..........
ตอนที่ 39 : บางครั้งจุดจบก็คือจุดเริ่มต้น #อวสาน
หลังจากวาร์ปกลับมาที่ตึกใหญ่ที่เคลโอ ผมกับริกพากันเดินลงไปข้างล่าง ระหว่างทางชั้นข้างบนผมยังไม่เจอซอมบี้เหมือนที่ม่อนว่าสักตัว แต่เมื่อลงมาถึงชั้นแรกเท่านั้นแหละ ทุกอย่างที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามตอนต้นตอนนี้กลับกลายเป็นซากข้าวของเกลื่อนกราดแตกหักเสียรูป ผู้คนที่เคยลงทะเบียนกันอย่างหนาแน่นตอนนี้กับโล่งหายไปกันหมด
“ไหนวะซอมบี้” ริกถามพลางเปลี่ยนแม็กกระสุนปืนสั้นของตน ทำเอาผมเพิ่งรู้ว่าตนเองเหลือแต่สไนเปอร์ที่สะพายอยู่ที่หลังกับมีด ปืนกลก็ดันไม่ได้หยิบมาด้วย
“หรือว่านี่มันตอนกลางวัน” ผมพูดเมื่อเห็นแดดเปรี้ยงข้างนอก
“มันเกี่ยวด้วยหรอวะ ที่เราเจอมาไม่ว่าจะมืดจะสว่างมันก็โผล่มาหมดแหละ” ริกตอบพลางเดินนำออกมายังบริเวณที่กว้างกว่าก่อนจะหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับยกมือเป็นสัญญาณให้ผมหยุด
ผมชะโงกออกไปดู เห็นซอมบี้กลุ่มหนึ่งเดินไปมาอยู่หน้าตัวอาคาร นี่ยังไม่นับซอมบี้ที่เดินพล่านไปทั่วบนท้องถนน
“พวกนี้แค่มีดก็เหลือแหล่แล้ว” ผมบอกสายตาจับจ้องไปยังซอมบี้ที่เดินปวกเปียกไปมาไร้จุดหมายปลายทาง “หน่วยเราคงอพยพคนไปกันหมดแล้วล่ะ” ผมพูด
“งั้นเราก็ไปดูที่สำนักงานกันก่อน แล้วเดี๋ยวยังไงต่อค่อยว่ากันอีกที” ริกว่า ผมเห็นด้วยก่อนที่เราทั้งคู่จะพากันเดินออกจากมุมแล้วเดินเข้าไปปะทะกับเหล่าซอมบี้ที่แห่แหนกันเข้ามาไม่หยุด แต่พวกเรามีประสบการณ์มากพอที่จะจัดการพวกมันได้อย่างสบายหลังจากผ่านอะไรที่หนักหนามามากกว่านี้
เมื่อพวกเราก้าวออกไปนอกตัวอาคาร ซอมบี้ทั้งท้องถนนต่างพากันหันมาทางพวกเราเป็นตาเดียวเหมือนกับเราเป็นเนื้อย่างหอมๆสองชิ้นที่ให้ตายอย่างไรก็ต้องกินให้ได้
“รถ !” ริกชี้ไปยังรถตำรวจที่จอดอยู่ตรงที่จอดรถหน้าตึก ผมวิ่งนำไปก่อนพลางใช้มีดเสียบเข้าไปใต้คางทะลุเข้าไปในหัวก่อนดึงออกมาพร้อมกับเลือดสีดำที่ไร้ออกซิเจน โชคดีที่กุญแจยังคาไว้
ผมบิดสตาร์ทเครื่องก่อนจะรีบถอยหลังไปรับริกขึ้นมา ผมขับมุ่งออกไป ผ่านร้านค้ามากมายที่ตอนนี้กลายเป็นซากไปหมดแล้ว ร่องรอยการต่อสู้ ซากศพที่เกลื่อนพื้น ฝูงซอมบี้ที่กระหายเลือดเดินไปทั่วทุกหนแห่ง หมดแล้วซึ่งอารยธรรมของมนุษย์ และนี่ก็คือความผิดพลาดของผมเอง ผมเหยียบคันเร่งก่อนจะเลี้ยวที่สี่แยกหน้า ชนซอมบี้กระเด็นไปตัวหนึ่งที่ทะเล่อทะล่าเดินเข้ามา
“เดี๋ยวกูบอกไอเอิร์นกับไอเปาก่อนว่าให้ไปเจอกันที่สำนักงาน” ริกพูดพลางหยิบไอดีการ์ดขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันใช้อะไรเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนกลไก แต่เท่าที่ดูคงเหลือแค่ 4ใบเท่านั้นซึ่งก็คือพวกเรานั่นเอง
“ไม่ต้อง บอกมันให้ไปเจอกันที่ศูนย์บัญชาการใหญ่เลย เจอกันที่นู่นทีเดียว” ผมบอก
“ก็ได้ ตอนนี้มันคงออกมากันแล้วมั้ง”
ผมจอดรถหน้าสถานีตำรวจของตัวเมืองเคลโอก่อนจะเปิดประตูรถลงไป ถีบซอมบี้ที่วิ่งเข้ามากระเด็นไปนอนกับพื้นถนน ก่อนพากันวิ่งเข้าไปในสถานี สิ่งของด้านในถูกรื้อกระจายไปทั่ว กระดาษเอย เอกสารเอยปลิวว่อนกระจายไปทั่วสถานี ผมเดินเข้าไปข้างในผ่านเคาน์เตอร์รับร้องทุกข์ เข้าไปในส่วนสำนักงาน ตอนนี้สถานีแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปซะแล้ว ผมกับริกเดินลงชั้นใต้ดินเพราะเราเป็นหน่วยพิเศษที่แยกออกมาอีกต่างจากตำรวจทั่วไป
