..........
ตอนที่ 3 : โดนซุ่มยิง
ผมกับริกค่อยๆ เดินผ่านซากรถที่ถูกจอดทิ้งเอาไว้ ระหว่างทางก็คอยมองหาสิ่งของซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทั้งยังระวังเหล่าซอมบี้ที่อยู่ดีๆ ก็พากันเดินตามหลังพวกเราซะงั้น ตอนนี้พวกมันมีท่าทีแปลกๆ อยู่ดีๆ วิ่งแล้วก็หยุดบ้างก็ร้อง บ้างก็ทุบรถ
“ท่าทางมันแปลกๆ ไปนะ” ริกหันมาบอก
“เพิ่งจะสังเกตรึไง ดูโน่น !” ผมชี้ให้ดูว่าไม่ใช่แค่ข้างหลังที่มีพวกซอมบี้ แต่ตอนนี้สองข้างทางที่เป็นป่าอยู่ๆก็มีพวกมันเดินกระเผลกๆ ออกมาให้พรึ่บ
“วิ่งเหอะ” ริกบอก
“คิดเหมือนกัน งั้นเริ่มเลยนะ 1...2.....3 ! ” สิ้นเสียงนับผมกับริกพากันวิ่งสุดชีวิตชนิดว่าไม่หันไปมองข้างหลัง มองเพียงจุดหมายซึ่งก็คือประตูทางเข้าหมู่บ้านข้างหน้าเท่านั้นพวกเราทั้งเอี้ยวตัวหลบสิ่งกีดขวางบ้าง เสาไฟฟ้าบ้าง ไหนจะต้นไม้ที่ล้มลงมา ทั้งปีนรถที่ขวางทางกระโดดไปมาตามรถคันนี้ทีคันนู้นทีคล้ายกับว่ากำลังเล่นฟรีรันนิ่งกันอย่างไรอย่างนั้นทั้งๆ ที่พวกเราสองคนต่างก็ไม่เคยเล่นเลยแม้แต่น้อย
เริ่มวิ่งกันได้ซักพักผมจึงหันหลังไปมองบ้างแต่สิ่งที่เห็นกับเป็นซอมบี้ที่มันดันวิ่งเร็วกว่าที่คิด ไหนจะสองข้างที่เริ่มกระหนาบข้างพวกเรามาแล้วผมกับริกจึงได้แค่คอยจัดการซอมบี้บางตัวที่เข้าถึงตัว พวกเราต่างวิ่งไปหวดไม้ไป บ้างฟาดออกไปเพื่อป้องกันตัวเองจากพวกมันซึ่งแห่มาแทบจะรอบด้านตอนนี้พวกเราเริ่มใกล้หน้าประตูไปทุกที
“ถ้าตาไม่ฝาดประตูมันล็อคอยู่นะนั่น” ริกพูด
“ไงต่อล่ะทีนี้ มันคงไม่เจ็บมากใช่มั้ยถ้าโดนรุมทึ้งเนี่ย?” ผมหันไปถาม
“จะไม่มีใครตายทั้งนั้นแหละ” ริกพูดพร้อมกับคว้าขวดเหล้าที่มีจุกผ้าพันไว้ที่ปากขวดออกมาจากกระเป๋า“ฝากถือแปปดิ้” มันโยนไม้เบสบอลของมันมาให้ผมก่อนจะล้วงเอาไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เฮ้ยๆ ! ถ้ามึงหยุดวิ่งก็เสร็จมันนะเว่ย คิดก่อนดิวะ” ผมพูดเมื่อเห็นมันทำท่าจะหยุดวิ่ง
“แล้วใครบอกว่าจะหยุดวิ่งเล่า” พูดจบริกจุดไฟ หันหลัง โยนขวดเหล้าออกไปกลางอากาศ ตกลงบนหลังคารถคันหนึ่งเกิดเปลวไฟแผ่ขยายเป็นวงกว้างออกไปหลายเมตร
พวกเราหยุดวิ่ง ยืนหอบอยู่หน้าประตูทางเข้า ก่อนที่ผมจะสังเกตว่าซอมบี้ที่อยู่สองข้างทางมันหายไปแล้วหรือว่าพวกเราวิ่งฆ่าไปหมดแล้วผมก็ไม่แน่ใจ
“ซอมบี้มันหายไปไหนหมดวะ?” ริกถาม
“พวกเราจัดการไปหมดแล้วมั้ง”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ?”
