เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Another Side | อีกด้านหนึ่งSaruta Nunsang
Another Side | EP.3
  • [AnotherSide]...[3]

    [BlackHole]

     

     

     

    [ไม่มีสิ่งใดหลุดลอดจาก หลุมดำ....เพราะมันดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง]

    [แม้แต่เพลิงจากสุริยันแสนเกรียงไกร...ก็ลาลับไปท่ามกลางห้วงมืดมิดแห่งหลุมดำ]

     

     

     

    __________________________________________________

     

     

     

     

    [สิ่งที่ไม่มีทางเป็นจริงคือความจริงที่เป็นไปได้]

    [คำนิยามง่ายๆของห้วงรัตติกาล.....อันนั้นไร้บัญญัติและไร้กฎเกณฑ์ใดมาชั่งวัด]

    ...

    ..

    .

     

     

    “จะให้พวกเราทำงานที่นี้จริงๆหรือค่ะนายท่าน?”คำถามหนึ่งประโยคถูกส่งมาเป็นตัวเปิดบทสนทนาอีกครั้งแคร์จ้องมองตัวอักษรสีดำขลิบทองอันวิจิตรที่สลักบนป้ายสีขาวสะอาดเบื้องหน้าด้วยความสับสน

     

     

     

     

     

    “จริงสิ!ที่นี้เป็นร้านที่พวกแคร์อยากทำไม่ใช่เหรอฉันว่ามันก็เหมาะสุดๆเลยด้วยนะ!"เสียงเจื้อยแจ้วของหมูป่าเอ่ยตอบคำถามของแคร์ร่างบางใต้ชุดรัดรูปสีแดงสดโคลงตัวไปมาพรางชูนิ้วโป้งอย่างถูกอกถูกใจในความเหมาะสมอย่างปากว่า

     

     

     

     

     

    "แต่ว่าที่นี้มัน....."พึมพำเบาๆอย่างไม่เชื่อหูกับคำยืนยันจากสตรีใต้หน้ากากที่ยังคงหนักแน่นไร้แววของการล้อเล่นดวงตาสีสวยเงยขึ้นมองตัวอักษรสีดำนิลอีกครั้ง...มองชื่อที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเฝ้าฝันถึงก่อนตราเหล็กร้อนจะหลอมละลายมันให้หายไป

     

     

     

     

     [ศิริพัชตรา]

     

    ...ร้านเครื่องแต่งกายชั้นนำสำหรับบรรดาผู้สูงศักดิ์ของโลกเบื้องหลังด้วยเนื้อผ้านำเข้าจากนานาประเทศ ดีไซน์ทรงสง่าจากปลายปากกานักออกแบบเลื่องชื่อลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบรวมถึงการตัดเย็บอย่างวิจิตรบรรจงในทุกฝีเข็มทุกคำบรรยายที่เกินพอให้นายท่านนายหญิงสละเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อครอบครองสินค้าใหม่เก่าของร้านด้วยความยินดี...

     

     

     

    ...แบรนด์ระดับห้าดาวอันเป็นที่หมายปองของช่างตัดเย็บทุกชีวิตที่อยากเข้าทำงานใต้ชื่อ[ศิริพัชตรา]แต่ด้วยความเข้มงวดในการคัดสรรพนักงานทำให้รอยยิ้มของผู้ได้รับคัดเลือกมีน้อยกว่ารอยน้ำตาของผู้หมดสิทธิ์ผู้คนจึงขนานที่แห่งนี้ว่า [วิมานเมฆ]ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าแต่สัมผัสไม่ได้...เช่นเดียวกับพวกเธอที่คงเป็นเพียงความฝันสีจาง

     

     

     

    ...แต่ตอนนี้ความฝันที่เคยเลือนรางกลับมาปรากฏเป็นภาพแห่งความจริงตรงหน้า...และเป็นความจริงที่ตอกย้ำว่าพวกเธอกำลังจะได้เข้าทำงานในที่ที่เหมือนกับสรวงสวรรค์แห่งนี้ในไม่กี่อึดใจ??

     

     

     

     

    "ทอม....."

     

     

     

     

    "ไม่ต้องกังวลนะฮะคุณอีกา คุณหมูป่า ก็บอกแล้วว่าพวกพี่มีฝีมือที่เหมาะสม....และทอมก็เชื่อแบบนั้นมาตลอดฮะ"ร่างเล็กใต้เสื้อคลุมสีรัตติกาลเอ่ยตอบเสียงหนักแน่นให้กับบรรดาพี่ๆที่ยืนล้อมเขาด้วยความว้าวุ้นใจได้คลายความวิตก กระชับมือคู่เล็กของแคร์ที่กุมมือเขาอยู่อย่างให้กำลังใจพรางหันไปส่งรอยยิ้มกว้างให้พี่ๆทุกคน

     

     

     

     

    "........"

     

     

     

     

    เมื่อคำตอบจากน้องน้อยถูกส่งมาเป็นเครื่องยืนยันอีกครั้งและเป็นอีกครั้งที่ไร้คำพูดใดจะเอ่ยมีเพียงแววตาสั่นไหวด้วยความไม่มั่นใจในสถานะของพวกตน...ความรู้สึกสั่งให้สมองนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าในหอเพลินพิไลที่ทำให้พวกเธอมายืนอยู่ตรงนี้

     

     

    .....

     

     

    ร่างน้อยของน้องเล็กปรากฏสู่สายตาเคียงข้างกับบุรุษและสตรีใต้หน้ากากหลังเสร็จสิ้นการประมูลอันพิลึกพิลั่นเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ลำคอและข้อมือขาวไร้การพันธนาการด้วยโซ่ตรวนเป็นเครื่องยืนยันว่าความหวังของพวกเธอถูกตอบรับแล้ว...แต่สิ่งที่ถูกตอบรับกลับมามีมากกว่าแค่อิสระของน้องน้อยแสนรัก

     

     

     

    [น...นายท่านซื้อหอเพลินพิไลซื้อพวกฉันด้วยหรือค่ะ!!?...ง..เงินมากมายขนาดนั้น...]

     

     

     

    [ใจเย็นๆกันก่อนนะพวกเราซื้อที่นี้เพราะมีเหตุผลบางอย่างนิดหน่อยถ้าพวกเธอยังอยู่ที่นี้อาจจะเป็นอันตรายได้นะและแน่นอนว่าฉันไม่ยอมให้มันเกิดแน่ๆ]

     

     

     

    [แต่พวกเรา...]

     

     

     

    [ฉันรู้ถ้าออกจากที่นี้พวกเธอไม่มีที่ไปแล้วใช่ไหมล่ะ....เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!!]

     

     

     

    [พวกเธอมีฝีมือมากกว่าจะอยู่ในที่แบบนี้]

     

     

     

    [ฝีมือ?...นายท่านอีกาดำหมายถึงอะไรค่ะ?]

     

     

     

    [ชุดที่ทอมใส่....ฝีมือดี]

     

     

    เสียงทุ้มเอ่ยประโยคสั้นๆได้ใจความมือใหญ่ใต้ถุงมือหนังตบเบาๆที่บริเวณไหล่ของคนตัวเล็กเพื่อสื่อความหมายให้ชัดเจนมากขึ้นและมากพอที่จะทำให้ข้อสงสัยทุกอย่างคลี่คลาย 

     

     

    ...มันคงเป็นแค่เหตุผลง่ายๆที่ไม่เคยคิดฝัน...ว่าฝีเข็มที่ไร้ชื่อจะนำพามา

     

     

    .....

     

     

     

     

    "ไม่ต้องกังวลไปหรอก...ที่นี้เป็นร้านในการดูแลของBlack Hole เป็นที่สังเกตการณ์ศัตรูนอกองค์กรละ!แต่ห้ามบอกใครนะเพราะมันเป็นความลับ!"หมูป่าที่ยังคงร่าเริงเกินพิกัดชี้มือชี้ไม้ไปด้านบนของร้านที่ปิดสนิทด้วยม่านสีดำผืนหนามือบางป้องปากกระซิบถึงอีกหนึ่งหน้าที่ของร้านให้พวกแคร์ฟังอย่างตื่นเต้นเรียกให้เฮียใหญ่ต้องหันกลับมามองคาดโทษ

     

     

     

     

     

    "หมูป่า....มันควรเป็นความลับ"เสียงแหบดุรองเสนาธิการสามขวบที่ยังคงทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างหน่ายใจสุดท้ายความลับของร้านก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป....

     

     

     

     

     

    [สมาชิก Black Hole ระดับสูงทุกคนเป็นพวกปากเหล็ก ต่อให้ปีศาจซาตานตนใดจับง้างปากก็ไม่มีวันได้ยินเสียงใด....]


     

    ใครเป็นคนพูด?

     

     

     

     

     

    ...คนร่างสูงใต้ชุดสีทมิฬถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นว่าดุไปก็ไร้ประโยชน์จึงหันกลับมาสนใจหน้าที่ตรงหน้าต่อมือหนาวางมือลงบนกำแพงคอนกรีตหน้าร้าน รอสักพักให้เทคโนโลยีได้ทำตามหน้าที่ของมันก่อนสลักตัวเล็กที่แอบซ่อนอยู่จะเริ่มทำงานตามกลไกที่วางไว้สิ่งที่ปรากฏในเวลาต่อมาคือตู้ใบเล็กสีดำที่มีปุ่มตัวเลขตามมาตรฐาน....ซึ่งมีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้วิธีใช้

     

     

     

     

     

    "เสนาธิการฝ่ายตะวันออกอีกาดำ....มาถึงแล้วครับ"สิ้นเสียงแสดงตัวตนสัญญาณไฟกระพริบถี่รัวจากปุ่มตัวเลขที่ไม่ได้มีไว้เพื่อกดรหัสแต่เพื่อป้องกันชั้นที่สองหากมีคนนอกล่วงรู้ถึงความลับของร้านก่อนไฟสัญญาณจะหยุดลงเมื่อมันบันทึกเสียงของผู้มอบรหัสเสร็จสิ้นและส่งต่อไปถึงคนด้านใน...ลักษณะคล้ายการเคาะประตูเชิญเจ้าของร้านผู้หลบซ่อนอยู่ภายในร้านให้ออกมายลโฉมช่างตัดเย็บชุดใหม่

     

     

     

     

    ....แคร์และคนอื่นมองภาพตรงหน้าอีกครั้งทั้งตัวอักษรสีดำของร้านในฝัน ร่างสูงใต้ชุดขนนกสีทมิฬอันน่าเกรงขามเสียงร่าเริงสดใสใต้หน้ากากสัตว์ป่าร่างเล็กของน้องรักที่ยังคงซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผ้าคลุมตัวโคร่งตามคำบอกของเจ้าของเสื้อคลุมทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ายืนยันว่าเรื่องราวแปลกประหลาดที่กำลังเผชิญอยู่มันคือความเป็นจริงไม่ใช่เพียงฝันกลางวันเพียงแต่...ช่วงเวลาทั้งชีวิตที่ถูกตีตราเป็นทาสมันยังคงเป็นข้อกังขาในทุกการกระทำและความรู้สึก...

     

     

     

     

    “แต่พวกเรา...เอ่อ...เป็นทาสนะคะจะให้ทำงานในที่ชั้นสูงแบบนี้มัน...”เพลินเอ่ยเสียงแผ่วอย่างลังเลกับทุกสิ่งที่นายท่านทั้งสองมอบให้มือบางลูบหลังมือตัวเองที่ประทับด้วยลวดลายจากเหล็กร้อนในอดีตทุกอณูนิ้วของสมองต่างโต้เถียงจิตใจถึงคำถามที่ไร้ผู้เฉลยมาเนิ่นนาน...

     

     

     

     

    [ทาสแบบพวกเรา มีสิทธิ์หรือ??]

    ....

    ...

    ..

    .

     

    “ใครเป็นคนกำหนดว่าทาสจะทำงานอันมีเกียรติไม่ได้กัน...ชั้นสูงหรือชั้นต่ำก็ล้วนเป็นมนุษย์สาวน้อย”

     

     

     

     

    ...คำถามที่ถูกปิดตายได้รับเสียงทุ้มหวานแสนอาทรตอบกลับ ร่างของผู้มาใหม่หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโดยไร้หน้ากากปิดบังเผยใบหน้าคมคายที่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาประดับประปรายส่งรอยยิ้มแทนคำทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิตร่างอวบอิ่มใต้ชุดกระโปรงสีขาวเย็บปักด้วยไข่มุกสีสะอาดขับผิวแทนเนียนให้เปล่งประกายตามธรรมชาติประดับเรือนกายด้วยเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวแต่ทว่าโดดเด่นยิ่งกว่ามณีใด....สร้อยคอสีเงินที่สลักสัญลักษณ์อันทรงเกียรติอันบ่งบอกว่าเธอคือหนึ่งในห้วงสีมืดเช่นกัน...

     

     

     

     

     

    “ท่าน...”

     

     

     

     

     

    "ไม่ต้องเรียกทงเรียกท่านหรอกมันดูจะทางการเกินไป....ฉันเจ้าหญิงเป็นหนึ่งในสมาชิก Black Hole แต่อยู่ระดับล่างๆ ถึงไม่ได้ใส่หน้ากากแบบอีกาดำหรือหมูป่า ยินดีที่ได้รู้จักเด็กๆ”มือเรียวใต้ถุงมือสีขาวยาวครึ่งท่อนแขนยกขึ้นห้ามปรามการใช้สรรพนามที่ดูจะสูงเกินไปสำหรับเธอเสียงทุ้มหวานเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับเหล่าช่างตัดเย็บคนใหม่ที่กำลังจะเข้าประจำการในร้านของเธอ 

     

     

     

     

    “ฉันเองก็เคยเป็น [ทาส]แต่นั้นมันก็แค่อดีต...พวกเธอก็เหมือนกันที่มันเป็นแค่อดีต"ถุงมือยาวถูกหล่นลงเผยให้เห็นรอยเหล็กดัดที่ประดับบนแขนเนียน นัยน์ตาของผู้ผ่านช่วงเวลามาหลายสิบปีมองสบแววตาสั่นร้าวของพวกแคร์ด้วยความเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับมันมาจากบอสใหญ่ที่แสนเคารพรัก...และในวันนี้เธอจะส่งมอบมันให้กับชีวิตน้อยๆตรงหน้า

     

     

     

     

    "ในตอนนี้พวกเธอคือช่างยอดฝีมือของร้านศิริพัชตรา.....พวกเธอเป็น[อิสระ] แล้วมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มภาคภูมิ"เสียงนั้นดังกังวานก้องในโสตสัมผัสราวกับเป็นถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่โหยหามาเนิ่นนานแววตาวาววับด้วยน้ำที่คลออยู่จนเกือบเอ่อล้น...แต่มันจะไม่มีทางไหลออกมาจะไม่มีธารน้ำตาอีกแล้ว

     

     

     

     

    "ขอบพระคุณท่านทั้งสาม...ขอบคุณที่นำอิสระของพวกเรากลับคืนมา"

     

     

     

     

    "พวกเราจะทำงานอย่างเต็มความสามารถแน่นอนค่ะ"เสียงใสขานรับอย่างพร้อมเพรียงเอ่ยให้คำสัตย์สัญญาว่าอิสระที่ได้รับคืนมาจะตอบแทนผู้มอบให้อย่างเต็มกำลังตะกอนที่เคยเกาะกินความรู้สึกในใจให้ตกต่ำถูกชะล้างจนหมดสิ้น...สิ้นสุดสักที 

     

     

     

     

     

    ...จุดจบของนรกบนดินที่พวกเธอเฝ้าร้องขอ....มันเดินทางมาถึงเสียที...