“เดี๋ยวกูไปหาอาวุธก่อน เจอกันห้องประชุม” ริกแยกตัวออกไปยังคลังเก็บอาวุธ ผมจึงเดินต่อเข้ามาในห้อง ตรงไปยังโต๊ะทำงานของผม เปิดลิ้นชักออกหยิบปืนเดสเสิร์ทอีเกิ้ลออกมาใส่ในซองเก็บปืนข้างตัวก่อนสังเกตเห็นว่าบอร์ดที่เอาไว้แจกแจงรายละเอียดมีรูปไอ้ผู้บริหารบ้านั่นแปะไว้ ผมเดินเข้าไปใกล้เพื่อที่จะได้อ่านรายละเอียดของมันชัดๆมันบอกข้อมูลประวัติของผู้บริหารที่พวกเราเพิ่งจัดการกันไปไม่นาน
ชื่อ : ไม่ทราบ
อาชีพ : ไม่แน่ชัด
ตำแหน่ง : หัวหน้าคุมการทดลองยาและไวรัสกลายพันธุ์ของบริษัทALIVE สั่งการทุกอย่างตามหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายมาอีกที
ผมอ่านได้นิดเดียวก็ต้องทึ่งไปกับข้อมูลที่สมองเพิ่งได้รับไปชั่วครู่“หมายความว่าไงหมายความว่านั่นมันแค่หุ่นเชิดอีกทีนึงรึ?” ผมคิด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธเพิ่มมากขึ้น มันเหมือนกับพวกเราเดินตามหมากพวกมันมาตั้งแต่ต้น แถมยังติดกับเข้าไปเต็มๆ อย่างนั้นเหรอ
ผมเหลือบสายตาไปมองกระดาษที่มีลายมืออันคุ้นตาเขียนไว้
“หน่วยของเราถูกย้ายไปอยู่ศูนย์บัญชาการลับ พวกเราจัดตั้งกองรบพิเศษขึ้นปราบปรามเหล่าอมนุษย์และหาทางหยุดยั้งวิกฤติการณ์บ้านี่ก่อนที่มนุษย์จะสูญพันธุ์ แล้วเจอกัน”
ผมละสายตามาจากกระดานเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของริกเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอาวุธ “ นายน่าจะเข้าไปในห้องประชุมนะมีแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับไอ้บริษัทเกมส์นี่เต็มไปหมด” ริกถามพลางยื่นกระเป๋าหิ้วสีดำสนิทใบหนึ่งให้ ซึ่งของข้างในคงเป็นกระสุนและอาวุธไม่ผิดแน่
ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมรวบเอกสารต่างๆ เป็นกองๆก่อนจะหอบมันขึ้นมาแบ่งส่วนหนึ่งให้ริกถือไว้
“มึงจะเอาไปทำไม ไม่อ่านซะที่นี่เลยล่ะ” ริกถาม
“ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องไปศูนย์บัญชาการลับให้เร็วที่สุดเพื่อหยุดสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้” ผมพูดก่อนหันหลังเพื่อจะออกจากห้องประชุม
“สงครามอะไรวะ”
“ไอ้ผู้บริหารนั่นเป็นเพียงหุ่นเชิด ตัวการที่แท้จริงเรายังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและเป้าหมายคืออะไรแต่ดูจากรายงานและข้อมูลที่กูอ่านคร่าวๆ ในแฟ้ม มันกำลังจะสร้างกองทัพอมนุษย์ขึ้น ซึ่งนั่นคงเป็นเหตุให้เบื้องบนก่อตั้งหน่วยรบพิเศษขึ้นมาและเราต้องรีบหยุดและจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” ผมกล่าว
“งั้นที่เราลุยกันมานี่ก็เหลวไม่เป็นท่าเลยสินะ” ริกพูดก่อนจะเดินขึ้นบันไดตามผมขึ้นมา
“ใช่ และกูจะไม่พลาดท่ามันซ้ำสอง คราวนี้แหละเราจะเป็นฝ่ายถล่มมันเอง”ผมพูด
“เพื่อนกูนี่โหดจริงๆ วุ้ย ! กูเอาด้วยโทษฐานปั่วหัวพวกเรา”
“รีบไปกันเถอะ พวกเรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ” ผมพูดพลางโยนแฟ้มเอกสารทั้งหมดไว้หลังรถก่อนจะขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปสู่เส้นทางที่ยังอีกยาวไกล
……….