“ว่าแต่เอาไงต่อทีนี้ ประตูก็เข้าไม่ได้” ผมถามขณะมองลอดประตูเหล็กซึ่งมีแผ่นไม้มาตอกปิดเพิ่มความแข็งแรงของทางเข้าหมู่บ้านซึ่งมีกำแพงสูงกั้นล้อมรอบตัวหมู่บ้านเป็นทุนเดิม
“เราเลาะไปตามกำแพงเถอะมันอาจจะมีทางเข้าอื่นอีกก็ได้ พวกซอมบี้บางตัวที่รอดจากไฟเริ่มเห็นพวกเราแล้วด้วย”ริกว่า
“อือ งั้นไปทางซ้ายละกัน” ผมพูดพร้อมกับเดินนำทาง
พวกเราเดินเข้าป่าโดยเลาะตามกำแพงหมู่บ้านมาเรื่อยๆหวังว่าจะมีทางเข้าอื่นบ้าง ระหว่างทางที่เดินก็ยังคงเจอซอมบี้ประปรายซึ่งก็ยังดีที่พวกเราสามารถหลบออกมาจากการไล่ล่าของกลุ่มใหญ่ได้
“คงไม่มีทางเข้าอื่นแล้วมั้ง” ผมพูดเมื่อเดินได้สักพักก็ยังไม่เจอ
“มันต้องมีสิวะ ไม่งั้นเราลองปีนกำแพงเข้าไปมะ?” ริกถาม
“กำแพงมันสูงนะเว้ย 6 เมตรได้มั้งเนี่ย”
“ก็ปีนต้นไม้ข้ามไปสิวะไม่เห็นจะยาก”
“เอาจริงดิ !” ผมตกใจเมื่อเห็นว่าริกเริ่มปีนต้นไม้ขึ้นไปแล้ว ยังดีที่ต้นไม้กิ่งก้านหนาและแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักตัวไว้ได้ผมกับริกถือเป็นคนรูปร่างสมส่วนปกติ ความสูงก็ไร่เรี่ยกัน
เมื่อเห็นริกปีนไปได้ซักสามสี่เมตรผมจึงปีนขึ้นไปบ้าง ไม่นานพวกเราก็อยู่ในจุดที่สูงกว่ากำแพง และมันทำให้เราสองคนรู้ว่าความคิดที่ปีนขึ้นมานั้นถูกต้องเพราะพวกเราสองคนไม่เจอทางเข้าอื่นเลยจากบนนี้แต่ยังไงก็ยังมีอุปสรรคตรงที่ว่าเราไม่สามารถข้ามไปได้ง่ายๆ เพราะระยะระหว่างต้นไม้กับกำแพงอยู่ห่างกันเกือบสองเมตรเลยทีเดียว
“เอาไงต่อทีนี้” ผมถาม
“เห็นกิ่งไม้บนหัวมั้ย ที่มันยื่นออกไปทางกำแพงน่ะ” ริกชี้กิ่งไม้ที่มันว่า
“อย่างน้อยมันก็ช่วยลดระยะทางลงได้บ้างแหละ” ริกพูดก่อนเริ่มปีนไปข้างบนอีกขั้นหนึ่ง
“เอาไงก็เอา มาถึงขั้นนี้และ มึงโดดก่อนเลย” ผมบอกมัน
“เอาล่ะนะ !” ริกเริ่มวิ่งออกไปบนกิ่งไม้ก่อนกระโดดเมื่อสุดทางข้ามไปยืนบนขอบกำแพงได้สำเร็จ
“โดดเลย” ริกหันกลับมตะโกนบอก