     

    ...และเมื่อจุดจบของสิ่งหนึ่งมาถึง...เวลาของจุดเริ่มต้นอีกสิ่งหนึ่งก็เริ่มเดินเช่นกัน...

     

     

     

     

    “คุณพี่เจ้าหญิง คนนี้ๆเป็นน้องใหม่ที่จะไปทำงานกับฝ่ายตะวันออกละ!”เสียงใสเอ่ยอย่างสดใสตามแบบฉบับหน้ากากหมูป่าร่างเพรียวคว้าข้อมือของร่างเล็กใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งของสมาชิกคนใหม่ให้ก้าวออกมาเพื่อโชว์ตัวกับสมาชิกรุ่นพี่ 

     

     

     

     

    "ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะผม...."

     

     

     

     

    "ชื่อจริงเป็นสิ่งต้องห้ามถ้าหากขาเล็กๆคู่นี้กำลังจะก้าวเข้าไปใน [หลุมดำ] คุณสมาชิกใหม่ตัวน้อย"นิ้วเรียวยกขึ้นจุปากเบาๆก่อนชื่อจริงของอีกฝ่ายจะหลุดลอดในที่สาธารณะมือบางใต้ถุงมือขาวเลื่อนขึ้นลูบเบาๆที่กลุ่มผมใต้ฮู้ดสีดำอย่างนึกเอ็นดูในแววตาใสสะอาดและจริงใจของเด็กน้อยตรงหน้า

     

     

     

     

    "ฮะ!ผมเข้าใจแล้วฮะ ขอบคุณนะฮะคุณเจ้าหญิง"ทอมโค้งเล็กน้อยเป็นการขอบคุณคำสอนแรกที่ได้รับจากสมาชิกรุ่นพี่รอยยิ้มกว้างถูกส่งมอบให้อย่างเต็มกำลังเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากเจ้าหญิงที่พอจะรู้อะไรหลายๆอย่างหลังจากได้ยลโฉมคนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้น....ปรากฏการณ์ที่ชื่อว่า[อีกาดำเข้าร่วมงานประมูลทาส]

     

     

     

     

    “หน้าตาน่ารักเอาเรื่องเลยนิมิน่า...นกบางตัวถึงยอมไปบินเล่นในงานประมูลทาส”เน้นเสียงคำว่านกให้ดังขึ้นอีกระดับอย่างจงใจก่อนเจ้าของคำเรียกที่รู้ตัวดีจะหันมามองสบเธอนิ่งๆตามนิสัยและแว่วเสียงถอนหายใจอย่างที่ชอบทำเป็นประจำดังขึ้นต่อมา

     

     

     

     

    “.......”

     

     

     

     

    “มองแบบนั้น...อยากจิกไส้ฉันกินรึไงคุณอีกาดำ"เสียงทุ้มหวานเอ่ยถามเจ้าของนามอย่างขำขันมือเรียวจีบนิ้วให้คล้ายจะงอยปากอีกาก่อนทำท่าจิกท้องตัวเองประกอบคำพูด

     

     

     

     

    "หึ...ไม่ขอเสี่ยงจะดีกว่าครับ"มือหนายกขึ้นแสดงสัญญาณยอมแพ้แต่โดยดีตาคมมองท่าทีผิดหวังจากเจ้าหญิงด้วยความหน่ายใจกับนิสัยที่ชอบท้าเขาดวลฝีมือตั้งแต่สมัยก่อนทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครจะเป็นผู้ชนะ....ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาแน่ๆอีกาดำนึกย้อนถึงประโยคแนะนำตัวของอีกฝ่ายที่แสนขัดหู

     

     

     

     

    "ฉันเจ้าหญิงเป็นหนึ่งในสมาชิก BlackHole แต่อยู่ระดับล่าง..."

     

    ...หน้ากากเจ้าหญิง [อดีตเสนาธิการฝ่ายตะวันออก] เหมาะกับคำว่า ระดับล่าง?

     

     

     

     

    ...อีกาดำคิดในใจก่อนจะขอเวลาส่วนตัวกับอดีตเสนาธิการเพื่ออธิบายเหตุการณ์คร่าวๆของเรื่องทั้งหมด...และมุมซอกตึกถูกเลือกให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการพูดคุยของหนึ่งอดีตและหนึ่งปัจจุบัน

     

     

     

     

    "ไม่คิดว่านายจะพาช่างมาให้เยอะขนาดนี้ตอนที่นายแม่ติดต่อมาฉันตกใจแทบหัวใจวายเชียว...ใช้ไปกี่หลักกัน ไอ้หนู"

     

     

     

     

     

    "พวกเธอคู่ควรครับ"คำตอบง่ายๆที่ไม่ตรงคำถามแต่สื่อทุกสิ่งได้อย่างชัดเจนหน้ากากเจ้าหญิงส่ายหน้าเบาๆกับนิสัยประหยัดคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะรอรับฟังเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตั้งใจ...เหตุผลที่อีกาดำเลือก [ศิริพัชตรา]เป็นที่ทำงานใหม่ของแคร์และคนอื่นๆ

     

     

     

     

    ...เหตุผลที่อีกาดำเลือกร้าน[ศิริพัชตรา] ไม่ใช่แค่เพราะแค่ฝีมือที่ดีเข้าขั้นพอที่จะผ่านการคัดเลือกอันเข้มงวดของรุ่นพี่ตรงหน้าแต่เพื่อความปลอดภัยจากภัยร้ายที่อาจคิดกลับมาทวงแค้นหญิงสาวที่ไร้ทางสู้และที่ไหนจะปลอดภัยไปกว่า...ใต้การดูแลของ[อดีตเสนาธิการฝ่ายตะวันออก]...

     

     

     

     

    ...และอีกเหตุผลเล็กๆที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในความคิด....ถ้าหากอยู่ที่นี้เจ้าตัวเล็กก็มีโอกาสได้พบหน้าพวกเธอได้บ่อยครั้งขึ้นเพราะพวกเขาจำเป็นต้องมารับข่าวสารจากร้านแห่งนี้เป็นประจำทุกเดือน...

     

     

     

     

    "เหตุผลข้อสุดท้ายดูจะ...เป็นข้อใหญ่สุดสินะ"เจ้าหญิงเอ่ยแซวรุ่นน้องคนสนิทอย่างขำขันเมื่อรับฟังเหตุผลในการตัดสินใจของอีกาดำทั้งหมดซึ่งก็สมเหตุสมผลอย่างที่ควรเป็นแต่เหตุข้อสุดท้ายที่ดูจะผิดแปลกจากข้ออีกจนอดแขวะอดแซวตามภาษาคนสนิทไม่ได้...และการตอบโต้กับคำแซวที่เธอคุ้นเคยจากคนตรงหน้าคือ..

     

     

     

     

    "......"....คือความเงียบและบรรยากาศอึมครึมเช่นแต่ก่อน

     

     

     

     

    "หึ~...อย่าทำนิ่งใส่ฉันสิ ทำตัวให้มันร่าเริงแบบยัยหนูหมูป่าหน่อยก็ดีนะอีกา"

     

     

     

     

    "ไม่ดีกว่าครับ....เชิญครับ"อีกาดำถอนหายใจเบาๆกับคำขอที่ดูจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลกหากมันเกิดขึ้นจริงร่างสูงผายมือเป็นเชิงให้สาวเจ้าเดินออกไปก่อนตามเคยชิน เจ้าหญิงมองอีกฝ่ายพรางแยิ้มยิ้มอ่อนกับความตรงไปตรงมาของรุ่นน้องที่คัดคำขอได้ฉับไวโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดขาเรียวใต้กระโปรงออกแรงก้าวไปตามทางเก่าตามหลังด้วยอีกาดำตัวใหญ่ที่ปิดมุมอับด้านหลังเธอจนมิด...ถึงจะประหยัดคำพูดและไม่ค่อยเชื่อฟังคำขอของรุ่นพี่แต่ความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนที่มีเสมอมาก็สมกับเป็นคนที่เธอเลือกให้รับสืบทอดตำแหน่งเสนาธิการต่อจากเธอ 

     

     

     

     

    "ไม่แน่ว่าเร็วๆนี้...."เจ้าหญิงพึมพำเบาๆก่อนจะเอ่ยหนึ่งประโยคคำถามด้วยเสียงอันแผ่วเบาราวกับจงใจจะฝากทิ้งไว้กับสายลมในซอกหลืบที่ไร้ผู้รับฟัง

     

     

     

     

    "ฉันอาจจะได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆของนายอีกครั้งนะอีกาดำ....เธอก็คงหวังแบบนั้นใช่ไหม?"

     

     

     

    .....

     

     

     

    [งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา...เมื่อพบพานย่อมมีวันห่างไกล]

     

     

     

     

    "ถึงเวลาไปแล้ว...รีบทำสิ่งที่อยากทำเถอะ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกร่างเล็กของสมาชิกใหม่แผ่วเบาลอบมองเสียวหน้าที่ตีหน้ายิ้มแย้มทั้งๆที่ใจจริงคงสั่นไหวจนมือบางใต้เสื้อเชิ้ตเผลอกำจนขึ้นเส้นเลือดมือหนาดันร่างบอบบางให้ก้าวไปหาบรรดาหญิงสาวที่เปรียบเหมือนครอบครัวของเจ้าตัวเล็ก 

     

     

     

     

    "ขอบคุณนะฮะ..."รอยยิ้มบางและคำขอบคุณถูกส่งมาให้คนใต้หน้ากากก่อนร่างนั้นจะก้าวตามไปใจสั่งแต่ยังไม่ทันที่จะได้กล่าวลา...เสียงหนึ่งที่แสนคุ้นเคยก็ดังขัดเสียก่อน

     

     

     

     

    "ถึงเวลาต้องไปแล้วสินะจากนี้ดูแลตัวเองดีๆนะ กินข้าวให้ตรงเวลา อย่าเอาแต่กินขนมละระวังตัวด้วยเรายิ่งซุ่มซามอยู่แล้วถ้าเกิดโดนฝนก็ต้อง...."สรรพัดประโยคจากเสียงอาทรดังไม่ขาดสายจนคนตัวบางต้องยกมือห้ามก่อนพี่สาวคนสำคัญจะหน้ามืดเป็นลมที่ไม่ยอมหยุดหายใจ

     

     

     

     

    "พี่แคร์ผมดูแลตัวเองได้นะ ผมโตแล้วนะฮะ"

     

     

     

     

    "ก็พี่เป็นห่วงนิ...."

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอกฮะผมอยู่กับคุณอีกาต้องไม่เป็นไรแน่ๆ....ส่วนสร้อยเส้นนี้ให้มันปกป้องพี่แคร์กับพี่ๆต่อจากนี้นะฮะ”ทอมหยิบยกชื่อของหน้ากากสีนิลมาเป็นหลักประกันให้หญิงสาวหายห่วงมือเล็กถอดสร้อยคอที่ประดับด้วยจี้รูปอีกาดำออกมาส่งมันคืนให้กับคนพี่เพื่อมอบแทนความหมายว่าตอนนี้เขามีคุณอีกาดำตัวจริงคอยปกป้องอยู่ก่อนเสียงใสทรงพลังจากหมูป่าจะช่วยเสริมความหนักแน่น

     

     

     

     

    “สบายใจได้พวกเราจะดูแลอย่างดีเลยละ!!"

     

     

     

     

    "อีกอย่างนะ....”น้ำเสียงแผ่วเบาลงในช่วงท้ายหมูป่าลอบยิ้มใต้หน้ากากก่อนจะเขยิบเข้าไปกระซิบเบาๆให้แคร์ได้ยินประโยคหลังเพียงคนเดียวนัยน์ตาสีหวานเบิกเล็กน้อยเมื่อสิ้นเสียงประโยคลับ

     

     

     

    “!?....”

     

     

     

    “เชื่อฉันเถอะ”

     

     

     

    “ค่ะ....ฉันเชื่อท่านขอฝากน้องของพวกเราด้วยนะคะ”ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆจ้องมองน้องน้อยแสนรักสลับกับผู้มีพระคุณใต้หน้ากากสีดำนิลด้วยแววตาสุขใจ

     

     

     

     

     

    “ผมไปก่อนนะฮะพี่ๆดูแลตัวเองด้วยนะฮะ ผมรักพี่ๆมากนะ พี่เพลิน พี่รัน พี่มินต์..."

     

     

     

     

    “พวกพี่ก็รักเรา...รักมากๆเลยนะ”

     

     

     

     

    ...อ้อมกอดอุ่นๆและเสียงหวานใสเป็นของขวัญแห่งการบอกลาจากร่างเล็กที่ดีที่สุดส่งความรู้สึกให้พี่ๆทุกคนจากใจและได้รับความรักตอบกลับมาเช่นทุกครั้งก่อนจะถึงพี่สาวคนสุดท้ายที่คนตัวเล็กมีของขวัญพิเศษมอบให้...

     

     

     

     

     

    "วันนี้คงไม่ห้ามผมพูดคำนี้หรอกนะ....ผมรักแม่แคร์ที่สุดเลยนะขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะฮะ"ทอมยิ้มกว้างพรางกดจมูกลงบนแก้มสีหวานของพี่สาวคนสำคัญก่อนจะรีบยกอ้อมแขนกอดร่างเล็กตรงหน้าเมื่อมือน้อยๆของอีกฝ่ายที่เกือบจะยกขึ้นมาตีเเขนเขาแรงๆเหมือนอย่างเคย..

     

     

     

     

     

    [แม่] 

    คำต้องห้ามที่พี่แคร์ชอบย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าเรียกเพราะอายุที่ไม่ใช่รุ่นราวคราวคนเป็นแม่ และเพราะผู้ให้กำเนิดที่ควรเถิดทูนมีเพียงคนเดียว...แต่ในสายตาเขา 

     

     

     

    ...มือคู่เล็กที่ยื่นมาหาเขาที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองขยะด้วยความอ่อนโยนทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องสนใจ... 

     

     

     

    ...ท่อนแขนเรียวที่กางเพื่อปกป้องเขาเสมอทั้งๆที่กายบางต้องอดทนทรมานกับโรคร้าย...

     

     

     

    ...เสียงหวานที่คอยตักเตือนและสั่งสอนด้วยความเข้มงวดอยู่เสมอ...

    ...แต่ก็มักจะอ่อนลงทุกครั้งเพื่อปลอบประโลมเขาจากเรื่องร้ายๆที่ต้องเผชิญ... 

