นอกจากงานในส่วนของการคิดคอนเทนต์แล้ว

ในช่วงสัปดาห์หลัง ๆ เรามีโอกาสได้ลองลงไปช่วยงานส่วนของ operation ภายในร้านด้วยเล็กน้อย

ปกติแล้วเรากับเนยจะทำงานอยู่ในส่วนของออฟฟิศด้านบนเป็นส่วนใหญ่

ส่วนข้างล่างจะเป็นการทำงานของพี่ ๆ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการห่อหนังสือ

แต่ก็มีหลายครั้งที่เรามีเวลาว่าง และออเดอร์หนังสือข้างล่างก็เยอะเกินกว่าจะรับไหว

( โดยเฉพาะเช้าวันจันทร์และหลังวันหยุดยาว ) เราก็เลยได้ลงไปช่วยพี่ ๆ และป้าตุ่มทำงาน

สำหรับการทำงานข้างล่าง จะประกอบไปด้วย 2 หน้าที่ คือ หน้าที่ Pick กับ Pack

Pick คือหยิบหนังสือในร้านตามใบออเดอร์ของลูกค้า ส่วน Pack คือการห่อหนังสือ

ซึ่งเราไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง ฮ่า

เพราะเป็นสองหน้าที่นี้ต้องอาศัยความคุ้ยชินกับหนังสือภายในร้าน

และต้องอาศัยความรวดเร็วประมาณหนึ่ง

เราเคยลองห่อหนังสืออยู่หนึ่งครั้ง แต่ด้วยท่าทางทุลักทุเลของเรา บวกกับออเดอร์หนังสือที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เราต้องโบกมือบ๊ายบายหน้าที่นี้ไปอย่างน่าเสียดาย

และได้มาช่วยทำในส่วนของการเช็ครายการหนังสือแทน 

หลังจากที่ทีม Pick ไปหยิบหนังสือมาแล้ว 

ก็จะส่งต่อให้เราเช็คดูว่าจำนวนหนังสือที่หยิบมาครบหรือเปล่า ชื่อและที่อยู่ในใบเสร็จและใบออเดอร์ตรงกันไหม เลขออเดอร์คือเลขอะไร ชื่อหนังสือในใบออเดอร์กับที่หยิบมาตรงกันไหม รวมถึงเช็คเลข ISBN ของหนังสือแต่ละเล่มด้วย 

ก่อนที่จะส่งต่อให้ทีม Pack ทำหน้าที่ห่อหนังสือต่อไป

รวมถึงมีโอกาสได้ทำหน้าที่อีกตำแหน่งอย่างการยิงบาร์โค้ดบนกล่องหนังสือ เพื่อเป็นการเช็คว่าหมายเลขออเดอร์นี้ห่อหนังสือเรียบร้อยแล้ว และเช็คว่าใช้กล่องขนาดไหน เลขพัสดุอะไร

แน่นอนว่าเราตื่นเต้นกับหน้าที่นี้มากเป็นพิเศษ ฮ่า เด็กผู้หญิงอย่างเราที่คุ้นเคยกับเครื่องยิงบาร์โค้ดแค่ในของเล่นอย่างเดียว อยู่ ๆ ก็มีโอกาสได้ยิงตึ้ด ๆ กับเขาบ้างในชีวิตจริงสักครั้ง 

เรียกได้ว่าเช็คลิสต์สิ่งที่เคยอยากทำตอนเป็นเด็กไปได้อีกอย่าง

__________

บนโต๊ะทำงานของพี่โจ้ มีป้ายคำพูดนึงตั้งอยู่ 

ข้อความบนป้ายนั้นเขียนไว้ว่า 'Good Vibe Only'

ช่วงแรกที่เราเข้าไปทำงาน เรายังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

