เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
os,sf whatevergreenasavocado
BOO! 1
  • note: เพิ่งนึกได้ว่าอะไรแบบนี้ควรแต่งเป็นจอยลดา



    BOO!

               พลั่ก! ตุบ!

               เสียงแผ่นหลังที่โดนผลักเข้ากับกำแพงโสโครกและหมัดเปลือยของลีเจโน่ที่กระทบเข้ากับใบหน้าของนาแจมินดังมากพอที่จะทำให้คนที่เดินผ่านไปมารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ฝ่ายถูกกระทำได้รับ

               “แฮ่ก..​พอรึยัง” เจโน่ปล่อยแขนลงข้างตัว

               “ยัง”

               “ตาจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว”

               “ถ้ากูไม่เป็น เดี๋ยวมึงก็จะได้เป็นแทน”

               “ไหวแน่นะ”

               “อือ”

               เจโน่ซ้อมแจมินต่ออีกไม่รู้นานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงหวอตำรวจที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนโหวกเหวกมาจากอีกฝั่งของตรอกจนต่างคนต่างยิ้มเบาๆให้กันแล้วหนีกระเจิงไปคนละทาง

               

               มันเป็นแบบนี้มาโดยตลอด เจโน่กับแจมินต้องทำเป็นเกลียดกันถึงแม้ว่าในใจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยก็ตาม เพียงเพราะพี่ชายของทั้งคู่เกลียดกัน ทำไมต้องพาลให้พวกเขาเกลียดกันด้วยนะ เจโน่ไม่เข้าใจเลย

               เจโน่ถูกเลี้ยงโดยพี่ชายคนเดียวมาตลอดชีวิต ส่วนพ่อแม่.. ตายห่าอยู่ที่ไหนเจโน่ไม่รู้หรอก แจฮยอนทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีชีวิตที่สุขสบายขึ้น ทำทุกอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ตาม

               มีช่วงหนึ่งที่แจฮยอนกลับบ้านมาในสภาพที่ดูแทบไม่ได้ มีทั้งแผลแตกและที่เลวร้ายที่สุดคือแผลจากการโดนมีดฟัน หลังจากเค้นจนพี่ชายรำคาญถึงได้คำตอบมาว่ากลุ่มของพี่ชายมีคู่อริเข้าให้เสียแล้ว

               คำภาวนาของเจโน่ไม่เป็นผลเอาเสียเลย ตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ยูตะ พี่ชายแจมิน

               “น้องมันก็เหมือนพี่มันนั่นแหละ มึงจำเอาไว้”


    BOO!


               อย่างน้อยในเหตุการณ์บ้าๆนี่ก็ยังโชคดีอยู่บ้าง เจโน่ไม่เคยเล่าให้แจฮยอนฟังเกี่ยวกับเรื่องที่โรงเรียกสักเท่าไหร่ ถึงอยากจะเล่าแจฮยอนเองก็ไม่เคยอยู่ฟังเลยสักครั้ง

               “ให้ตาย”

            “อืม”

            “แล้วยูตะรู้หรือยังว่ากูเป็นใคร”

            “รู้”

            “แล้วว่าไง”

            “...”

            “พูดมา”

            “ก็ให้เลิกคบ”

               แล้วคิดว่าไอ้เด็กเกเรแบบพวกเขาทั้งสองคนจะยอมหรือไง แจมินกับเจโน่ยังคงอยู่ด้วยกันที่โรงเรียน แอบไปเกมส์เซนเตอร์ด้วยกัน จนถูกคนในกลุ่มยูตะไปเจอเข้า และแน่นอนว่าเรื่องนี้ไปถึงหูแจฮยอนด้วยเหมือนกัน

               เจโน่ตัดสินใจต่อยเข้าที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแรงระหว่างทางกลับบ้าน และส่งข้อความไปบอกแจมินให้ทำแบบเดียวกันเพื่อที่จะได้มีข้ออ้างโง่ๆว่าพวกเขาน่ะ กำลังต่อยกันอยู่ต่างหาก


    BOO!


               ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พวกเขาถูกจับได้ว่าอยู่ด้วยกันอีกแล้ว เรื่องราวถึงได้มาจบแบบนี้

               “มึงไปทำอะไรมา”

               “อะไร”

               “ที่มือมึง”

               “อือ แจมิน”

               “ครั้งนี้ใครชนะ”

               “กู”

               แจฮยอนยิ้มออกมาแล้วตบบ่าของเจโน่ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะเดินสวนออกไปหลังจากที่เจโน่เดินเข้ามานั่งถอนหายใจโง่ๆอยู่ที่โซฟาแค่ห้านาทีเท่านั้น

    J.

    เป็นไงบ้าง?