     

     

     

    ...รอยยิ้มหวานที่มอบให้เขาทุกครั้งที่ช่วยยืนยันว่าโลกสีมืดใบนี้ยังอบอุ่นอยู่เสมอ...

     

     

     

    ทุกการกระทำของผู้หญิงคนนี้....มันเกินพอแล้วสำหรับคำเรียกที่แสนยิ่งใหญ่

     

     

     

     

    "จริงๆเลย...."เสียงหวานเอ่ยคาดโทษเด็กน้อยจอมแสบมือบางที่หมายจะตีต้นแขนเปลี่ยนเป็นยกขึ้นลูบศรีษะอีกฝ่ายเบาๆแทน...ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่แขนเล็กๆที่เธอเคยโอบกอดในวันนั้น กลับมาเป็นฝ่ายมอบอ้อมแขนอุ่นๆคืนมาให้เธอในตอนนี้

     

     

     

     

     

    ....ริมฝีปากแย้มยิ้มบางนัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองใบหน้าที่เฝ้าฟูกฝักมานานแรมปีก่อนหัวใจจะตัดสินใจบางสิ่ง....ทั้งๆที่มันไม่ควรแต่วันนี้ ขอแค่วันนี้ ก่อนร่างตรงหน้าจะหายลับตาไปขอแทนตัวเองสักครั้งคงจะไม่เป็นไรหรอกนะ...

     

     

     

     

     

    "ขอบคุณที่เกิดมาขอบคุณที่อยู่เคียงข้างมาเสมอ...แม่รักเรามากนะลูกแม่"ไร้ตะกอนที่เกาะกินหัวใจตลอดมาเอ่ยเรียกขานตนเองด้วยสถานะที่ไม่สิทธิ์ได้เป็นด้วยความภาคภูมิ

     

     

     

     

     

    ถึงเวลาที่เด็กน้อยในวันวานต้องก้าวออกจากอ้อมอก...

    ..ออกไปสู่โลกภายนอกที่กว้างขวางกว่าโหลแก้วที่เคยอาศัย...

    ...

    ..

    .

    "ลูกน้อยของฉัน...ฉันขอยกให้คุณเป็นผู้นำทางเขาต่อจากนี้นะคะนายท่านอีกาดำ"

     

     

     

    ...

     

     

     

     

    ...ล้อรถหมุนวนไปตามแรงขับของเครื่องยนต์รถลีมูซีนยี่ห้อดังอย่าง[Mercedes-benzs600] เคลื่อนตัวออกห่างจากสถานที่แรกของการเดินทางจนไกลลับตาพุ่งทะยานเต็มกำลังเพื่อพาผู้โดยสารทั้งสามไปสู่จุดหมายปลายทาง...ฐานหลักขององค์กรขั้วอำนาจ 

     

     

     

     

    “.......”ดวงตาสีหวานเปลี่ยนทิศทางการมองจากหน้าต่างกลับมาเป็นภายในรถคันหรูสำรวจความโออ่าของรถยนต์ราคาหลายหลักสมตำแหน่งผู้เป็นเจ้าของภายในที่แบ่งส่วนคนขับและผู้โดยสารด้วยกระจกดำด้านเพื่อความเป็นส่วนตัวเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังนุ่มที่เขาไม่เคยสัมผัสแต่เดาได้ไม่ยากว่ามันต้องเป็นหนังเกรดสูงลิบลิวก่อนสายตาจะลอบมองบุคคลใต้หน้ากากทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะฝั่งตรงข้ามตนหนึ่งคือหน้ากากหมูป่าที่กำลังเพลิดเพลินกับการเลือกขนมเค้กชิ้นเล็กเพื่อเป็นของว่างบนรถให้กับตัวเองและตัวเขาและอีกหนึ่งคือหน้ากากอีกาดำที่ยังคงอ่านรายละเอียดเอกสารบางอย่างเงียบๆ...แต่ความเงียบกับตรึงสายตาของเขาให้มองจ้องอย่างเผลอไผลจนอีกฝ่ายเงยขึ้นมองสบดวงตาผ่านใต้หน้ากาก...

     

     

     

     

    "มีอะไร?”เสียงแหบนั้นเอ่ยถามคำถามที่แสนห้วนแต่กลับอบอุ่นในความรู้สึก

     

     

     

     

     

    “ทอม เป็นอะไรเหรอ?....ยังเศร้าอยู่สินะ! ไม่ต้องเศร้าหรอก ฝ่ายตะวันออกของพวกเราผ่านทางนี้ประจำได้เจอบ่อยๆแน่นอนเลยละ!"ตามด้วยเสียงใสที่เอ่ยปลอบเขาชุดใหญ่พร้อมจานเค้กที่ยื่นมาจ่อหน้าคล้ายกับให้ขนมหวานช่วยปลอบประโลมความเศร้า 

     

     

     

     

    "ขอบคุณนะฮะคุณหมูป่า...ผมไม่เศร้าหรอกฮะ เพราะผมได้ทำทุกอย่างที่ตั้งใจไว้หมดแล้ว"

     

     

     

     

    "ผ...ผมแค่สงสัยฮะ"เสียงหวานเอ่ยอย่างตะกุกตะกักดวงตาสุกใสจ้องมองคนทั้งคู่สลับกันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจขจัดความสงสัยในใจให้หมดสิ้นในตอนนี้ก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่บ้านใหม่

     

     

     

     

    "คือผมได้ยินแขกพูดกันมาตลอดแต่ก็ยังไม่รู้จริงๆสักที.....Black Hole เป็นสถานที่แบบไหนเหรอฮะคุณอีกา คุณหมูป่า"

     

     

     

     

    "ฮิ~ เป็นที่แบบไหนกันนะ...ท่านเสนาธิการฝ่ายตะวันออก~"เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วเบาเมื่อได้ยินคำถามของคนตัวเล็กก่อนจะหันไปเอ่ยถามคนข้างกายพร้อมกับเรียกชื่อเต็มยศเต็มตำแหน่งอย่างขำขัน

     

     

     

     

    "หึ..."เค้นหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อมองสบแววตาวาววับราวเด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับโลกใบใหม่สมองนึกคำอธิบายที่พอจะบรรยายความได้ทั้งหมดอย่างครบครันและคำตอบที่หน้ากากอีกาดำคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับคำว่า [Black Hole]

    ....

    ...

    ..

    .

    "เป็นแหล่งรวมพวกตัวอันตรายที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย...ก็แค่นั้น"

     

     

     

     

    [ห้วงสีมืดอันลี้ลับ...ซ่อนเร้นความลับซึ่งไร้ผู้ล่วงรู้ที่ยังหายใจ]

    [มีเพียงตัวอักษรในหน้าหนังสือ...ที่ผู้คนเรียกขานมันว่า]

     ...

    ..

    .

    [ทฤษฎีของหลุมดำ]

     

     


     

     ......

     

     


     

    [ทฤษฎี I]  

    [แรงดึงดูดมหาศาล]

     

    [ดึงดูดให้ทุกสรรพสิ่ง...ดำดิ่งสู่ความมืดมิด]

    [แต่ยิ่งอันตราย....มนุษย์กลับยิ่งหลงใหลอยากสัมผัส]

    ...

    ..

    .

    [ทั้งๆที่มันไม่ควร]

     

     

     

    ..[คนทรยศ] กับ [โทษทัณฑ์] ก็เป็นของคู่กัน...คำนิยามง่ายๆที่ทุกคนรู้ดี..

     

     

     

    ...[Black Area] คือคำเรียกคาสิโนทุกแห่งในโลกมืดพื้นที่สีดำที่มีจุดประสงค์เพียงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและเริงสำราญกับอบายมุขทั้งการพนันเงินตราหรือแม้แต่พนันชีวิตของนักสู้ในสนามดื่มด่ำสุราเมรัยเสพสิ่งหลอนจิต ปลุกไฟกิเลสให้หลงระเริงกับตัณหาไม่รู้จบ แต่ถึงจะเป็นสถานที่ที่ผิดบาปตามนิยามของพระเจ้า...ผู้คนก็มักทิ้งขว้างความดีงามเพื่อเริงสุขในสวรรค์สีดำแห่งนี้อยู่เป็นนิจ

     

     

     

     

    ...และหนึ่งในผู้ที่โยนคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าทิ้งไว้เบื้องหลังคือ....[สมิงสีชาด] ฉายามาเฟียหนุ่มผู้เป็นเจ้าของธุรกิจค้าสารเสพติดรายใหญ่ในโลกเบื้องหลังชื่อเสียงความแข็งแกร่งที่ไร้ผู้ต่อกรด้วยสายเลือดพิเศษที่ชายหนุ่มครอบครองทำให้ทุกพื้นที่ที่ก้าวผ่านมีแต่ผู้คนยอมก้มโค้งด้วยความยำเกรงและตอนนี้สัตว์สมิงกำลังนั่งดื่มด่ำกับของเหลวสีสดในแก้วทรงสูงอย่างเริงอารมณ์ในวันพักผ่อน

     

     

     

     

    ...ก่อนบางสิ่งจะดึงความสนใจของมาเฟียหนุ่มให้ละไปจากเครื่องดื่มรสเลิศในมือ....

     

     

     

     

    "ฮิ........"เสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วเข้ามากระทบโสตประสาทหากแต่เสียงหวานเพียงนิดกลับคลายมนต์สะกดชักจูงให้สมองสั่งสายตาให้ลอบมองเจ้าของเสียงที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ในโซนเกมสนุ๊กเกอร์ร่างอรชรใต้เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัวโคร่งที่ร่นลงเพราะขนาดที่ไม่พอดีกับเรือนกายจนลาดไหล่บางโผล่พ้นขอบเสื้ออย่างหมิ่นเหม่ตรึงสายตาจากผู้คนรอบกายให้หยุดทุกการกระทำลงราวต้องสาปขาเพรียวใต้กางเกงสแล็คสีดำเดินวนเวียนรอบโต๊ะสนุ๊กเกอร์เพื่อหามุมเหมาะต่อการแทงลูกก่อนจะหยุดลงที่ฝั่งตรงข้ามมาเฟียหนุ่มอย่างเหมาะเจาะ

     

     

     

     

    ....โครงหน้าเรียวสวยสะกดสมิงหนุ่มให้หยุดนิ่ง นัยน์ตาสมิงมองสบดวงตาเรียวกับริมฝีปากบางที่ฉีกรอยยิ้มร้ายอย่างยั่วยวนเรือนกายบางโน้มตัวลงแนบกับโต๊ะสนุ๊กอีกครั้งราวกับจงใจให้คอเสื้อหล่นลงตามแรงโน้มตัวเผยผิวใต้ร่มผ้าและเม็ดเชอร์รี่สดเรียกสัญชาตญาณสัตว์ป่าให้ตื่นขึ้นได้ไม่ยากมือบางกระชับไม้สนุ๊กในมือพร้อมออกแรงแทงลูกก่อนลูกหลากสีจะลงหลุมตามที่คาดการณ์ร่างอรชรยิ้มพอใจกับผลงานบนโต๊ะเกมและ...เกมหมากอื่น

     

     

     

     

    "หึ...ไปเรียกตัวให้ฉันทีบอกให้เขาตามฉันไปที่ห้องประจำ"มือหนาส่งบัตรประจำห้องVIP ให้คนสนิทก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปรอที่ห้องส่วนตัววาดฝันถึงวิมานที่จะได้ล่องลอยอย่างเริงสุขในไม่กี่อึดใจกับร่างอรชรของคนช่างยั่ว...

     

     

     

     

    "ครับนาย"บอดี้การ์ดร่างใหญ่รับคำอย่างเคร่งคัดขายาวก้าวตรงไปยังเป้าหมายร่างเพรียวที่ยังคงเพลินมือกับการแทงลูกหลากสีเสียงทุ้มเอ่ยคำเชิญตามคำสั่งจากผู้เป็นนายและแน่นอน...คำตอบคือยินดีรับคำเชิญนั้นอย่างเต็มใจ 

     

     

     

     

    ...เพียงไม่กี่อึดใจเสียงปิดประตูเป็นสัญญาณบอกว่าคำเชิญสำเร็จผล ขาเรียวพาเจ้าของให้ก้าวเข้ามาในห้องVIPอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะหยุดลงหน้าโซฟาสีเข้มที่สมิงหนุ่มนั่งรออยู่รอยยิ้มหวานถูกส่งให้เป็นการทักทายแรกและประโยคคำถามเป็นตัวเปิดบทสนทนา..

     

     

     

     

     

    "มีอะไรกับผมงั้นเหรอ?....ฮิ~ "

     

     

     

     

    "ใครกันแน่ที่มีอะไรคุณส่งสายตามาทางผม....จนผมแทบคลั่ง"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างขำๆกับคำถามของอีกฝ่ายดวงตาคมกริบสมชื่อสมิงมองร่างเพรียวเบื้องหนาด้วยความพึงใจเสียงหัวเราะคิกคักอย่างผิดวิสัยจากริมฝีปากสีสดยิ่งสร้างแรงกระตุ้นความอยากให้มากขึ้นเบนสายตาไล้เลียไปตามเรือนกายที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าอย่างนึกสนุก....ว่าหากมันไร้อาภรณ์ปกปิดคงเป็นภาพที่น่ามองไม่หยอก

     

     

     

     

    "ฮิ~ แล้วชอบไหมล่ะ....คุณ[สมิงสีชาด]"

     

     

     

     

    "หึ...ไม่ลองพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองล่ะ"สมิงหนุ่มแย้มยิ้มร้ายมือหนาฉุดข้อมือบางในเซล้มลงมาปะทะกับอกแกร่งของตนจัดแจ้งท่านั่งให้ร่างอรชรนั่งคร่อมตัวเขาลูบไล้เบาๆบริเวณต้นขาไล่ขึ้นจนถึงแก้มก้นพอดีมือของอีกคนอย่างเริงอารมณ์....แววตาขึ้เล่นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวฉับพลันกับการถือวิสาสะของสมิงมากกามก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นดังเดิมอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    "ฮิ~ใจร้อนจังเลยนะ ...แล้วอยากให้ผมพิสูจน์ยังไงดี คุณสมิง~"ริมฝีปากบางเอ่ยกระซิบเสียงกระเส่าหวานข้างใบหูของคนใต้ร่างท่อนแขนบางเลื่อนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งเป็นหลักยึดในการทรงตัวบดเบียดกายบางให้แนบชิดแทบไร้ช่องวางจนส่วนลับใต้กางเกงสแล็คสีเข้มถูไถกับอีกฝ่ายตามการเคลื่อนกาย

     

     

     

     

    "........."ตาคมกริบมองร่างอรชรเบื้องหน้าด้วยความกระหายครางเสียงต่ำเมื่อคนช่างยั่วจงใจออกแรงหนักๆบริเวณใต้หัวเข็มขัดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งร่นลงมาบริเวณหัวไหล่ขาวประกอบกับกระดุมบนสามเม็ดที่ปลดออกจนคอเสื้อแหวกยาวโชว์ติ่งไตสีชมพูแสนล่อตาล่อใจให้ดูดเม้นจนชูชันก่อนความสนใจทั้งหมดจะถูกช่วงชิงไปหยุดที่ริมฝีปากสีสดน่าลิ้มลองที่อยู่ห่างเพียงเส้นผมกั้นผ่านและลดระยะลงเรื่อยๆตาคู่คมหลับลงเตรียมรับสัมผัสหอมหวน...