ไม่ใช่ไม่เข้าใจเพราะไม่รู้ความหมาย

แต่เราไม่ได้รู้สึกอินอะไรมากมาย คิดแค่ว่าคงเป็นของที่ใช้ตกแต่งทั่วไปเท่านั้น

จนได้มาใช้เวลาทำงานอยู่ที่นี่สองเดือนครึ่ง

เราถึงได้เข้าใจว่า Good Vibe Only หมายถึงที่ Readery จริง ๆ นั่นแหละ 

เพราะไม่มีครั้งไหนเลยที่เราจะรู้สึกว่าเราได้รับพลังลบจากที่นี่

ขนาดตอนประชุมงาน เรายังรู้สึกว่าสนุกเลย

ที่นี่มีแต่พลังงานดี ๆ ให้กัน จนบางครั้งเรารู้สึกเหมือนไม่ได้มาทำงานด้วยซ้ำ

จำได้ว่าเราเคยอ่านจากบทสัมภาษณ์นึงที่พี่โจ้เคยบอกว่า มาทำงานที่นี่ ใครทำหน้าเครียด จะไล่กลับบ้านเลย และตอนประชุมงานครั้งแรก จำได้ว่าพี่เน็ทบอกว่า อยากให้เราสองคนคิดว่าที่นี่เป็นเหมือนร้านกาแฟ

ใคระไปคิดว่าที่นี่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ ฮ่า

นอกเหนือจากสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือทัศนคติดี ๆ จากพี่ ๆ ทุกคน

ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ยังรวมไปเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตด้วย

เราชอบเวลาที่ประชุมงานกันมากเป็นพิเศษ 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่ ๆ เปิดโอกาสให้เราได้ลองเสนอไอเดียที่อยากทำ สิ่งที่อยากพูด

แต่มากไปกว่าน้ั้นคือการที่ได้ฟังความคิดและมุมมองใหม่ ๆ จากพี่ทั้งสองคน

รวมถึงในบางครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยถึงประเด็นต่าง ๆ ทั่วไปด้วยกัน

ทำให้เราได้รับ Good Vibe กลับมาทุกครั้ง 

เราเคยทวิตในทวิตเตอร์ส่วนตัวไว้ครั้งหนึ่งว่า

'บางคนจัดอยู่ในประเภทคนที่เจอแล้วไม่เหนื่อย'

คิดว่า Readery คงเป็นแบบนั้น

ขอบคุณพี่โจ้กับพี่เน็ทที่เปิดโอกาสให้หวากับเนยได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ 

ความใจดี รวมถึงโอกาสที่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับ Readery

ขอบคุณป้าตุ่มสำหรับโกโก้อร่อย ๆ ทุกวันศุกร์

ขอบคุณป้าติ๋มสำหรับเรื่องเล่าและการสอนเรื่องการใช้ชีวิต

( ป้าติ๋มบอกว่าเวลารู้สึกไม่ดีอะไร ให้นับหนึ่งถึงสาม พอสามปุ้บก็ให้ปล่อยมันไป อย่าให้ตัวเองรู้สึกขุ่นเคืองนาน ๆ เพราะไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้ทุกลมหายใจเราไม่มีเรื่องที่ทำให้หมองใจดีกว่า )

ขอบคุณพี่วี พี่จี พี่เอ็ม ที่คุยกันกี่ครั้งก็เรียกรอยยิ้มให้ได้ตลอดเวลา

ขอบคุณครูในเอกทุกคนสำหรับการเติมเต็ม

และทำให้หวาเป็นหวาในทุกวันนี้ตลอดสามปีที่ผ่านมา

ขอบคุณหม่าม๊าสำหรับมื้อเช้าและกำลังใจดี ๆ

ขอบคุณเนย สำหรับการอยู่กับชั้นในหลาย ๆ เวอร์ชั่น ทั้งสติแตกและในเวลาปกติ

รวมถึงเบ้อกับบรอนเต้ ที่ถึงตอนนี้ก็ยังเห่าใส่กันอยู่ดี

และขอบคุณตัวเราเองด้วย ทำได้แล้ว ฮึบ