    ก็ช้ำ

    กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น

    ยูตะไม่ซ้ำกูหรอกมึงก็รู้

    แต่บอกให้กูไปเอาคืน

    โอ้

    กูต้องเจ็บตัวอีกแล้ว

    เมื่อไหร่ดี

    จนกว่าจะโดนจับได้อีกทีแล้วกัน

    แล้วคืนนี้ยังไงดี

    งดไปก่อนสิ

    ตามึงบวมเป็นกบขนาดนั้น

            

               แจมินหมายถึงการออกไปโกงเงินเครื่องล้อตโต้ที่เกมส์เซนเตอร์แถวนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในเมื่อเขาเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กสันดานโจรแบบนี้ตั้งแต่เกรดสี่โดยมีผู้ร่วมกระบวนการคือเจโน่

               เด็กจนๆสองคนที่อยากกินสมาร์ตี้จะทำยังไงได้ นอกจากการขโมย เพียงแต่ว่าพอโตขึ้นก็หาวิธีที่จะโกงแบบที่ดูเหมือนไม่โกงเท่านั้นเอง

               

               เจโน่ค้นพบวิธิหมุนล้อตโต้ให้ได้ตรงกันทุกรอบหลังจากที่เจอเครื่องที่เสียแล้วถูกทิ้งไว้ที่กองขยะหลังเกมส์เซนเตอร์ เขาลงทุนนั่งตากยุงรอจนดึกดื่นจนคนเริ่มซาแล้วถึงลากเครื่องเกมส์ที่หนักกว่าตัวเองไปที่โรงรถที่บ้านแล้วเริ่มแกะดูชิ้นส่วนด้านใน

               เขาเข้าใจระบบมันทั้งหมดและจะไม่หยุดได้เงินจากมันตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล

               

    แจมินหาว่าเจโน่เนิร์ด แต่ใครจะสนกันล่ะในเมื่อตอนนี้เขามีเงินเก็บมากกว่าที่ใครจะนึกออก มากพอที่จะหนีไปได้ไกล ไกลจนไม่มีใครหาเจอ

    BOO!

               “มึงอย่าโง่นักเลยเจโน่ เราหนีไม่พ้นหรอก” แจมินพูดปนขำราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดอยู่ฟังดูโง่เสียเต็มประดา

               “ยังไม่ได้ลองเลย”

               “มันไม่ได้มีโอกาสให้ลองหรอก ถ้ามึงจะทำ มันต้องสำเร็จเท่านั้น”

               “...”

               “ถ้าโดนจับได้แล้วโดนแยกไปตลอดชีวิต สู้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีกว่าเหรอวะ”

               ความสัมพันธ์ของแจมินกับเจโน่ไม่ธรรมดามานานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร ทำทุกอย่างแบบที่คนรักกันทำ แต่บางทีต่างฝ่ายต่างก็หิ้วผู้หญิงกลับบ้านอยู่ดี

               “มึงไม่เบื่อเหรอ เราแทบจะเดินเฉียดกันไม่ได้ด้วยซ้ำ”

    แม้แต่ที่โรงเรียน

               แจมินกับเจโน่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสมอในเวลาเบรก ไม่ว่าจะพักกลางวันหรือเป็นแค่ช่วงสิบนาทีระหว่างเปลี่ยนห้องเรียน

               ตรงแท็งค์น้ำหลังโรงเรียนเป็นที่ที่มีความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่การต่อเลโก้ เล่นบอร์ดเกมส์ เล่นบทบาทสมมติที่ต่างคนก็เล่นเป็นตัวร้ายกันทั้งคู่ หรือแม้กระทั่งการสูญเสียจูบแรก

            “อย่างน้อยมันก็จะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วไม่ใช่หรือไง”

               “แต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”


    BOO!


               

    “กูจะสัก”

    “อะไรของมึงอีกล่ะ ไม่กลัวเจ็บหรือไง”

    “ก็คงไม่เจ็บไปกว่าที่มึงต่อยหรอกมั้ง”

    เจโน่ชักไม่แน่ใจว่าแจมินแกล้งเกลียดกันหรือว่าเกลียดกันจริงๆ เพราะตอนที่แจมินเอาคืนครั้งล่าสุด มันชกเข้าที่เบ้าตาจนเลือดคั่งและเกือบบอดแล้วจริงๆ

    “ขอโทษอ่ะ ไม่ได้ตั้งใจ มันแม่นเอง”

    “ไม่ได้โกรธ พูดไปงั้นเอง”

    “ลายอะไร”

    “เดซี่” แจมินมินปิดปากกลั้นขำ แต่สุดท้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอยู่ดี

    “ขำอะไรขนาดนั้น”

    “เป็นตุ๊ดหรือไงถึงคิดจะสักลายหน่อมแน้มแบบนั้น”

    “เพราะมึง”

    “เกี่ยวอะไรกับกู”

    “จูบแรก มีดอกเดซี่บานอยู่ตรงนั้น” เจโน่ชี้ไปที่สนามหญ้าใกล้ๆกัน

    “...”

    “หลังจากนั้นเห็นแล้วก็นึกถึงตลอดเลย”

               “เชี่ย น้ำเน่าอ่ะ”

               “เรื่องของมึง ไม่ได้จะบอกให้ซึ้งซักหน่อย”

               โง่งี่เง่า สุดท้ายดอกเดซี่ก็มาอยู่ตรงข้อเท้าด้านในของแจมินจนได้



    #BOOnomin



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in