“เออๆ” ผมใช้เวลาสักครู่เพื่อทำใจ ก่อนออกวิ่งไปบนกิ่งไม้แต่คราวนี้กับได้ยินเสียงดัง เปรี๊ยะ ก่อนที่กิ่งไม้ที่วิ่งอยู่จะหักลงซึ่งผมยังโดดได้ไม่สุดดีจึงทำให้ระยะทางมันไม่ถึง
“เฮ้ยย !” ผมร้องด้วยความตกใจเมื่อตัวเองกำลังจะตกลงไปยังพื้นซึ่งสูงร่วม6 เมตร แต่ไอริกก็คว้ามือผมไว้ได้ทัน
“เกือบแล้วไง !” ริกพูด ดึงตัวผมขึ้นมายืนบนขอบกำแพงที่กว้างหลายนิ้ว
“เอาซะเสียววาบเลย ขอบคุณมาก” ผมกล่าวขอบคุณพร้อมตบบ่าเพื่อนสนิท
“ตอนนี้ก็หาทางลงข้างล่างกันต่อ” ริกมองลงไปข้างล่าง
“เราลองเดินเลาะๆ ไปบนกำแพงกันก่อนดีกว่า สำรวจสภาพแวดล้อมไปด้วย” ผมแนะนำ
พวกเราสองคนเดินอยู่บนกำแพงหมู่บ้านซึ่งภาพที่ผมเห็นเบื้องล่างก็คือบ้านสองชั้นจำนวนมากเรียงติดกันเป็นแถวทั้งสองฝั่งหันหน้าเข้าหากันของอีกฝั่งถนนหน้าบ้านทุกหลังล้วนมีสนามหญ้าสีเขียวสด บางบ้านมีม้านั่งสีน้ำตาลอ่อนตั้งวางอยู่หน้าบ้านหรือบางบ้านก็มีชิงช้าผูกห้อยไว้กับต้นไม้
บ้านทุกหลังถูกออกแบบมาให้คล้ายกันทั้งสองฝั่ง มันมีทั้งสิ้น3 ช่วงถนนได้ โดยมีข้างหลังของหมู่บ้านเป็นบริเวณขายของต่างๆ มีร้านค้ามากมายที่ผมคิดเช่นนี้เพราะว่าแถวนั้นการจัดรูปทรงของตัวอาคารมันดูผิดแปลกไปจากส่วนอื่นอีกทั้งยังมีป้ายร้านอาหารและร้านขายของอยู่จำนวนมาก
“ลงตรงนี้น่าจะได้” ริกพูดพร้อมกับมองลงไปยังหลังคาบ้านข้างล่างซึ่งสูงห่างจากขอบกำแพงไม่มากนัก
“ต้องโดดอีกแล้วเรอะ?” ผมถาม
“เออดิ หรือมึงหาทางลงที่ดีกว่านี้ได้”
“แค่ถามไปงั้นแหละน่า” ผมมองลงไปยังหลังคาที่เป็นเป้าหมาย
“มา ! คราวนี้เปิดก่อนเอง” ผมกระชับข้าวของให้มั่นก่อนกระโดดลงไปบนหลังคาข้างล่างทั้งๆที่มือข้างหนึ่งก็ยังถือท่อนเหล็กอยู่
“เหวออ ! ลื่นๆๆ” ด้วยหลังคามันเป็นกระเบื้องหนาปูเป็นทางลาดลงมาอีกทั้งเหลือมือข้างเดียวผมเลยไม่ถนัดในการหาที่ยึดเกาะ ผมลื่นไถลลงมาสุดหลังคาคว้ารางน้ำฝนได้ทันจนตัวเองอยู่ในสภาพห้อยอยู่กับหลังคาบ้าน ท่อนเหล็กตกอยู่ในรางน้ำ
ริกกระโดดลงมา คว้ากึ่งกลางหลังคาบ้านไว้ได้ทัน แต่ก็ไม่วายหัวไปกระแทกกับกระเบื้องหลังคาเข้าดังปึ้ก !
