"รอน! ถ้าเธอยังไม่รีบล่ะก็เราจะไปสายนะ"
เด็กสาวพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายผสมอารมณ์ขุ่นมัว จ้องมองเพื่อนชายคนสนิทจากอีกฝั่งของโต๊ะอย่างไม่วางตา ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยี่หระต่อสถานการณ์ใดๆ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะยกหนังสือในมือฟาดเข้าที่ใบหน้ากวนโอ้ยสักทีสองที
"ไอ่เอาอ่าเออร์ไอโออี้ อำไอเอาอ้องอืบ ไอเอื้อองอ๋อนอังอู่องอี๊"
โรนัลด์ วิสลีย์ พูดด้วยน้ำเสียงที่จับใจความไม่ได้ กระพุงแก้มทั้งสองข้างยังคงเต็มตุ่ยไปด้วยทาร์ตผลไม้และน้ำฟักทอง แต่มือไม้ที่บุ้ยใบ้ไปทางเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่เคียงข้างเจ้าตัวก็พอจะทำให้คู่สนทนาเดาประโยคได้ไม่ยากเย็นนัก
"ใช่ ยิ่งเพราะแฮร์รี่เป็นคนสอนเรายิ่งไม่ควรไปสายถูกไหม?" เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย "แล้วที่สำคัญหล่อนยังอยู่ที่นี่" เธอพูดพร้อมกับชำเลืองหางตาไปยังโต๊ะของเหล่าศาสตราจารย์ตรงตำแหน่งที่หญิงวัยกลางคนในชุดสีชมพูดแสบตากำลังนั่งอยู่จิบไวน์แกล้มมื้อค่ำอยู่ "พวกสลิธีลินก็ด้วย"
สองเด็กหนุ่มยืดตัวชะเง้อมองไปยังโต๊ะตัวยาวที่อยู่ถัดไปตรงสุดฟากฝั่งห้องโถง พวกเด็กบ้านสลิธีลินลิ่วล้อของศาสตราจารย์อัมบริดจ์ยังคงเพลิดเพลินกับอาหารในจานและไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
"คนอื่นๆ ใน ก.ด. ก็ทยอยลุกกันแล้วด้วย"
เด็กสาวพูดถูกนี่เป็นจังหวะที่เหมาะเม็งเสียเหลือเกินกับการแอบลุกออกจากโต๊ะมื้อค่ำในตอนที่พวกนั้นยังคงสนใจอยู่กับเนื้อซี่โครงและของหวานตรงหน้ามากกว่าศัตรูคู่อาฆาต วัยรุ่นทั้งสามมองหน้ากัน ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดย้ำใดๆ รอนจะรีบคว้าอาหารทุกอย่างที่อยู่ในจานของตัวเองใส่ปากกว้างๆ ทันที ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก้มลงจัดการเก็บข้าวของของตัวเอง
มีเพียงแฮร์รี่ที่ดูจะตัวปลิวที่สุด เพราะเด็กหนุ่มไม่มีสัมภาระและไม่ได้มีอะไรในจานมื้อค่ำให้ต้องรับผิดชอบ เลยทำได้แค่นั่งสอดสายตามองหาเพื่อนๆ ในก.ด. ว่ายังมีใครที่เหลืออยู่ที่โต๊ะบ้าง โดยเฉพาะ โช แชง เขาพยายามจะมองหาเด็กสาวบ้านเรนเวนคลอ มันคงจะดีถ้าพวกเขาจะได้ลุกออกไปพร้อมกัน แต่น่าเสียดายดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ที่โต๊ะประจำบ้านเสียแล้ว
วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเขาจริงๆ เพราะนอกจากจะพลาดโอกาสกับสาวที่แอบชอบแล้ว ความโชคร้ายก็โถมใส่อีกครั้ง ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นที่สายตาของแฮร์รี่ดันไปประสานเข้ากับดวงตาสีม่านหมอกของใครอีกคนเข้าพอดี เด็กหนุ่มใจหายวาบเมื่อพบว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองกลับมา
"รอนเธอช่วย—"
"ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ"