    ....

    ...

    ..

    .

    "ซี่~ "

     

     

     

    [เสียงคำรามอย่างเดือดดาลจากสัตว์ร้ายใต้เงามืด]

    [กู่ร้องกังวาน...ว่ามันต้องวายชีวา]

     

     

     

     

    "เฮือก!...น...นี้มันอะไรกันว่ะ!...!!??"ดวงตาเบิกโพลงอย่างตระหนกเมื่อสัมผัสหอมหวานที่วาดฝันกลายเป็นผิวหนังเย็นเชียบของอสรพิษร้ายแทนที่ลำตัวสีดำมันวาวเปล่งประกายอันตรายเมื่อกระทบแสงจากโคมไฟคมเขี้ยวสีมุกที่จ่ออยู่ห่างจากคอหอยเพียงไม่กี่มิลเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ควรพลีพล่ามโจมตีอย่างไร้หัวคิด...

     

     

     

     

    "ไม่เอาๆ....เชียงรายอย่ากัดเชียว กัดเนื้อเน่าๆเดี๋ยวจะปวดท้องนะ ลูกจ๋า~"เสียงหวานเอ่ยปรามอสรพิษตัวเพรียวบนลาดไหล่ของตนมือบางลูบหัวสัตว์เลื้อยคลานแสนรักที่เลื้อยมาคลอเคลียอย่างเอาอกเอาใจเปิดช่องโหว่ให้คนใต้ร่างได้เผยที่มาของนาม...[สมิงสีชาด]

     

     

     

     

    "[มันติคอร์]....."สิ้นเสียงชื่อเรียกในตำนานผิวกายสีเข้มอ่อนนุ่มของสมิงสีชาดแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด่างราวเหล็กกล้าแนวฟันแหลมคล้ายคมเขี้ยวของสัตว์ล่าเนื้อเสียดสีกันอย่างเดือดดาลที่มีผู้กล้าลองดี กดรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมส่งให้กับคนร่างบอบบางที่ยังนั่งส่งสายตาพราวระยับอยู่บนตักของราชสีห์ในร่างมนุษย์

     

     

     

     

    "[สมิงสีชาด]ผู้มีสายเลือดพิเศษ [มันติคอร์] ลูกหลานของสิงโตมีปีกในตำนานความสามารถคือทำให้ผิวหนังแข็งเหมือนเหล็กจนไม่มีอะไรทำให้ระคายได้....น่าสนใจจังเลยนะ"ตาเรียวจ้องมองเรือนกายของอีกฝ่ายพรางลูบไล้อย่างสนอกสนใจห้วนนึกถึงรอยยิ้มมุมปากของ [ผี] จอมขี้เซาที่ส่งข้อมูลลับแถมยังเอ่ยปากรับประกันว่าเขาจะต้องชอบของพิเศษๆอย่าง[มันติคอร์] เป็นแน่...ซึ่งมันก็จริงซะด้วย 

     

     

     

     

    "แกเป็นใคร...ต้องการอะไร"เสียงคำรามเอ่ยถามอย่างดุดันพร้อมอาวุธสังหารหนึ่งกระบอกในมือถูกส่งมาจ่อชิดหน้าผากมนของร่างบนตักที่ยังคงแย้มยิ้มหวานราวกับความตายไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นแม้แต่น้อย...

     

     

     

     

    "เอ๋~ จำไม่ได้งั้นเหรอ....อ่อ~ สงสัยคงจะมีความสุขมากจนลืมเรื่องระยำที่ทำไว้สินะคุณนรินทร์"

     

     

     

     

    "..........."ดวงตาคมจ้องมองร่างอรชรเบื้องหน้านิ่งไร้การตอบโต้ใดเพราะรู้อยู่แก่ใจดีหากชื่อจริงที่เป็นความลับสุดยอดถูกล่วงรู้ได้โดยง่ายและไร้ล่องรอยการสืบเสาะใดที่ชวนให้ระแคะระคายอีกทั้งท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านกับลูกตะกั่วเหล็ก....มันมากพอที่จะแสดงถึงระดับความอันตรายของคนตรงหน้า

     

     

     

     

    "ก็อยากจะสาธยายโทษทัณฑ์ให้ฟังแต่น่าเสียดาย.....คุณทำให้ [พ่องู] ของผมโกธรซะแล้วสิน่าสงสารจัง"รอยยิ้มร้ายฉาบลงบนใบหน้าเรียวสวยร่างอรชรเอ่ยเสียงเศร้าอย่างเห็นอกเห็นใจสมิงหนุ่ม...ทั้งที่แววตาคู่สวยไม่มีคำว่า สงสาร อยู่แม้แต่นิดมันกลับพราวระยับด้วยความสนุกสนานเสียมากกว่า

     

     

     

     

     

    "พ่องู....หรือว่า!!...."พึมพำเบาๆกับชื่อเรียกที่แสนคุ้นหูก่อนเสี้ยวของความทรงจำจะฉายในมโนทัศน์ แต่....ก็สายไปเสียแล้ว

     

     

     

     

    "ก...แกคนของ Black....เฮือก!!!??"ไม่ทันที่สมองจะประมวลผลว่าเส้นตายที่หลีกหนีมาทั้งชีวิตกำลังแย้มยิ้มให้เขาอยู่เบื้องหน้าแรงปริศนาจากด้านหลังก็กระชากบริเวณสันกรามดึงรั้งให้ศีรษะของสมิงสีชาดหงายไปด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดหวั่นเมื่อมองสบกับ...หน้ากากสีทองใต้เงามืด

     

     

     

     

    "จริงอยู่ที่ร่างกายของแกไม่ระคายกับอาวุธ....แต่คงไม่นับ[ดวงตา] จริงไหม?"

     

     

     

     

    "........"เสียงหวานยังคงดังก้องในหูจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวถูกเปิดเผยอย่างง่ายดาย ดวงตาคู่คมสั่นร้าวอย่างหวาดผวาเมื่อคิดถึงสิ่งที่ต่อกำลังจะเผชิญ...เผชิญหน้ากับผลของการกระทำที่เขาเคยทำไว้ในอดีต

     

     

     

     

    "[Madusa]....."ชื่อปีศาจในตำนานปรัมปราถูกเอ่ยขานจากบุรุษใต้หน้ากากระฆังสีทองอร่ามที่สลักลวดลายไทยอันวิจิตรบนไหล่กว้างที่มีอสรพิษสีเผือกขู่คำรามเบาๆราวกับคอยป้องกันภัยให้ผู้เป็นนายก่อนเสียงทุ้มเรียบจะเอ่ยลอดไรฟันด้วยแรงอารมณ์อันคุกรุ่นมือแกร่งบีบเค้นสันกรามของสมิงหนุ่มอย่างเดือดดาลก่อนมือหนาใต้ถุงมือสีน้ำตาลทองอีกข้างจะเลื่อนขึ้นปลดหน้ากากที่สวมใส่เผยใบหน้านิ่งเรียบที่ตามผิวหน้ามีรอยคล้ายเกล็ดงูประดับอยู่ประปราย ดวงตาจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ผิดแปลกจาก...มนุษย์

     

     

     

     

    ...นัยน์ตาที่ควรเป็นสีเข้มสนิทอย่างปุถุชนกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันดวงตาดำหดตัวจนเป็นรูปวงรีเฉกเช่นเดียวกับอสรพิษร้าย ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยอีกครั้งด้วยแววตาที่ฉายความอาฆาตมุ่งร้าย...

     

     

     

     

    "[แข็งไปซะ]....ไอ้เศษสวะ"

     

     

     

     

    "อ๊ากก!......."สิ้นเสียงประกาศิตจากอสรพิษหนุ่มความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่โสตประสาทราวกับมีเข็มนับพันเล่มตอกตรึงไว้ทั่วร่างไม่ให้ขยับเขยื้อนราวคำสั่งนั้นคือบัญชาจากพระเจ้าสมิงสีชาดทำได้เพียงกลิ้งกรอกดวงตาราวกับกำลังร้องขอความช่วยเหลือ...ที่ไม่มีวันมาถึง

     

     

     

     

    "ฮิ~ ได้หนูทดลองตัวใหม่แล้ว.....ฮิ~ อยากรู้จังว่าถ้าจับมากรอกยาตัวใหม่จะดิ้นเร่าๆขนาดไหน คุณสมิง....ฮี่~"เสียงหัวเราะคิกคักอย่างร่าเริงจากร่างบางที่ยังคงนั่งอยู่ตักของสมิงหนุ่มมือเรียวปัดป่ายไปทั่วเพื่อสำรวจของเล่นชิ้นใหม่ ดวงตาวาวพราวระยับอย่างถูกอกถูกใจหนูทดลองตัวใหม่จนลืมบุรุษระฆังที่ยืนมองอยู่ด้วยแววตานิ่งเรียบ 

     

     

     

     

     

    "เชียงใหม่ไปอยู่กับคุณแม่ก่อน.....ครามเข้ามาได้แล้วครับ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกอสรพิษสีเผือกบนลาดไหล่ให้ไปหาร่างบางที่ยังเพลินตาเพลินใจกับของเล่นไม่เลิกซึ่งสัตว์ตัวเพรียวก็รับฟังเป็นอย่างดีเคลื่อนตัวลงจากชายหนุ่มตรงดิ่งไปหาผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ทันทีแววตาสีอำพันเรืองรองเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีดำสนิทอย่างมนุษย์เช่นเดิมก่อนจะเอ่ยเรียกฝ่ายเก็บกวาดคนสนิทที่ประจำการพร้อมอยู่ด้านนอก

     

     

     

     

    "เรียบร้อยไปอีกงานนะครับขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก คุณ[ระฆัง] คุณ[จิงโจ้]....ดูท่าทางผมควรเอาของไปเก็บที่รถก่อนสินะ"ฝ่ายเก็บกวาดหนุ่มเอ่ยอย่างขำๆเมื่อประเมินสถานการณ์คร่าวๆหัวหน้าร่างบางที่ยังคงนั่งเล่นไม่สนใจใครกับบุรุษระฆังทองที่กำมือจนขึ้นข้อเพื่อสงบสติอารมณ์...คงต้องช่วยเคลียร์ทางให้เรียบร้อยสินะ

     

     

     

     

    "คุณจิงโจ้ครับลงมาก่อนนะครับ เดี๋ยวผมเอา [ของเล่น] ไปเก็บที่รถให้นะครับ"ครามเอ่ยเรียกสติเจ้าของนามจิงโจ้ผายมือเล็กน้อยเป็นการเชิญให้คนตัวบางลงจากตักของสมิงหนุ่มก่อนจะสั่งลูกน้องให้หามร่างแข็งทื่อของสมิงไร้ฤกษ์ไปยังรถ 

     

     

     

     

    "ฮิ~ อื้ม! เอายากล่อมประสาทระดับหนึ่งให้มันกินด้วยนะคราม....เดี๋ยวจะกลัวจนตายไปซะก่อนของน่าสนุกแบบนี้ต้องค่อยๆทดลอง"เสียงหวานเอ่ยสั่งจำนวนและปริมาณยาคร่าวๆอย่างเชี่ยวชาญให้กับคนสนิทซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำสั่งด้วยรอยยิ้มอย่างยินดี

     

     

     

     

    "รับทราบครับคุณจิงโจ้.....กรุณาอย่าเล่นอะไรแรงๆนะครับ คุณระฆัง"

     

     

     

     

    "จะพยายามนะครับ..."เสียงทุ้มเอ่ยตอบเบาๆกับคำขอก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาร่างบอบบางที่โถมตัวใส่อย่างเต็มรักเมื่อของเล่นชิ้นใหม่ออกไปจากความสนใจครามมองภาพหัวหน้าทั้งสองก่อนจะปิดประตูและล็อคให้อย่างรู้หน้าที่....คงต้องใช้เวลาสักพักก่อนกลับบ้านอีกตามเคย

    ...

    ..

    .

     ...ภายในห้อง VIPที่เพิ่งผ่านสงครามขนาดย่อมไปหมาดๆกลับมาเงียบสงบอีกครั้งราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ประหลาดของหนึ่งในสมาชิกห้วงสีมืดอันเลื่องชื่อ...เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังแผ่วเบาและหนึ่งร่างอรชรกับหนึ่งบุรุษ

     

     

    "ฮิ~ ทูนหัว~ ทำไมทำเสียงดุจังเลยทำหน้าบึ้งด้วย....อ่ะ!"เสียงหวานเอ่ยเรียกเจ้าของอกแกร่งที่ตนซบอยู่อย่างออดอ้อนแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งแสนรักแต่ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับจากอีกฝ่ายที่ต้องโอบรอบเอวเขาตอบกลับเช่นเคยแววตาเรียวสวยจ้องใบหน้าเรียบนิ่งของหน้ากากระฆังด้วยความสงสัยแต่ก่อนที่ความสงสัยจะถูกคลี่คลาย ร่างทั้งร่างก็ถูกแขนแกร่งอุ้มจนลอยตัวมาหยุดที่หน้าโต๊ะสนุ๊กเกอร์ภายในห้องเสียแล้ว...