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะเมื่อเห็นตอนมันกระโดดลงมา
“หัวเราะเข้าไป เชิญห้อยไปเลยนะตรงนั้นน่ะ”
“ไม่เอาน่า ขอโทษครับลูกพี่”
“โยนท่อนเหล็กขึ้นมา จะได้ปีนขึ้นมาง่ายๆ” ริกนั่งอยู่บนกึ่งกลางของหลังคาบ้าน
“นี่คือช่วยแล้วใช่มั้ย?” ผมโยนท่อนเหล็กขึ้นไปข้างบน ริกรับไว้ได้พอดี
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ?” ริกถาม
“เอาเหอะ รอแปปนึง” พูดจบผมก็ออกแรงเท่าที่มีค่อยๆ ดึงตัวเองขึ้น พยายามปีนย้อนขึ้นไปนั่งบนกึ่งกลางของหลังคาบ้านได้สำเร็จซึ่งกินเวลานานพอสมควร
“เราคงต้องโดดลงระเบียงชั้นสอง จะได้เข้าทางหน้าต่างได้” ผมออกความเห็นหลังจากเห็นว่าพวกเราพร้อมที่จะไปต่อเมื่อนั่งพักเหนื่อยกันอยู่สักพักใหญ่
“คงต้องเป็นงั้นล่ะว่ะ” ริกค่อยๆ เขยิบตัวลงไปตามทางลาดของหลังคาไปทางหน้าบ้านเรื่อยๆเพื่อที่จะได้กระโดดลงไปง่ายๆ ผมค่อยๆ ตามมันไปช้าๆ กลัวจะลื่นอีก
ปัง ! ปัง ! ระหว่างที่เรากำลังจะลงก็เกิดเสียงปืนขึ้นมาสองนัดผมเห็นกระเบื้องข้างๆ ตัวแตกดังเพล้งเพราะกระสุนปืนที่ยิงมา
“ไอบ้าเอ้ยย !” ผมสบถ คิดได้ว่าพวกเราอยู่บนที่โล่ง พยายามมองหามือปืน
“รีบโดดลงไปสิวะ !” ผมตะโกนบอกไอริก
“รีบอยู่ว้อย ! จะโดนเก็บกันอยู่แล้วเนี่ย !” ริกกระโดดพรวด ลงไประเบียงชั้นสองก่อนกระแทกหน้าต่างห้องแต่ทำเท่าไรมันก็ไม่เปิดซักที
“เปิดไม่ออก!” ริกตะโกน
“หลบๆ” ผมที่กระโดดตามลงมายกปืนขึ้นยิงไปที่หน้าต่างที่ทำด้วยกระจก
“ทำไมมันไม่ยิงมาอีก เมื่อกี้เราเป้านิ่งเลยนะ?” ริกถามด้วยความสงสัย
“ไอ้นี่ ! มันไม่ยิงมาก็ดีอยู่แล้ว ดีเท่าไรแล้วที่มันยิงไม่โดนเราเนี่ย!”
“ข้าว่าอยู่ยากแล้วว่ะหมู่บ้านนี้” ริกพูด
“ก็ว่างั้นแหละ มันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเราไม่มีอะไรเลย ”
“มึงเพิ่งบอกพวกมันไปว่าเรามีปืนอยู่”
“เออแฮะ ลืมไปเลย ฮ่าๆๆ”
“ไปสำรวจของในบ้านกันเถอะ มันคงไม่กล้าบุกเข้ามาตอนนี้หรอกเราต้องรีบย้ายที่ด่วนด้วยตอนนี้มันรู้แล้วว่าเราอยู่ไหน” ริกตบไหล่ผมให้รีบลุกขึ้น
“เลยลืมหยิบท่อนเหล็กเลย วางอยู่บนหลังคาเนี่ย” ผมบอก
“เดี๋ยวหาใหม่ก็ได้ ถือปืนไปก่อนแล้วกัน อ้อ ! ยังมีมีดที่ระบบมันให้มานี่”
“เอ่อว่ะ ลืมไปแล้วนะเนี่ย” ผมเดินตามมันลงไปข้างล่าง
..........
“ยิงซะพวกมันเหวอเลย แต่ไม่ยักรู้ว่ามันมีปืนกันด้วยนะเนี่ย ไหนบอกว่าเพิ่งเข้าเกมทำไมเจอปืนเร็วจัง”ชายรูปร่างท้วมและสูงใหญ่พูดขึ้น
“พวกมันสองคนคงเข้ามาแบบวีไอพีอยู่แล้ว ให้เดานะ” ชายร่างเล็กที่อยู่ข้างหลังพูดตอบ
“ว่าแต่จะปล่อยพวกนั้นไปทั้งยังงี้หรอ” ชายร่างใหญ่ถาม
“คงงั้นแหละ ตอนนี้เรากลับที่มั่นเราก่อนเถอะ”
“มีเรื่องสนุกให้เล่นซะแล้วสิ ฮ่าฮ่า” ชายร่างใหญ่หัวเราะไปกับความคิดของเขาเดินนำชายร่างเล็กลงไปชั้นล่างของตัวบ้าน
“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว ให้มันรู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครคุม” ชายร่างเล็กพูดหลังจากละสายตาจากเจ้าสองคนที่ทำท่าลุกลี้ลุกลนระวังตัวเองกันยกใหญ่อยู่ในบ้านตรงข้ามก่อนจะเดินตามชายร่างใหญ่ลงไป
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in