เพราะแฮร์รี่พูดขึ้นขัดบทเฮอร์ไมโอนี่ในระหว่างที่เธอตั้งใจจะต่อว่ารอนอีกคำรบ เลยกลายเป็นว่าทั้งสองต้องเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำอยู่หันมาหาเพื่อนสนิทแทน
"มัลฟอยกำลังมองมาทางนี้"
สิ้นคำพูดของแฮร์รี่ รอนทิ้งส้อมลงบนจานที่ยังคงหลงเหลือเยลลี่เชอร์รี่กับเศษทาร์ตผลไม้ครึ่งชิ้น เขาเคี้ยวสิ่งที่เหลืออยู่ในปากและกลืนลงคออย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่คว้ากระเป๋าใบเล็กขึ้นพาดบ่าทันที พวกเขาทนนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่ราวๆ สองสามนาที ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะประจำบ้านเมื่อรอนและแฮร์รี่สังเกตว่ามัลฟอยไม่ได้จ้องมองมาทางนี้อีกต่อไป วัยรุ่นทั้งสามพรวดพราดออกมาที่โถงทางเดินใหญ่ สาวเท้าจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วเพื่อให้พ้นบริเวณที่โล่ง
"หมอนั่นจะแอบตามเรามาหรือเปล่า? มันจะเอาไปฟ้องยัยคางคกแก่นั่นไหม?"
รอนพูดรัวเร็ว เขามีสีหน้าตื่นตระหนก แต่ดูเหมือนจะมีความไม่พอใจร่วมอยู่ในน้ำเสียงด้วย อันที่จริงเหมือนจะว่าเขาจะไม่พอใจเป็นส่วนใหญ่เสียมากกว่าอีก
"ไม่รู้สิ" เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า เธอดูกังวลเล็กน้อย "แต่ถ้าเขาตามมาจริงๆ เราควรแยกกันให้สับ—"
คำพูดของเด็กสาวชะงักลงเมื่อพบว่าเบื้องหน้าของพวกเขามีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ วัยรุ่นทั้งสามยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความสับสนระคนตกใจ
"นั่นอะไรน่ะ!?"
"ไม่รู้เหมือนกัน"
เป็นรอนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน ส่วนแฮร์รี่ได้แต่ตอบคำถามด้วยคำตอบที่สับสนไม่ต่างกัน ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่จะใจเย็นมากกว่าเพื่อน แม้ว่าเธอจะมีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคน เธอเพ่งมองดูอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่สิ่งนั้นลอยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"เหมือนจะเป็น... นกกระดาษนะ..."
นกกระดาษฝูงหนึ่ง น่าจะราวๆ สักสิบตัวกระพือปีกเล็กๆ อยู่กลางอากาศมุ่งตรงดิ่งมาหาพวกเขา
"ไอ้นี่มาจากไหนกันนะ?"
เป็นรอนอีกแล้วที่ยังคงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยแต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำตอบให้กับเขาอยู่ดี ทั้งสามคนได้แต่ยืนหนึ่งอยู่กับที่จนกระทั่งฝูงนกกระดาษเริ่มบินวนอยู่เหนือหัวของแฮร์รี่ นกกระดาษตัวหนึ่งบินลงมาเกาะบนมือข้างซ้ายของเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์ ก่อนที่จะบินขึ้นไปรวมกลุ่มกับตัวอื่นที่เหลืออีกครั้ง พวกมันลอยอยู่เหนือศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิง พากันกระพือปีกอยู่สองสามครั้ง
และ... ระเบิดออกเป็นดอกไม้สีเหลืองสดโปรยลงมาราวกับสายฝน
"อะไรอีกเนี่ย!?"
