผมมายังที่แห่งนี้ ถ้าผมออกจากท้องทะเลแห่งนี้ไปได้ ผมจะไปเล่าให้คนอื่นฟังเขาจะเชื่อมั้ย ดีจัง มันดีมากๆเลย
ร่างกายผมค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในท้องทะเลอย่างช้าลง ช้าลง และช้าลง
ท้องทะเลสีครามรอบตัวมืดสนิท ผมกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
ก่อนที่ผมจะค่อยๆลืมตาขึ้น ซีรีส์ที่เปิดทิ้งไว้เล่นไปไกลถึงตอนไหนสักตอน
นาฬิกาข้างฝาบอกเวลา 03.40 น.
แมวเจ้าปัญหานอนแผ่ร่างอยู่บนโซฟาข้างๆตัวผม มวนยาเส้นออแกนิคสีน้ำตาลอ่อนในมือถูกเผาไหม้จนเหลือเพียงก้นกรองที่เป็นกระดาษ ผมคว้าแก้วน้ำตรงหน้ากระดกเข้าปากเพราะเกิดอาการกระหายน้ำ แล้วพยุงร่างตัวเองเข้าไปนั่งลงบนพื้นห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลอาบร่างของผม เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา
เขียน: Bluede
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in