     

     

     

    ...มือแกร่งจับช่วงขาเรียวให้เกี่ยวรัดเอวของเขาไว้เป็นที่ยืดเหนี่ยวดันแผ่นหลังบางให้นอนราบไปบนโต๊ะสนุ๊กก่อนริมฝีปากหนาจะประกบกับสัมผัสนิ่มหวานอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนริมฝีปากสีสดบวมเจ่อลิ้นร้อนไล้เลียตามแนวฟันขาว ตักตวงความหอมหวานในโพรงปากนุ่มเกี่ยวตวัดแผ่นลิ้นบางจนแทบผสมเป็นอันหนึ่งอันเดียวมือหนาที่เริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ตามท่อนขาเพรียวไล่ขึ้นมาเรื่อยๆตามเรือนกายบางจนมาหยุดอยู่ที่กระดุมสองเม็ดสุดท้ายกระตุกเบาๆหวังให้อาภรณ์แสนขัดตาหลุดออกจากร่างตรงหน้า...แต่มือของอีกคนกลับหยุดเอาไว้เสียก่อน

     

     

     

    "อื้ม~...อ...อา....เดี๋ยวก่อนสิ..ทูนหัว"เสียงหอบหายใจประสมปนเปไปกับเสียงพูดเอ่ยห้ามปรามการกระทำแสนเสียวซ่านดวงตากลมโตช้อนมองอีกคนตาแป๋วจนคนมองต้องยอมใจอ่อนลดแรงอารมณ์ขุ่นมัวให้เบาบางลงจนเกือบหายสนิท มือหนากุมมือเรียวแสนรักขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะหยิบโลหะทรงกลมที่เก็บรักษาไว้อย่างดีขึ้นประดับมันไว้ที่เดิม....บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนใต้ร่าง

     

     

     

     

    "รู้ใช่ไหมครับว่าทำผิดสัญญา...มันแตะต้องที่รักไปถึงไหนต่อไหนแล้ว"บุรุษระฆังเอ่ยเสียงขุ่นเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในระหว่างการทำงานร่างกายของคนตัวบางที่เขาแสนหวงโดนมือโสโครกของเป้าหมายปัดป่ายไปทั่วยังไม่รวมสายตาที่โลมเลียจนแทบจะกลืนกินสุดที่รักของเขาอยู่แล้ว หากไม่ใช่งานเขาคงกระชากหนังสมิงให้สาสมใจ...จะว่าไปเลขาคนสนิทก็บ่นว่าอยากได้พรมขนเสือเสียด้วย

     

     

     

     

    "ฮิ~ รู้สิ...แต่ว่าเวลาทูนหัวหึง ทูนหัวหวง....เค้าช๊อบชอบ~"เจ้าของสมญานามจิงโจ้เอ่ยเสียงใสอย่างชอบอกชอบใจในแรงหึงหวงของคนร่างสูงมือบางเลื่อนขึ้นวางบนใบหน้าคมคายแสนรักจนคนโดนแกล้งให้หึงฉีกยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากนุ่มอีกครั้งอย่างรักใคร่

     

     

     

     

    "หึ....คนผิดสัญญาก็ต้องโดนลงโทษนะครับที่รัก"

     

     

     

     

     

    "ไม่ได้นะๆวันนี้เราต้องรีบกลับนะ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญนายแม่ก็บอกแล้วนิ"มือเรียวรีบยกมือขึ้นห้ามคนตัวสูงที่คิดจะเริ่มบทสวาทต่อเสียงหวานกล่าวเตือนความจำเรื่องพิเศษในวันนี้ จนระฆังได้แต่หัวเราะเบาๆกับความกระตือรือร้นราวเด็กน้อยของคนตัวบางก่อนสมองอันชาญฉลาดจะคิดแผนบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    "เข้าใจแล้วครับแต่...."

     

     

     

     

    "อา~...ซี๊ด~..."เสียงครางกระเส่าดังลั่นเมื่อฟันคมขบเบาๆที่ติ่งไตสีชมพูบนอกบางพร้อมกับมือหนาที่กดย้ำบริเวณช่องทางด้านหลังสองสามทีอย่างจงใจ....จุดอ่อนและจุดเสียวซ่านชนิดกระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งสูงของจิงโจ้ช่างยั่วที่เขาจดจำได้ดี

     

     

     

     

    "มัดจำไว้ก่อนแล้วกันนะครับไว้คืนนี้...ผมค่อยมาลงโทษคนขี้แกล้ง"

     

     

     

     

    "......."ไร้เสียงตอบรับจากอีกคนมีเพียงแรงรัดบริเวณเอวแกร่งจากช่วงขาเรียว ล็อคให้ระฆังขยับตัวไม่ได้ตามใจคิดใบหน้าหล่อคมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนตัวบางที่ยังคงนอนราบอยู่บนโต๊ะสนุ๊กทอดมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อด้วยแรงอารมณ์อย่างพึงใจหัวเราะเบาๆกับท่อนแขนเรียวที่โน้มลำคอของเขาให้ก้มลงมาใกล้ซอกคอระหงส์จนกลิ่นกายแสนยั่วยวนลอยมาเตะจมูก

     

     

     

     

    "ไม่รีบกลับแล้วเหรอครับที่รัก?"

     

     

     

     

    "ทูนหัว...ทำกันขนาดนี้ยังจะ...อะ...ถ้าไปสาย...นะ....อืม~"

     

     

     

     

    "ผมตรงต่อเวลาเสมอครับ"ระฆังกล่าวยืนยันในความกังวลเรื่องเวลาของคนตัวบางก่อนจะโน้มตัวลงประกบริมฝีปากนุ่มอีกครั้งและเริ่มต้นบรรเลงบทรักแสนร้อนแรง หวนคิดถึงคำสั่งจากบอสใหญ่ที่บอกถึงการมาของสมาชิกใหม่ในรอบหลายปีหากทำงานเสร็จเรียบร้อยควรรีบตรงกลับ แต่...

    ....

    ...

    ..

    .

    "แค่รอบเดียวคงไม่เสียเวลานานนักหรอกครับ...ท่านเสนาธิการฝ่ายใต้"

     

     

     


    ...

     

     


    ทฤษฎีII

    [ลบล้างทุกสรรพสิ่ง]

     

    [หากมันประสงค์ให้สิ่งใดสูญสิ้น...มันต้องดับสูญโดยไร้ข้อขัดขืน]

    [แต่คำเตือนราวกับคำยุ...เพราะมนุษย์ไม่เคยหยุดฟัง]

    ...

    ..

    .

    [ทั้งๆที่มันควรทำ]

     

     

     

    ...[ข้อมูล] กับ [ชัยชนะ] เป็นของคู่กัน....คำนิยามง่ายๆที่ทุกคนรู้ดี...

     

     

     

    .....[รู้ร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง] ประโยคจากนักปราชญ์สายเลือดมังกรเป็นตัวยืนยันทุกสงครามในโลกเบื้องหลังที่ไม่อาจใช้กฏเกณฑ์ แต่ได้ชัยชนะมาด้วยเล่ห์กลข้อมูลลับขององค์กรผู้มีอิทธิพลทั้งหลายคือสินค้าชั้นเลิศที่ต่างเป็นที่ต้องการรูปร่าง ใบหน้า ชื่อนามสกุล...อาจเป็นเพียงข้อมูลเล็กๆหากแต่เป็นจุดเล็กๆที่สามารถสร้างรอยร้าวให้องค์กรยักษ์ใหญ่พังทลายได้โดยง่าย...

     

     

     

    ...อาชีพ [นักล่าข่าว]จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการต่อข้อมูลลับของเหล่าลูกค้ากระเป๋าหนักที่อยากกำจัดเสี้ยนหนามให้พ้นทางแฮกเกอร์ชั้นเซียนทั้งในสังกัดหรือเป็นนายตนเองต่างเสาะหาข้อมูลจากโลกหลังหน้าจอแข่งขันกันผ่านแป้นพิมพ์พลาสติกว่าใครจะเป็นผู้ชนะที่ช่วงชิงความลับราคาหลายหลักไปก่อนกัน

     

     

     

    ...แต่ตำแหน่งหลังหน้าจอแก้วก็ใช่ว่าจะไร้สิทธิ์เสี่ยงเพราะหากคิดขโมยข้อมูลจากเหล่าองค์กรผู้มีอิทธิพล นั้นคือคำยินยอมให้เส้นชะตาชีวิตของตนเรียวเล็กจนขาดได้ในทุกวินาที....อย่างที่นักล่าข่าวชื่อกระฉ่อนในตอนนี้กำลังเผชิญ

     

     

     

     

    "มันจะหายไปได้ยังไง!!??"เสียงใหญ่ตะคอกลั่นด้วยความโกรธาร่าท้วมยืนจังกาอยู่ภายในห้องเหลี่ยมอันเป็นที่ประจำกรของเหล่านักล่าข่าวในสังกัดของตนมือหนาชี้นิ้วไปทางจอคอมพิวเตอร์ที่ควรมีข้อมูลของตัวอันตรายแห่งโลกมืดอยู่แต่กลับว่างเปล่าไร้ตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียวดวงตาฉายแววโรจน์มองสบบรรดาลูกน้องที่ทำได้เพียงนิ่งเงียบอย่างจนใจ

     

     

     

     

    "........"

     

     

     

     

    "ข้อมูลทั้งหมดที่เราต้องส่งให้กับลูกค้าชุดนี้มันสำคัญขนาดไหน!อยากหัวขาดรึไง ไอ้พวกไม่ได้ความ!!!"ความคิดในสมองแล่นเร็วราวติดจรวดเมื่อนึกถึงลูกค้ารายใหญ่ที่หวังกับสินค้าชุดนี้ไว้สูงลิวสันกรามขบแน่นอย่างเคร่งเครียดกับการทำให้เหล่าผู้มีอิทธิพลผิดหวังและแน่นอน....ความเครียดที่หวาดกลัวว่าเงาหัวของพวกเขาจะไม่รอดปลอดภัยพ้นวัน

     

     

     

     

    "ข...ขออภัยครับ..บ..."

     

     

     

     

    "แค่ขอโทษแล้วข้อมูลมันจะกลับมาไหม!เร่งมือกู้ข้อมูลเดี๋ยวนี้"ร่างท้วมก้าวขาไปนั่งประจำเครื่องคอมพิวเตอร์หลักด้านหลังสุดเพื่อลงมือกู้ข้อมูลบางส่วนก่อนเสียงจากร่างหลังหน้าจอที่อยู่ถัดไปจะเอ่ยห้ามไว้นิ้วมือหนาชะงักกับคำพูดที่ไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากปากผู้ที่ขึ้นชื่อว่า[แฮกเกอร์มือหนึ่ง] ในการปกครอง

     

     

     

     

    "ท...ทำไม่ได้ครับบอส...ทางเรากู้กลับมาไม่ได้"

     

     

     

     

    "หมายความว่ายังไง?....ไอ้ธาร?"

     

     

     

     

    "ระบบของเราถูกแฮกครับ...ถ้าคิดจะกู้กลับมาเมื่อไรมันจะ..."แฮกเกอร์ผู้มีตำแหน่งเป็นมือหนึ่งเอ่ยเสียงตะกุตะกักมือบรรจงป้อนข้อมูลตามสูตรลับอย่างเชี่ยวชาญตัวอักษรภาษาซีนับพันตัวเรียงรายในคลองสายตาก่อนจะกดแป้นเอ็นเตอร์เพื่อแสดงให้หัวหน้าใหญ่เห็นภาพที่เขาเจอเมื่อไม่กี่นานทีก่อน...ข้อมูลลับที่ควรปรากฏกลับกลายเป็น.


     

     

     

    [โฮ่งๆๆ....]....ภาพสัตว์เลี้ยงสี่ขาตัวใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เสียงเห่าเบาๆของเจ้าก้อนขนสีเทาที่กำลังเพลิดเพลินกับเล่นชิ้นน้อยมันคงเป็นภาพที่น่ารักหากแต่ไม่ใช่ในเวลานี้

     

     

     

     

    "........"

     

     

     

     

    "ไม่ว่าจะลองกู้อีกกี่รอบ...คลิปวีดีโอตัวนี้จะขึ้นแทนที่ทุกครั้งเลยครับ"

     

     

     

     

    "นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันฟ่ะ! แล้วไอ้คลิปบ้านี้มันมาจากไหน!?"ดวงตาสีเข้มจ้องมองจอแก้วด้วยความฉงนกับไวรัสแปลกประหลาดที่กำลังฉายวนไปไม่รู้จบไม่ใช่ทั้งไวรัสในประเทศ นอกประเทศ หรือแม้แต่เคยพบเห็นในชีวิตที่ผ่าน เสียงทุ้มเอ่ยถามถึงสาเหตุและต้นเหตุของคลิปอันไร้ที่มาที่ไป...ของใครบางคน

     

     

     

     

    [หาว~....คลิปไซบีเรียนพันธุ์แท้เชียวนะ...พวกนายควรดูอะไรที่มันจรรโลงใจบ้างหรือชอบปอมปอมมากกว่างั้นเหรอ?]...เสียงซ่าไร้ทิศทางเอ่ยเนื่อยๆอย่างแผ่วเบา..

     

     

     

     

    "ฉันไม่สนว่ามันจะเป็นตัวอะไร! ไหนพวกแกบอกว่ารหัสป้องกันมีแค่ม่านตาของฉันกับภาษาซีของพวกแกที่สามารถเปิดได้ แล้วใครหน้าไหนมันแฮก......!!!!?"หัวหน้าใหญ่หยุดชะงักเมื่อเสียงเนื่อยๆไม่ได้มาจากบรรดาลูกน้องที่นั่งมองด้วยแววตาตกตะลึงดวงตาคม

    เบิกโพลงเมื่อหันไปมองหน้าจอแก้วอันยักษ์กลางห้องที่กลายเป็นสีแดงเข้มพร้อมกับตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวที่สี่ตามตำราอย่าง[D] ก่อนเสียงหัวเราะจากหน้าจอจะดังขึ้นอีกครั้งเพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่นักล่าข่าวเผชิญอยู่คือความจริง

     

     

     

     

    [แค่รหัสล็อคด้วยม่านตา....คิดจะป้องกันข้อมูลระดับชาติด้วยม่านตาเน่าๆเนี่ยคิดจะดูถูกพวกรึไง...]เสียงเนื่อยๆเอ่ยอย่างขำขันกับความคิดแสนโง่เขลาของแฮกเกอร์ที่เรียกขานตัวเองว่าระดับเทพก่อนจะเอ่ยขอความเห็นจากใครอีกคน...ที่อยู่ไม่ไกล

     

     

    เนอะ เจ๊?]

    ....

    ...

    ..

    .

    "หึ...มันคิดผิดตั้งแต่กล้าขโมยข้อมูลของพวกเราแล้ว"

     

     

     

     

    "เฮือก!??...."นักล่าข่าวรุ่นใหญ่หันไปมองตามเสียงก้องหวานเบื้องหลังภายในห้องลับที่ควรมีแค่สมาชิกนักล่าข่าวกลับปรากฏร่างแขกปริศนาใต้หน้ากากยืนอยู่ด้านหน้าสุดห้องอย่างไม่ทันตั้งตัวการมาที่สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่านักล่าที่นั่งเรียงรายอยู่ในห้องบ้างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวบ้างก็ทำเพียงยกยิ้มมุมปากเมื่อรู้ว่าจุดจบของชีวิตคนบาปได้เดินทางมาถึงแล้ว...