“นี่สรุปพวกมันไม่รอเราจริงๆ สินะ” เอิร์นพูดเมื่อยืนอยู่หน้าประตูตึกALIVE พลางฟาดหัวซอมบี้ด้วยกระถางดอกไม้
“ยังไงก็ไปเจอกันที่ศูนย์อยู่ดีล่ะน่า” เปาว่า
“เฮ้อ ! อีกตั้งไกล เป็นอาทิตย์แน่ๆ งานนี้” น้ำเสียงเอิร์นเหนื่อยล้าเต็มที
“เดินทางไปเรื่อยๆ ชิวๆ ไม่เหนื่อยหรอกน่ายังไงพวกเราก็ติดต่อกันทางไอดีการ์ดได้อยู่ดี มันยังไม่เสียนี่” เปาเดินออกไปเห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดทิ้งไว้กลางถนนสภาพน่าจะยังใช้การได้อยู่
ทั้งคู่พากันเดินไปยังรถเอิร์นเปิดประตูเข้าไปสตาร์ทรถจากสายไฟขาดๆ ก่อนขึ้นนั่งเก้าอี้คนขับ เปาขึ้นตามมาติดๆ ก่อนจะยื่นปืนออกไปยิงซอมบี้เงอะงะที่เคาะประตูรถ
“ออกเดินทาง !” เอิร์นตะโกนลั่นราวกับว่าตนยังไม่เหนื่อยผิดกลับท่าทางเมื่อกี้ลิบลับ
ทั้งสองพากันบึ่งรถออกจากเมืองเคลโอที่ตอนนี้กลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน เต็มไปด้วย เลือดที่ไหลเป็นทางยาวตามพื้น ซากศพที่ถูกกัดแทะแหว่งเป็นส่วนๆ เศษเนื้อที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่เต็มไปทั่ว ไร้ร่องรอยผู้รอดชีวิตอย่างสิ้นเชิง เหลือแต่เหล่าซอมบี้ที่กระหายเลือดและเนื้อมนุษย์เท่านั้นที่อาศัยในเมืองแห่งนี้ เมืองที่เคยรุ่งโรจน์ เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี เมืองที่ชื่อว่าเคลโอ
“ลาก่อน ALIVE กูคงไม่กลับมาเล่นมึงอีกแน่ๆ กูสาบาน !” เอิร์นชะโงกหน้าออกมานอกตัวรถ ตะโกนลั่นแข่งกับเสียงลมที่ปะทะใบหน้าก่อนกลับเข้าไปมุ่งมั่นกับการขับรถต่อ แสงอาทิตย์สีส้มทอประกายสาดส่องไปทั่วท้องถนนและผืนฟ้า ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะค่อยๆ ร่วงลับหายไป
..........
“ไว้พบกันใหม่นะ แสงสว่าง” ผมพูด
“บ่นอะไรของมึง” ริกละสายตามาจากแฟ้มเอกสารที่ตักก่อนหันมาถามผมด้วยสีหน้าเหมือนกับผมได้พูดอะไรที่มันเห่ยสุดๆออกไป
“ยุ่งน่า”
……….
จบภาค เกมส์ ซ้อน เกมส์
……….
ก็จบไปแล้วสำหรับตอนสุดท้ายของภาคนี้ ก่อนอื่นเลยก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ตามอ่านกันมาจนจบภาคนะครับ “ขอบคุณครับ” แต่เรื่องราวการผจญภัยยังไม่จบสิ้นลงแค่ตรงนี้นะครับยังมีการผจญภัยอื่นๆ เหตุการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก นักอ่านท่านใดสนใจก็กดปุ่มซับติดตามกันไว้ได้เลยคับพ้ม
ปล. อ่านจบกันไปแล้วกับภาค เกมส์ซ้อน เกมส์ สนุกกันมั้ยเอ่ย? มีความเห็นอย่างไรกันบ้าง บอกให้ผมรู้บ้างสิ ผมจะได้นำไปแก้ไปปรับปรุงใหม่ในภาค ในเรื่องต่อๆ ไป ขอบคุณครับผม
ปล. อีกนิด | ขอฝากเพจนักเขียนของผมด้วยครับ เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ก็เอาไว้รวบรวมงานเขียนต่างๆเนอะ ใครสงสัยอะไรตอนไหน ไม่เข้าใจอะไร ไปถามกันได้นะเออ จะตอบให้ได้จ้า (เอ้ายังไง)
https://www.facebook.com/mr.wrunk
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in