จอมโวยวายแห่งกริฟฟินดอร์รีบปัดเศษดอกไม้ที่ร่วงลงมาโดนตัวเขาราวกับว่ามันเป็นแมงมุมตัวใหญ่ เด็กหนุ่มพยายามถอยห่างจากฝนดอกไม้ให้ได้มากที่สุด ทิ้งเพื่อนสนิททั้งสองที่ยังคงเงยหน้าจ้องมองจนกระทั่งดอกไม้ดอกสุดท้ายที่หล่นลงมาติดบนเส้นผมของตัวเอง
เฮอร์ไมโอนี่หยิิบดอกไม้สีเหลืองสดออกจากเรือนผมสีน้ำตาลหยักศกของเธอ พินิจพิเคราะห์มองดูมันอยู่ครู่หนึ่ง
"นี่มันดอกรู้ดเบคเกีย มันไม่ใช่ดอกไม้ที่จะหาได้ในประเทศนี้..."
"ใครสนเล่าว่ามันดอกอะไร! ฉันว่าเรามาเป็นห่วงก่อนดีกว่าไหมว่ามันติดคาถาสาปแช่งอะไรมาด้วยหรือเปล่า!?" เด็กหนุ่มแหวเสียงขุ่น ดูจะตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเสียอีก "แฮร์รี่นายรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวบ้างไหม!?"
"ไม่นะ"
"เจ็บแผลเป็นหรือเปล่า!?"
"ก็ไม่อะ"
มาถึงประโยคนี้เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตถึงกับเผลอยกมือขึ้นสัมผัสแผลเป็นของตัวเอง เมื่อสองหนุ่มแห่งกริฟฟินดอร์สำรวจกันจนถี่ถ้วนแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของเพื่อนสนิทตัวเอง เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มจึงได้โอกาสพูดเมื่อสถานการณ์ตื่นตระหนกดูจะเบาบางลง
"ฉันว่ามันไม่ได้ส่งมาจากคนที่ต้องการปองร้ายหรอก น่าจะเป็นของขวัญจากแฟนคลับแฮร์รี่หรือไม่ก็ผู้หวังดีกับเรามากกว่า"
"ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น?" รอนถาม
"ก็ดอกรู้ดเบคเกียมันมีความหมายว่า การให้กำลังใจนี่นา"
"แล้วทำไมเธอถึงรู้ทุกอย่างไปซะหมดเลยเนี่ย?"
"เพราะฉันใช้เวลาว่างอย่างมีค่าในช่วงปิดเทอมหาหนังสือมาอ่านน่ะสิโรนัลด์"
รอนเม้มปาก ใบหน้าของเขาแดงก่ำดูเข้ากันกับสีผมของตัวเอง แต่ไม่ใช่เพราะความโกรธเคือง ดูเหมือนจะเป็นความอาย
"บางทีอาจจะเป็นใครสักคนในก.ด.ส่งมาก็ได้" เด็กสาวพูดพลางปัดเศษดอกไม้ออกจากเสื้อคลุมของตัวเอง
"ว่าแต่แฮร์รี่นายรู้ไหมว่าใครส่งมา?"
ดวงตาสีเขียวเข้มจดจ่อกับดอกรู้ดเบคเกียสีเหลืองสดในมือ เขาไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนสนิทในทันที แต่กลับล่องลอยอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่หลายวินาที
"ไม่รู้หรอก"
ใช่แฮร์รี่ไม่รู้หรอก ทั้งเท็กเจอร์กระดาษที่คุ้นตา ทั้งวิธีการพับที่งอปีกของนกลงมาแบบนั้น รวมถึงกลิ่นโคโลญจ์เฉพาะตัวที่ติดมากับมัน
ถึงจะไม่เข้าใจความหมายหรือเหตุผลที่ของขวัญชิ้นนี้ถูกส่งมา แต่มันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวอยู่ในอกอย่างช่วยไม่ได้
-----------------------------------
Talk. สุขสันต์วันเกิดนะยัยเค้ก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in