     

     

     

    ....หนึ่งคือร่างเพรียวใต้ชุดสูทสีม่วงเข้มเหลือบดำตัดกับกางเกงสกินนี่หนังสีดำทรงสวยเผยเรียวสวยใต้เนื้อผ้าเอวบางรัดด้วยผ้าคาดเอวสีเข้มเพื่อกันบางสิ่งในร่างกายให้นิ่งสงบอย่างที่ควรเป็นบดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีเดียวกันที่ประดับประดาด้วยหนวดนุ่มและไข่มุกสีสะอาดจากสิ่งมีชีวิตใต้ท้องน้ำ....[หน้ากากปลาหมึก] 

     

     

     

     

    ....และอีกหนึ่งคือตำนานมีชีวิตที่กล่าวขานด้วยความหวั่นเกรงถึงพลังอันแกร่งกล้าร่างระหงส์ใต้ชุดกระโปรงยาวสีเข้มประดับลูกไม้สีทองอันวิจิตรชายกระโปรงถูกผ่าจนถึงบริเวณต้นขาเผยให้เห็นกางเกงหนังตัวบางเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนไหวร่างกายที่ซ่อนอยู่หลังกระโปรงผ้ามือเรียวข้างขวาประดับด้วยปลอกมือเหล็กแหลมสีทองที่เชื่อมกันจนคล้ายกรงเล็บของสัตว์วิเศษในโบราณกาลสมหน้ากากที่สวมใส่....[หน้ากากมังกร]

     

     

     

     

    "แก...เข้ามาได้ยังไง.."ร่างท้วมเอ่ยถามเสียงแผ่วอย่างไม่อยากเชื่อในดวงตาของตัวเอง จ้องมองบุคคลทั้งสองพรางครุ่นคิดถึงการปรากฏตัวของแขกไม่ได้รับเชิญ....ประตูหน้าที่แน่นหนาจะเปิดออกก็ต่อเมื่อใช้ม่านตาของเขาเป็นตัวสแกนเท่านั้นแล้วมันเข้ามาได้ยังไง?..

     

     

     

     

    ....เสียงทุ้มแสนสั่นไหวจนจับรู้สึกได้ของเจ้าของคำถามเรียกรอยยิ้มจากสาวร่างเพรียวใต้หน้ากากสีม่วงอมดำเสียงใสเอ่ยเฉลยคำตอบให้แก่คนขี้สงสัยอย่างนึกสนุก

     

     

     

     

    "พอดีว่าองค์กรของพวกเรามี[นายแพทย์อัจฉริยะ] กับ [ด๊อกเตอร์ชีววิทยาโคตรเทพ] อยู่ล่ะนะ....แค่สร้างม่านตาเทียมจากข้อมูลร่างกายของแกก็แค่นั้นเองใช่ไหม เจ๊มัง~"มือเรียวชูอุปกรณ์ทรงกลมขนาดเท่าดวงตามนุษย์ด้านในที่ปรากฏม่านตาสีเข้มที่ย่อขนาดตามแรงสัมผัสราวกับมีชีวิตก่อนจะเอ่ยเสียงใสกับร่างระหงส์ข้างกายที่ทำเพียงหัวเราะเบาๆกับสมญานามที่ถูกตั้งให้

     

     

     

     

    "ก็แค่ของเด็กเล่น....มันไม่ได้ยากเย็นอะไร"คนใต้หน้ากากพญามังกรเอ่ยเสียงเรียบกับม่านตาเทียมที่ตนและระฆังหนุ่มเป็นคนคิดค้นอย่างเฉยชาระดับฝีมือที่เหนือกว่าความเข้าใจของคนทั่วไปเป็นเรื่องแสนปกติธรรมดาสำหรับพวกตนไปเสียแล้วก่อนเอ่ยทวงถามถึงสิ่งที่โดนขโมยมากับนักล่าข่าวที่อาจหาญขโมยข้อมูลลับของหลุมสีมืด

     

     

     

     

    "พวก BlackHole..."

     

     

     

     

    "คิดขโมยของจากพวกเรา....คงคิดผลที่จะตามมาแล้วสินะ"

     

     

     

     

    "หึ....ผลที่จะตามมาของพวกแกซะมากกว่า"นักล่าข่าวรุ่นใหญ่แสยะยิ้มร้ายพยายามควบคุมเสียงที่สั่นสะท้านให้เรียบนิ่งเมื่อคิดถึงไพ่ตายที่ตนยังคงมีอยู่กับตัวมือหนาชี้เข้าหาตัวก่อนจะเอ่ยประโยคที่สมองประมวลผลแล้วว่ามีชัยเหนือคนใต้หน้ากากเบื้องหน้า

     

     

     

     

    "คิดว่าฉันเป็นใครพวกแกก็น่าจะรู้ดี...ฉันเป็นถึงสภารัฐมนตรีของโลกเบื้องหน้าถ้าพวกแกคิดจะกำจัดฉันมันจะส่งผลยังไงรู้ใช่ไหม!!"แสยะยิ้มร้ายเมื่อไพ่ที่ถืออยู่ในกายมีชัยไปกว่าครึ่งตัวเขาที่เบื้องหลังเป็นนักล่าข่าวมีเบื้องหน้าเป็นสภารัฐมนตรีในเงาที่คอยดูแลการปกครองในส่วนต่างๆของประเทศหากคนตำแหน่งสูงๆอย่างเขาหายไปสักคนสิ่งที่จะตามมา....คือสมดุลของโลกถูกกฏหมายและผิดกฏหมายจะต้องโกลาหลซึ่งมันไม่คุ้มเป็นแน่ 

     

     

     

     

    ...แสงสว่างของทางรอดเริ่มสาดแสงให้นักล่าข่าวได้สัมผัส

     

     

     

    "........"

     

     

     

     

     

    ...แต่หลุมสีดำทมิฬกลับฉุดกระชากร่างนั้นให้ตกลงมาอีกครั้ง...

     

     

     

     

    "หึ...."หัวเราะในลำคอเสียงแผ่วเบากับความคิดแสนยโสของคนที่ความตายทักทายอยู่เบื้องหน้าแต่ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นก่อนสุรเสียงใต้หน้ากากมังกรดำจะเอ่ยประโยคเรียบง่ายที่สร้างรอยร้าวให้ท่าทีแสนอวดดีของนักล่าข่าวผู้ทะนงตนต้องสั่นคลอน

     

     

     

     

     "แกเป็นคนของรัฐมนตรีในโลกเบื้องหน้าก็จริงอยู่แต่ก็อยู่แค่ในนามของเงา..."

     

     

     

     

     

    "ง่ายๆก็แค่....ลบชื่อแกออกจากทะเบียนราษฎรก็สิ้นเรื่องจริงไหม?"

     

     

     

     

    ....ทะเบียนราษฎรคือชื่อเรียกของฐานข้อมูลระดับสูงของรัฐบาลที่บันทึกประวัติของทุกชีวิตในโลกเบื้องหน้าไว้อย่างครบครันทั้งชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ส่วนสูง น้ำหนัก หน้าที่การงานเพื่อยืนยันตัวตนว่ายังคงอยู่....แต่ถ้าหากชื่อมันถูกลบหายไปจากทะเบียนชีวิตความหมายของมันก็คือ [คนคนนั้นไม่มีชื่อว่ามีชีวิตอยู่มาตั้งแต่แรก ]

     

     

     

     

    "พูดบ้าๆ! คิดจะแฮกข้อมูลทะเบียนของโลกเบื้องหน้าใครมันจะไปทำได้....."

     

     

     

     

    [โทษที....พอดีทำได้]...เสียงจากหน้าจอแก้วเข้มเอ่ยขัดประโยคของร่างท้วมใหญ่อย่างเหนือกว่าคำตอบที่สาดซัดความกลัวให้เข้าถาโถมจิตใจของนักล่าข่าวรุ่นใหญ่ผู้พ่วงตำแหน่งสภาในโลกเบื้องหน้าจริงอย่างที่คนใต้หน้ากากมังกรเอ่ย ตัวเขาเป็นเพียงคนของรัฐมนตรีแค่ในเงาไม่มีชื่อหรือแม้ใครในสภาที่เคยเห็นหน้าถ้าชื่อของเขาหายไปจากทะเบียนชีวิตก็เท่ากับว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ได้เลย...ไพ่ที่เขาคิดว่าเหนือกว่าถูกฉีดกระชากจนไม่เหลือชิ้นดี

     

     

     

     

    "หึ...ลบข้อมูลของท่านรัฐมนตรีคนนี้ให้หายไปให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตัวอักษรเดียว"หน้ากากมังกรเอ่ยคำสั่งกับหน้าจอแก้วที่ปรากฏตัวอักษร[D] ส่งผ่านคำพูดไปให้กับผู้ที่ได้รับฉายา [ผี] ที่สิงสถิตอยู่ที่พำนักของ BlackHole ...ทิ้งให้ร่างท้วมของผู้โดยตีตรายืนนิ่งไม่ไหวติ่งอย่างไร้ความปราณี

     

     

     

     

    "........"....เงียบนิ่งราวกับโดนสาปจากถ้อยคำของสตรีใต้หน้ากาก...

     

     

     

     

    [ด้วยความยินดีและสบายมาก...หาว~...เดี๋ยวผมจัดการให้ ...เจอกันที่บ้าน เจ๊ ปลาหมึก]คนหลังหน้าจอแก้วเอ่ยรับคำสั่งพร้อมเสียงหาวหวอดใหญ่และคำลาตามคุ้นชินก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับตัว [D] บนหน้าจอ....เหลือไว้เพียงคอมพิวเตอร์เครื่องยักษ์ที่ดับสนิทราวกับโดนสั่งปิดตายไปตลอดกาล

     

     

     

     

    "แล้วจะเอายังไงต่อนี้ดีล่ะเจ๊มัง?...ถึงจะลบชื่อออกจากทะเบียนราษฎรแต่ร่างกายก็ยังอยู่นะ"คนใต้หน้ากากปลาหมึกมองสบร่างท้วมของนักล่าข่าวและบรรดาแฮกเกอร์ที่นั่งเรียงรายอยู่ตรงหน้าเสียงใสเอ่ยถามเจ๊สาวอย่างขอความเห็นพร้อมกับมือบางจับที่ผ้าคาดเอวสีเข้มของตนเป็นเชิงสื่อความหมาย.....ซึ่งคนถูกถามรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเป็นอย่างดี

     

     

     

     

    "........."

     

     

     

     

    "ฉันคิดว่าเธอคงคันไม้คันมือให้เป็นหน้าที่ของเธอก็แล้วกัน.....แต่อย่าให้นานนักละ เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษเราควรรีบกลับ"ร่างระหงส์ของหน้ากากมังกรเดินกลับไปยังทิศทางเดิมที่รถคันหรูจอดรอรับผู้เป็นนายทั้งสองพรางเอ่ยเตือนเรื่องความพิเศษของวันนี้ที่กำลังจะมีเด็กน้อยก้าวเข้ามาในหลุมดำสีมืดในรอบหลายปีโดยไม่ลืมทิ้งท้ายประโยคหนึ่งให้กับหญิงสาวร่างเพรียวที่รอฟังอยู่...

     

     

     

     

    ....คำสั่งที่เรียกให้ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องเล็กที่แม้แต่เสียงหายใจยังดังเกินไป...

     

     

     

     

     

    "ลบพวกมันให้หายไปซะ ปลาหมึก"

     

     

     

     

    "ทำไมโลกถึงต้องมีคนอย่างพวกแกด้วย!!!????....ไอ้พวกอมนุษย์!"ร่างท้วมของนักล่าข่าวใหญ่ตะคอกลั่น เอ่ยโทษพระเจ้าที่คิดสร้างสัตว์ประหลาดเบื้องหน้าขึ้นมาอย่างเดือดดาลเหงื่อกาฬผุดผายเมื่อร่างโปร่งบางใต้หน้ากากสีม่วงก้าวเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆก่อนสมองจะสั่งการให้ปกป้องชีวิตที่ใกล้ขาดสะบั้นอย่างลนลานข้อมือแกร่งคว้าเอาสนับมือข้างกายขึ้นสวมใส่ ออกแรงเหวี่ยงเหล็กกล้าใส่ร่างของอมนุษย์ตรงหน้า..แต่มันไม่มีวันได้แตะต้องผิวกายของอีกฝ่ายแม้เพียงฝุ่น

     

     

     

     

    "[Kraken]...."เสียงใสเอ่ยเรียกขานนามของสัตว์ประหลาดในตำนานแผ่วเบามือบางปลดผ้าคาดเอวสีเข้มออกจากลำตัวเพื่อสะดวกแก่การสำแดงสายเลือดพิเศษที่ไหลวนในเรือนกายบางสิ่งบนแผ่นหลังบางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพุ่งเข้าไปรับความแหลมคมของสนับมือจากนักล่าข่าวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริกก่อนใบหน้าเรียวใต้หน้ากากจะแสยะยิ้มร้ายพรางขานรับคำสั่งจากสตรีใต้หน้ากากมังกรดำ...

    ....

    ...

    ..

    .

    "จะไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกเลย....ท่านเสนาธิการฝ่ายตะวันตก"

     

     


     

    ...

     


     

     

    [ทฤษฎี III]

    [นัยน์ตาปีศาจ]

     

    [เร้นกายอยู่ทั่วทุกเขตแดน...ไม่เว้นแม้กระทั่งเงาใต้ร่าง]

    [แต่มนุษย์กลับทะนงตนว่าเหนือกว่า...คิดซ่อนเร้นจากห้วงสีทมิฬ]

    ...

    ..

    .

    [ทั้งๆที่ไม่มีทางรอดพ้น]

     

     

     

    ...[ค่าหัว] กับ [นักล่าค่าหัว] เป็นของคู่กัน....คำนิยามง่ายๆที่ทุกคนรู้ดี...

     

     

     

     

    ...[ค่าหัว]คำเรียกแสนคุ้นชินสำหรับผู้คนในโลกมืดอันไร้กฏเกณฑ์ศีลธรรมการฆ่าฟันปลิดชีพถือเป็นหนึ่งอาชีพที่แสนปกติธรรมดาราวค้าขาย....เพียงแต่สินค้าคือหนึ่ง[ชีวิต] ที่ดับสูญ

     

     

     

    ....บาร์เหล้าไร้ชื่อในมุมหลืบบนถนนสาย13 คือร้านเก่าแก่ที่นักล่าค่าหัวทุกชีวิตรู้จักดีถึงแม้จะไร้ชื่อร้านแต่ทุกเสียงต่างเรียกขานมันว่า [ทางคนตาย]เพราะสิ่งที่ผ่านเข้ามาในตัวร้านก็มีเพียงหนึ่งคนเป็นและหนึ่งศพที่นำมาเพื่อขึ้นเงินวนเวียนจนกลายเป็นความคุ้นชินของผู้คนโดยรอบมาสเตอร์ประจำร้านคือนักล่าค่าหัววัยชราที่เป็นดังตำนานมีชีวิตดวงตาของผู้ผ่านกาลเวลามายาวนานจะคอยดูแลและพิจารณาความเหมาะสมของนักล่าค่าหัวกับงานล่าที่เลือก...เพราะบางครั้งพวกลูกนกก็ชอบคิดว่าตัวเองคือพญาอินทรี

     

     

      

    "น่าสนใจว่ะ..."เสียงแหบของนักล่าค่าหัวหนุ่มเอ่ยเบาๆเบื้องหน้าบอร์ดสีเขียวแก่อันเป็นที่ประทับของป้ายประกาศค่าหัวของผู้มีศีรษะเป็นมูลค่าในเวลานี้นัยน์ตาดุดันฉายแววพึงพอใจกับแผ่นกระดาษใหญ่สีเกรอะกรังที่ไร้ภาพของเป้าหมายสิ่งที่ปรากฏมีเพียงหมึกสีซีดของชื่อเสียงเรียงนามและเส้นขีดที่ตำแหน่งบอกราคาค่าหัวที่บ่งบอกว่า....มันคือราคาตามแต่จะเรียกร้อง

     

     

     

     

     บิ๊กบอส Black Hole

    [หน้ากากองค์จักรพรรดินี]

    ค่าหัว:  - 

     

     

    ศีรษะของสตรีผู้ขึ้นชื่อว่า....[ปีศาจจากบรรพกาล]

     

     

     

     

    "ฉันเอางานนี้มาสเตอร์!"ชายหนุ่มดึงใบล่าค่าหัวปีศาจร้ายบนบอร์ดส่งให้กับมาสเตอร์วัยชราหลังเคาน์เตอร์ไม้เพื่อรอรับคำยินดียอม...หรือคำห้ามปราม

     

     

     

     

    "คิดจะล่าค่าหัวบิ๊กบอสของ Black Hole?....ฟู~"เสียงทุ้มใหญ่ของชายชราเอ่ยถามเบาๆมือเหี่ยวย่นยกซิการ์ม้วนใหญ่ขึ้นสูบอย่างเคยชิน อัดควันสีขาวขุ่นเข้าปอดก่อนจะเหลือบมองนักล่าค่าหัวหนุ่มเบื้องหน้าพรางหัวเราะเบาๆในลำคอ

     

     

     

     

    "เออสิว่ะทำไม...มีปัญหารึไง?"

     

     

     

     

    "อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเลยแบบเอ็งมันยังไม่ถึงเวลา...และคงไม่มีวันนั้นด้วย"คำตอบจากฝ่ายชายชราเรียกริ้วความโกธรให้พาดผ่านบนใบหน้ากร้านแดดของนักล่าหนุ่มเสียงใหญ่เอ่ยตะคอกตอบกลับถ้อยคำดูหมิ่นอย่างเดือดดาล

     

     

     

     

    "พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงว่ะ!ดูถูกกันรึไง ไอ้แก่!"

     

     

     

     

    "ฉันแค่พูดตามความจริงไอ้เด็กเมื่อวานซืน..."

     

     

     

     

    "!!!!????...."สิ้นเสียงเรียบของมาสเตอร์คล้ายสัญญาณความอดทนพุ่งถึงขีดสุดร่างสูงของนักล่าหนุ่มผู้ถูกหยามชื่อชักเอาอาวุธสีเงินมันวาวขึ้นจ่อคอหอยของชายแก่อย่างรวดเร็วสมฝีมือฝ่ายผู้ถูกโลหะไล้เลียผิวกายใส่ทำเพียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย....ก่อนน้ำเสียงแสนขี้เล่นจากผู้มาใหม่จะเข้ามากั้นกลางระหว่างสงครามขนาดย่อมภายในร้าน 

     

     

     

     

    "โว้วๆใจเย็นๆก่อนครับ คุณนักล่าค่าหัว อย่าถึงขั้นต้องเล่นของมีคมกันเลย"

     

     

     

     

    "......."ดวงตาสีขุ่นตามอายุวัยหันไปมองเจ้าของเสียงนิ่งภาพเบื้องหน้าคือชายหนุ่มวัยรุ่นใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัดกับกางเกงสเเล็คและหมวกทรงปานามาสีดำขลับอันเป็นเอกลักษณ์ที่คุ้นตาข้างกายประดับด้วยกระเป๋ากล้องใบใหญ่และตัวกล้องรุ่นพิเศษที่คล้องอยู่ที่ลำคอจบด้วยรอยยิ้มกว้างฉาบบนใบหน้าคมคายอย่างคนอารมณ์ดีที่ส่งมาให้ทั้งชายชราและนักล่าหนุ่ม 

     

     

     

    "อย่าเข้ามาเสือก!"

     

     

     

    "ผมไม่ได้อยากยุ่งกับเรื่องของคุณหรอกแต่ถ้าคุณเป่าหัวผู้ชายคนนี้ไป แล้วใครจะขึ้นเงินให้กับพวกคุณในอนาคตละครับ"

     

     

     

    "มาสเตอร์ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกคุณ...แค่อยากเตือนในฐานะคนที่ดูแลการขึ้นค่าหัวมานานใช่ไหมครับ มาสเตอร์?"คนทำหน้าที่เจรจาสงบศึกเอ่ยเหตุผลร้อยแปดอย่างใจเย็นพรางเหลือบมองคนใจร้อนที่เริ่มละหลวมต่อการป้องกันภัยอันตรายปลายเท้าใต้รองเท้าหนังขยับแผ่วเบาไร้เสียง เหยียบลงบนเงาใต้ร่างของนักล่าค่าหัวก่อนจะยกยิ้มมุมปากเหมือนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แล่นผ่านเงาของเขาไปยังเงาของอีกฝ่าย

     

     

     

     

    "ฟู~....ก็แล้วแต่จะคิด ฉันมันแค่คนขึ้นเงินกับรับศพ"

     

     

     

     

    "หึ!กะอีแค่หัวผู้หญิงคนเดียวมันจะไปยากอะไร....ไอ้พวกที่ทำพลาดมันก็แค่พวกไร้น้ำยา!!"นักล่าหนุ่มสถบเสียงลั่นอย่างหัวเสียเอ่ยปากถึงสตรีผู้เป้าหมายที่นักล่าค่าหัวทุกคนต่างลงความเห็นว่าเป็นปีศาจที่ไม่ควรย่างกลายเข้าใกล้...ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ

    ....

    ...

    ..

    .

     

    [คิดแบบนั้นจริงๆหรือ....เด็กน้อย].....แว่วเสียงหนึ่งกระซิบชิดข้างริมหู

     

     

     

     

    "เฮือก!!....ส...เสียงใครวะ!?"ร่างหนาสะดุ้งสุดตัวพรางหันมองรอบทิศทางแต่กลับไม่พบผู้เอ่ยเสียง แววตาสีเข้มสั่นไหวเพียงชั่วครู่กับปรากฏการณ์แปลกประหลาดท่าทีที่เรียกรอยยิ้มของหนุ่มอารมณ์ดีในยกกว้างขึ้นไปอีกขั้นก่อนจะเอ่ยทีเล่นมีจริงอย่างนึกสนุก

     

     

     

     

    "เสียงเตือนจากพระเจ้ารึเปล่าครับ?"

     

     

     

     

    "ประสาท!...พระเจ้ามันคงไม่เสียเวลามาพูดกับคนอย่างกูหรอก"

     

     

     

     

    "ก็แค่หูแว่ว...."นักล่าค่าหัวหนุ่มพึมพำเบาๆราวกับปลอบใจในอกให้หยุดกระตุ้นถี่รัวอย่างคนหวาดหวั่นในความกลัวที่ไร้ตัวตนมือหนาคลายออกจากใบประกาศปีศาจร้าย...ก่อนจะกำมันแน่นอีกคราเมื่อประโยคที่คล้ายน้ำมันบริสุทธิ์จากชายชราราดรดบนกองเพลิงสีชาดให้ลุกโหมกระหน่ำอีกครั้ง

     

     

     

     

    "หูแว่วหรือแค่กลัวจนประสาทหลอนไอ้ลูกหมา...ฟู~"

     

     

     

     

    "กูจะลากหัวปีศาจบ้าบออะไรนั่นมาเอง!....ให้มึงรู้ว่าดูถูกผิดคนไอ้แก่ใกล้ตาย!!"เสียงตะคอกดังลั่นเป็นตัวปิดสงครามระหว่างนักล่าค่าหัวต่างรุ่นมือแกร่งกระชากใบประกาศบนเคาน์เตอร์ไม้ก่อนกระแทกสันเท้าเดินหายลับไปจากร้านโดยไม่กล่าวลาทิ้งไว้เพียงคำพูดท้าทายที่ไร้ลายลักษณ์กับแววตาของมาสเตอร์ที่มองแผ่นหลังของนักล่าหนุ่มด้วยแววตาเวทนา

     

     

     

     

    "ไปซะแล้ว~....คุณก็ไปยุเขานะครับ มาสเตอร์"

     

     

     

     

    "ท่านรับรู้แล้วใช่ไหมครับ...ระวังภัยด้วยนะครับ"เสียงทุ้มของเอ่ยถามด้วยความกังวลกับผู้รับฟังที่ไร้ตัวตนในสายตาผู้อื่นดวงตาสีเข้มก้มลงมองเงาใต้ร่างของตนที่สั่นไหวเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะแน่นิ่งไปพร้อมกับเสียงตอบกลับคำถามที่ดังแว่วจากที่ใดสักแห่งในโลกสีมืด...

     

     

     

     

    [เรารับรู้แล้วจ๊ะ].....แว่วเสียงหวานดังกระซิบข้างกาย

     

     

     

     

    "นึกคึกอยากมาถ่ายอะไรในบาร์เก่าๆของฉันหรือ....คุณตุลย์?"เสียงทุ้มของมาสเตอร์สูงวัยเอ่ยเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้ละไปจากการคุยกับผู้สนทนาไร้ร่างมองสบแววตาขี้เล่นของอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับย้ายร่างมานั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ 

     

     

     

     

    "ผมแค่อยากมานั่งพักหาอะไรเย็นๆดื่ม...แค่นั้นเองครับ มาสเตอร์"

     

     

     

     

    "หึ~ คำว่า [แค่นั้น] จากนักล่าข่าวของท่านหญิง...มันเชื่อถือได้ด้วย? หรือว่าอยากมาทำหน้าที่เสริฟ์ในร้านกัน?"สถบเบาๆกับคำตอบของบุคลากรจากหลุมดำสีมืดที่ชี้นิ้วเลือกเครื่องดื่มที่หมายตาก่อนจะเอ่ยถามถึงหน้าที่การงานที่คาดว่าเหมาะแก่การอยู่ในร้านเหล้าของนักล่าข่าวเบื้องหน้าซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับมุขตลกร้ายด้วยแววตายินดี

     

     

     

     

    "ก็เป็นความคิดที่ดีนะครับผมว่าผมก็เป็นงานในระดับหนึ่งนะ..."

     

     

     

     

    "ยินดีที่ได้รับใช้และลาก่อนนะครับ....คุณนักล่าหัว"ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยประโยคประจำของเหล่าบริกรที่แสนคุ้นหูอย่างขบขันโค้งเล็กน้อยให้กับนักล่าหนุ่มผู้จากไป....และคงไม่กลับมาเอ่ยวาจาอีกครา 

     

     

     

     

    หากคุณนักล่าหัวผู้โชคร้ายลองสังเกตให้มากอีกเพียงนิด....สัญลักษณ์บนเข็มกลัดสีทองแวววาวของผู้ขึ้นชื่อว่านักล่าข่าว

    คงเป็นตัวเปลี่ยนให้เส้นตายของชีวิต....ยังไม่ถูกขีดจบเร็วนัก

    ...

    ..

    .

     

    "ขอบใจนะจ๊ะ....ไม่ต้องเป็นห่วงนะแล้วก็ฝากทักทายมาสเตอร์ด้วยนะจ๊ะตุลย์"เสียงหวานจากร่างใต้ชุดคลุมสีขาวเอ่ยแผ่วเบาฝากวานสายลมให้นำพามันไปส่งให้ถึงผู้รับฟังหนุ่มก่อนเงาของบางสิ่งจะทาบทับบังบดร่างของตนจากแสงอาทิตย์เบื้องบนนัยน์สีมุขหันไปมองด้านหลังพรางแย้มยิ้มหวานให้กับร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำขวับอย่างคนระเบียบจัดดวงตาข้างขวาปิดบังนัยน์ตาด้วยผ้าหนังสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ที่คุ้นตา

     

     

     

     

    "ท่านลืมกางร่มกันแดดอีกแล้วนะครับกรุณาระวังร่างกายหน่อยสิครับ นายแม่"เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์เอ่ยเตือนนายเหนือหัวอย่างอ่อนใจกับนิสัยขี้ลืมหรืออาจจงใจมือหนากระชับด้ามร่มคันใหญ่เพื่อบังแสงตะวันที่สาดกระทบกายสีซีดของนายเหนือหัว 

     

     

     

     

    "เราใส่ผ้าคลุมยาวเป็นทางแบบนี้แดดคงทำอะไรเราไม่ได้หรอกจ๊ะ คุณแมวตาเดียว...เราแค่อยากเก็บสมุนไพรเดี๋ยวก็กลับเข้าไปแล้วนะ"หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับความขี้ห่วงเกินเหตุของเลขาคนสนิทมือบางยกผ้าคลุมสีขาวที่ลากยาวจรดพื้นที่สวมใส่อยู่ให้เจ้าของชื่อ แมวตาเดียวได้วางใจ

     

     

     

     

    "แต่ก็ควรระวังครับผ้าคลุมกันได้ไม่หมดหรอกครับ.....ท่านจะทำชากับขนมเค้กหรือครับ?"แมวตาเดียวเอ่ยย้ำอีกครั้งก่อนจะเหลือบมองตะกร้าในมือบอสใหญ่ที่มีสมุนไพรนานาพันธุ์มือหยาบใต้ถุงมือสีเนื้อเอื้อมหยิบตะกร้าใบเล็กมาถือเพื่อความสะดวกในการคัดเลือกพืชต้นจิ๋วของนายหญิง

     

     

     

     

    "จ๊ะสมาชิกใหม่ตัวน้อยคนนี้...เขาชอบดื่มชาแถมยังชอบทานขนมด้วยนะ"ร่างกายบอบบางเอื้อมเด็ดช่อสมุนไพรพรางเอ่ยตอบคำถามจากเลขาคนสนิทหวนนึกถึงร่างตัวน้อยของสมาชิกใหม่ที่คงชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจ....

     

     

     

     

    .....ก่อนร่างกายใต้ชุดคลุมจะหยุดเคลื่อนไหวเมื่อภาพบางอย่างแล่นเข้ามาในมโนทัศน์อย่างรวดเร็ว...

     

     

     

     

    "ผมจะให้คนเตรียมครัวให้นะครับ....นายแม่?"แมวตาเดียวชะงักเมื่อนายเหนือหัวปิดเปลือกตาลงมือเรียวเลื่อนขึ้นวางบนเหนืออกแนบนิ่งลักษณะท่าทางที่ผู้ใต้บัญชารู้ดีว่าควรเงียบ....ช่วงเวลาที่นายหญิงกำลังใช้สายเลือดโบราณที่สถิตอยู่ในกาย

     

     

     

     

    "แล้วก็ฝากอีกเรื่องด้วยนะคุณแมวตาเดียว"นัยน์ตาใต้เปลือกตาสีหวานลืมขึ้น เผยแววตาสีแปลกอันแสนคุ้นเคยที่คนสนิทรู้จักดีก่อนเสียงหวานจะเอ่ยแผ่วเบาแต่ทว่าทรงอำนาจในทีมอบหมายคำไหว้วานให้กับชายร่างสูงเบื้องหน้า

     

     

     

     

    "......"

     

     

     

     

    "อีกไม่กี่วันเราคงจะต้องเตรียมรับแขก รู้สึกคุณแขกจะกำลังเตรียมของเยี่ยมให้เราซะด้วยแต่น่าเสียดาย....."

     

     

     

     

    "เราชอบช่อดอกไม้มากกว่ากระสุนโลหะ"

     

     

     

     

    "ฝากคำขอบคุณไปให้กับ....คุณนักล่าค่าหัวผู้ไร้บัตรเชิญด้วยนะจ๊ะคุณแมวตาเดียว"แววตาสีแปลกมองสบกับเลขาคนสนิทอย่างสื่อความหมายกลีบปากบางแย้มยิ้มหวานพรางยกตะกร้าสมุนไพรบนมือของอีกฝ่ายไว้ข้างกายก่อนเสี้ยววินาทีเพียงกระพริบตาร่างบางใต้ชุดคลุมของบิ๊กบอสแห่งห้วงสีมืดก็หายลับไปท่ามกลางสายลมทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและหนึ่งบุคคลในชุดสูทที่โค้งรับบัญชาของนายเหนือหัว

    ....

    ...

    ..

    .

    "รับบัญชาครับ....[องค์จักรพรรดินีสีขาว]"

     

     

     

     

     

     

    [หากอยากเฉียดกลายเข้าใกล้]

    [ก็จงจดจำทฤษฎีของมัน....ให้สลักลงในใจ]

    ..

    .

    [ก่อนเผลอพลั้งร่วงลง....จนสาบสูญไปตลอดกาล]

     

     

     

     

    .....

     

     

     

     

     

    แถมพิเศษ:)

     

     

    “ไปแล้ว....รู้สึกโหว่งๆเลยนะ”เพลินมองถนนสายเดิมที่ไร้เงาของลีมูซีนคันหรูเมื่อไม่กี่นาทีก่อนน้องชายจอมแสบที่เหลืออยู่ในความทรงจำทำเอาใจหายอย่างประหลาด...แต่ก็เป็นความใจหายที่สุขใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่ามันคือเส้นทางที่ดีสำหรับเจ้าตัวเล็ก

     

     

     

    “นั้นสิแต่นายท่านบอกแล้วนิ ว่าถ้ามีงานแถวๆนี้ น้องก็มาเยี่ยมพวกเราได้”เสียงหนึ่งเอ่ยปลอบเพื่อนสาวอย่างเข้าใจเพราะพวกเธอทุกคนรู้สึกไม่ต่างกัน ก่อนเสียงทุ้มหวานของเจ้านายใหม่จะเอ่ยอย่างขำขัน

     

     

     

    “เชื่อฉันเถอะไม่จำเป็นต้องมีงานฉันว่าก็มี...คนแถวๆนั้นพาน้อง มาหาพวกเธอแน่ๆ”

     

     

     

     “คนบางคน...จริงเหรอค่ะคุณเจ้าหญิง”

     

     

     

    “จริงสิคนหน้านิ่งปากเหล็กน่ะ...เอาล่ะๆไปดูห้องพักแล้วก็งานคร่าวๆก่อนเถอะ”เจ้าหญิงเน้นเสียงที่ประโยคหน้าเล็กน้อยพรางคิดถึงเจ้าของชื่อที่ป่านนี้คงขมวดคิ้วกุมจมูกที่จามไปหลายทีก่อนร่างอวบจะหันเดินกลับเข้าไปในตัวร้านพร้อมเหล่าช่างตัดเย็บชุดใหม่

     

     

     

    “คนหน้านิ่งที่คุณเจ้าหญิงหมายถึงเนี่ยใครกันนะ พี่แคร์?”

     

     

     

    “ฮิ...พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”แคร์เอ่ยตอบคำถามของน้องสาวคนสนิทรอยยิ้มบางฉาบลงบนใบหน้าหวานเมื่อหวนนึกถึงประโยคลับจากคนใต้หน้ากากหมูป่า

     

     

     

     

    [เชื่อฉันเถอะ...เฮียกาน่ะคงได้เลื่อนขั้นทอมให้กลายเป็นคนใกล้ชิดเร็วๆนี้ละ!]

    ...

    ..

    "ห้วงสีมืดกับแสงสีสว่าง...คงเป็นสิ่งคู่กันมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ"

     

     

     

     

    ____AnotherSide...[3]____

     

     

     

    โซนอธิบาย :

     

    - เสื้อที่ทอมและพวกแคร์ใส่ในนอกเวลางานเป็นชุดที่พวกแคร์ตัดเย็บกันเองค่ะเพราะมาดามใหญ่ไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ค่ะ


    - ทั้งแคร์และทุกคนมีฝีมือเย็บผ้าและตัดชุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะเฮียกาที่สังเกตเห็นก็เลยใช้เป็นปัจจัยหลักในการเลือกร้านในการทำงานของสาวๆค่ะ


    - ร้านใต้การดูแลของ BlackHole มีหลายร้านนะคะ ทั้งเสื้อผ้า อาหาร เฟอร์นิเจอร์แต่ทุกร้านจะแยกตัวมาอยู่ด้านนอกองค์กรเพื่อหารายได้ส่วนหนึ่งเข้าองค์กรค่ะ และใช้เป็นแหล่งสะสมข่าวจากภายนอกด้วยค่ะ


    - [ศิริพัชตา]เป็นร้านใต้การดูแลของ Black Hole เช่นกันค่ะ


    - หน้ากากเจ้าหญิงเป็นเจ้าของร้านและเป็นอดีตเสนาธิการฝ่ายตะวันออกที่เกษียณแล้วสรุปง่ายๆคือเป็นรุ่นพี่ของเฮียค่ะซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่นับได้ว่าเข้าใจเฮียกาที่สุดเลย


    - เพราะเกษียณแล้วหน้ากากเจ้าหญิงถึงไม่ได้ใส่หน้ากากเวลาอยู่ข้างนอกนะคะ 


    - คนที่ต้องสวมหน้ากากเวลาอยู่ด้านนอกจะมีแค่เฉพาะบิ๊กบอส เสนาธิการ รองเสนาธิการ ค่ะ นอกนั้นจะใช้ใบหน้าจริงแต่ใช้ชื่อ aka ในการเรียกเหมือนกันค่ะ


    - จะสังเกตว่าแม่หมอใส่ประโยคบางอย่างไว้ในช่วงนี้ด้วยนะคะ:)

     

     

    - ทฤษฏีหลุมดำนิลยกมาสามข้อค่ะข้อ 1 และ 2 เป็นของจริงที่นำมาปรับแต่งนะคะแต่ข้อที่ 3 เพิ่มเติมจากจินตนาการค่ะซึ่งจะเป็นการเกริ่นนำบทของแต่ละตัวละครค่ะ

     

    past กฏข้อที่ 1เป็นของระฆังจิงโจ้ค่ะ :) 


    - [สมิงสีชาด]เป็นตัวประกอบค่ะ เป็นหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่เคยขายข้อมูลเท็จให้ BlackHole ทำให้ฝ่ายจิงโจ้ต้องมาตามเก็บ เนื่องจากมีความสามารถที่เหมาะสมกับการจัดการกับความสามารถผิวแข็งของสมิงสีชาดค่ะ


    - ชื่อ [นรินทร์]เป็นชื่อจริงของ [เสือสีชาด] 


    - [มันติคอร์]เป็นสายเลือดพิเศษของสมิงสีชาดค่ะ โดยในความเป็นจริง [มันติคอร์]จะเป็นปีศาจสิงโตในตำนานกรีกค่ะ


    - เชียงราย เชียงใหม่ในความเป็นจริงเป็นแมวของพี่อาร์ม[ระฆัง]นะคะแต่แม่หมอนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเนื้อเรื่อง โดยทั้งสองตัวจะเป็นงูพิษค่ะและทั้งสองตัวจะแยกกันอยู่ อยู่ในตัวคุณระฆังหนึ่งและคุณจิงโจ้ค่ะ [สายพันธุ์ : งูแบล็กแมมบา]


    - ระฆังจิงโจ้ จะเรียกงูทั้งสองว่าลูกนะคะ


    - ในตอนนี้ความสามารถของระฆังจะถูกบรรยายนิดๆค่ะให้ลุ้นว่าความสามารถจริงๆของ [Madusa] จริงๆแล้วคืออะไร


    - ครามเป็นตัวประกอบเช่นกันค่ะ เป็นฝ่ายช่วยเหลือระดับเสนาธิการค่ะ[ไม่ใส่หน้ากากแต่มีชื่อแทนนะคะ]


    - ฉากเรทก็ดูกันต่อไปค่ะ5555555555

     

     

     past กฏข้อที่ 2เป็นของมังกร ปลาหมึก คุณผี[เล็กๆ]


    - นักล่าข่าวก็เหมือนเป็นนักข่าวหรือแฮกเกอร์ผิดกฏหมายที่คอยขโมยข้อมูลค่ะ


    - คนในจอที่แทนตัวด้วย[D] คาดว่าทุกคนน่าจะรู้ว่าคือใครนะคะ555 เป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของBlack Holeค่ะ


    - ดวงตาเทียมในเรื่องมังกรกับระฆังเป็นคนสร้างค่ะ[ประหนึ่งหนังไซไฟ]


    - จะเห็นว่าแม่หมอใช้คำว่า[ชีววิทยา] กับมังกร เพราะในความจริงพี่บุ๋มเป็นด๊อกเตอร์ค่ะ[แต่เป็นด้านอื่นนะคะ]เลยให้บทเป็นในแนวอัจฉริยะที่สร้างเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตได้

    - เฉลยอีกเรื่องคือระฆัง เป็นแพทย์ค่ะ


    -ในตอนนี้อาจจะงงเล็กน้อยเพราะมีคำว่าทะเบียนราษฎร มาเกี่ยวข้อง อธิบายง่ายๆคือ เป็นข้อมูลชื่อของทุกคนที่รัฐบาลจะบันทึกไว้ตอนเราเกิดและไปเรื่อยๆจนตายค่ะ แต่คนในโลกมืดจะไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรนะคะ


    - ทะเบียนราษฎรแฮกไม่ได้แน่ๆเพราะมันเป็นรหัสระดับประเทศ...แต่Black Hole มีความอลังการค่ะแฮกได้ทุกอย่าง[โม้สุด!]


    - นักล่าข่าวที่เป็นตัวหลักของตอนนี้ถึงจะเป็นคนในโลกมืดแต่อีกด้านเป็นคนในสภารัฐมนตรีของโลกเบื้องหน้าค่ะทำให้มีชื่อในทะเบียนราษฎรด้วยเช่นกันแต่เนื่องด้วยเป็นคนของสภาที่เป็นแค่ในนามเงาที่ไร้ตัวตนค่ะทุกคนรู้ว่ามีอยู่เฉยๆแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร  เพราะฉะนั้นถึงถูกลบชื่อทิ้งไปก็ไม่มีใครตามตัวได้อยู่ดีจึงไม่เป็นปัญหาระหว่างโลกเบื้องหน้าและโลกเบื้องหลังค่ะ


    -ในตอนนี้ปลาหมึกก็ใช้สายเลือดพิเศษค่ะ[Kraken] แต่จะมีวิธีใช้ยังไงก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปค่ะ

     

     

     

     past กฏข้อที่ 3เป็นของนายแม่[บอสใหญ่] แมวตาเดียว


    - ค่าหัวของนายแม่เป็นอนันต์ค่ะไม่มีขีดกำจัด ขอแค่ฆ่าได้จะเรียกเท่าไหร่ไม่อันค่ะ

    - ตุลย์เป็นนักล่าข่าวที่เดินสายไปเรื่อยๆค่ะ เป็นตัวประกอบที่ค่อนข้างมีบทบาทพอตัวค่ะ[ไม่ใส่หน้ากากเช่นกันค่ะ]


    - แมวตาเดียวเป็นเลขาของนายแม่ค่ะคล้ายๆรองบอสเลยก็ว่าได้


    - จากการบรรยายจะเห็นว่านายแม่มีลักษณะพิเศษหลายอย่างนะคะแต่จะมีอะไรบ้างต้องรอลุ้นกันไปเรื่อยๆค่ะ 


    - ความสามารถของนายแม่ยังคลุมเครืออยู่อาจจะงงนิดหน่อย แต่นางมีความเทพค่ะ [ก็เป็นบอสเชียวน้าา5555]

     

    -ทั้งสามพาร์ทจะเน้นนิสัยของตัวละครหลักค่ะจะมีแปลกๆไปจากลุคเดิมของตัวจริงนะคะ[เตรียมรับความชั่วร้ายของคนแต่งค่ะ555]และมีการเฉลยถึงตำแหน่งของแต่ละคนด้วย

     

    - ส่วนตอนพิเศษก็....ชงเข้มๆให้อีกากินทุเรียนไปโล้ดค่าา5555

     

     

    จบโซนอธิบาย :)

     

     

     

    Nilkan Talk :

     

    มาเวิ่นต่อค่าา ตอนที่ 3 คลอดแล้วค่าาจุดพลุฉลองชัย[ทำเหมือนแต่งจบแล้ว แฮร่!]

    รู้สึกแต่ละตอนจะเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆๆ555 ตอนนี้ยาวมากๆๆๆด้วยเนื้อหาและการบรรยายล้วนๆเลยค่ะ 

     

    ในตอนนี้นิลใส่รายละเอียดของทุกตัวละครหลักเลยค่ะมาหมดทั้งระฆังจิงโจ้ มังกรปลาหมึกโดรน บอสแมวตาเดียวเป็นการเปิดตัวนิสัยและวิธีการทำงานของแต่ละคนค่ะ [ระฆังจิงโจ้ยาวสุดด้วยความติ่งอันแรงกล้า:))]

     

    ต่อจากตอนนี้ไปก็จะเข้าสู่องค์กรอย่างจริงๆจังๆความสัมพันธ์ เหตุการณ์ต่างๆจะเริ่มลงล็อคไปเรื่อยๆมาร่วมติดตามเรื่องราวหลุมดำหลุมน้อยนี้ไปด้วยกันนะคะ ขอบคุณค่าา ///หายลับกลับไปตายคากองงาน TT

     

     [ปล.ถ้าชาวระฆุระฆิ ชาวร็อค ชาวนุช ชาวตะมุตะมิและทุกคนๆที่เจอแม่หมอตามงานทักทายได้เลยนะคะ ไม่กัดค่าาา ปลอดภัย เรียกแม่หมอก็รุู้เลยค่ะสังเกตง่ายๆว่าจะเป็นผู้หญิงตัวเกือบใหญ่ ใส่หมวกสีดำใบใหญ่ๆแว่นตากลมๆกับต่างหูอันเท่าบ้าน รับรองคนแบบเรามีคนเดียวในโลกเลย:))))))]

     

     

    คอมเม้น ติชม กันได้นะค่าา

    เม้น 1เม้นเป็นพลังได้เนอะ :)

     

     

    { แท็กฟิค #anothersideTMหรือ #นิลฟิค  }

    แท็กในทวีตมาหวีดกันได้นะค่าา 





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in