เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ALIVE : เกม ซ้อน เกมNO.W
ได้ฤกษ์โกลาหล
  • ……….

     

    ตอนที่ 22 :ได้ฤกษ์โกลาหล

     

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ เพียงแค่นี้ไอดีการ์ดคุณก็จะสามารถโทรออกได้เหมือนมือถือและยังสามารถใช้วิดีโอคอลได้ด้วยค่ะ”  พนักงานหญิงกล่าวก่อนจะยื่นไอดีการ์ดส่งคืนให้กับเปาและเอิร์น

    “ขอบคุณคับ แล้วหยั่งงี้เพื่อนผมที่ไม่ได้มาต้องมาเพิ่มระบบที่นี่รึเปล่าครับ” เปาถาม

    “ไม่จำเป็นค่ะ คุณเพียงแค่ส่งคำร้องเชิญชวนให้เพื่อนคุณใช้ระบบเพิ่ม เดี๋ยวจะมีแถบขึ้นให้เพื่อนคุณโหลดแล้วใช้งานได้ทันทีค่ะ” พนักงานหญิงตอบด้วยเสียงสดใส

    “อ๋อ...คับ งั้นก็ขอบคุณมากคับที่ช่วยเหลือพวกเรา” เปากล่าวขอบคุณ

    “ไม่เป็นไรค่ะ ไว้มีอะไรให้ช่วยก็มาได้ทุกเมื่อนะคะ”

    “ขอบคุณค้าบ”  เอิร์นพูดขอบคุณก่อนผละออกมาจากเคาน์เตอร์พนักงาน แล้วเดินตามเปาที่มุ่งหน้าไปนั่งบนโซฟาสำหรับผู้เล่นที่รอใช้บริการ

    “ไอ้สองคนนั่นมันก็หายไปเลย บอกให้พวกเราไปซื้อแผนที่แล้วจะลงไปหา รอก็แล้วนี่ขึ้นมาหาชั้น 3 ก็ยังไม่เจอเลยเนี่ย”  เอิร์นบ่นขณะปล่อยตัวลงนั่งบนโซฟา

    “ไม่รู้มัน เราลองลงไปหาข้างล่างอีกทีมะ แล้วมึงก็ส่งคำเชิญให้มันโหลดโปรแกรมเพิ่มด้วยจะได้ใช้งานง่ายขึ้นหน่อย” เปาพูดพลางลุกขึ้นจะก้าวไปยังลิฟต์

    “เอ่า... เพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่าไอ้ลิฟต์ตัวสุดท้ายนั่นมันเป็นของพนักงาน เล่นตกแต่งภายนอกซะเหมือนกันหมดทุกอย่างเลยแต่ดันมีแค่สัญลักษณ์ของบริษัทอยู่บนประตู”   เอิร์นพูดพลางมองไปยังลิฟต์ตัวที่สามซึ่งเป็นตัวในสุดของชั้นนี้ซึ่งท่ามองเผินๆ คงไม่มีใครรู้

    “หยั่งงี้ต้องลองกดดูซะหน่อย”  เอิร์นพูดก่อนกดเรียกลิฟต์ทั้งของผู้เล่นและของพนักงานแต่ของพนักงานประตูดันเปิดออกก่อน  เผยให้เห็นภายในซึ่งแตกต่างกับลิฟต์ผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง  เพราะทั้งตัวลิฟต์มีแต่ประกาศที่เหมือนกับพนักงานเท่านั้นที่อ่านแล้วจะรู้ต่างกับของผู้เล่นที่จะมีโฆษณาเชิญชวนต่างๆ อยู่ทั่วตัวลิฟต์

    “เอ่า เฮ้ย ! ลิฟต์มาแล้ว”  เปาเรียกเอิร์นที่กำลังเพ่งพินิจลิฟต์พนักงานอยู่ให้ตามเข้ามาในลิฟต์

    “พวกมันไม่เห็นตอบข้อความมาเลยว่ะ”  เอิร์นเมื่อเข้ามาในลิฟต์ก็พูดขึ้นขณะมองไอดีการ์ด

     

    ……….

     

    “เอาไงล่ะมึงทีนี้”  ริกถาม ยังไม่กล้าที่จะก้าวออกไปนอกตัวลิฟต์

    “มันน่าจะมีบันไดแหละน่า คงไม่ใช่มีแค่ลิฟต์หรอก ไม่งั้นถ้าลิฟต์เจ๊งบ๊งแล้วจะขึ้นยังไงล่ะ”

    “มันน่าจะมีใช่ป่ะล่ะ”  ริกถาม

    “ใช่”

    “โอเค งั้นมึงนำเลย”  ริกพูดพลางดันผมจนออกมานอกตัวลิฟต์

    “เฮ่ยๆ อย่าผลักๆ กูเดินเองได้”  ผมกระซิบ เพราะไม่รู้ว่าข้างล่างนี่มีอะไรบ้างจึงไม่อยากส่งเสียงดังจนเกินไป ผมนึกขึ้นได้จึงเปิดเป้แล้วควานหาไฟฉายเพื่อจะได้พอส่องทางได้บ้าง

     

                ผมกับริกค่อยๆย่างก้าวออกไปทีละนิด ทุกๆ ก้าวเราจะต้องชุ่มด้วยน้ำที่ขังอยู่บนพื้น  สองข้างทางผมพอมองได้ลางๆ เป็นห้องที่มีประตูเหล็กปิดตายอยู่ยาวไปตลอดสองข้างทางจนไปสุดแยกข้างหน้า ซึ่งมีแสงไฟส่องออกมารำไรๆ

    “รู้สึกมั้ยว่ามันทั้งชื้นและเย็นแบบแปลกๆ”  ริกกระซิบตอนนี้เราสองคนเพิ่งจะมาถึงห้องแรกที่ถูกปิดล็อคไว้  มันมีลูกกรงเป็นซี่ๆ เผยให้เห็นเค้าลางของสิ่งที่อยู่ภายในทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะเงื้อมมือขึ้นเพื่อจะได้เอาไฟฉายส่อง

    “มึงจะทำอะไร”  ริกจับข้อมือผมเหมือนจะห้ามก่อนที่ไฟจะฉายเข้าไปในประตู

    “ไม่อยากรู้รึไงว่าข้างในมันคืออะไร”  ผมกระซิบถามริกที่มีสีหน้ากังวล

    “ก็อยาก...แต่ว่า...”

    “ไม่ต้องแต่แล้ว”  ผมสลัดมือมันที่จับอยู่ก่อนจะส่องไฟผ่านลูกกรงเข้าไปภายในห้อง  เผยให้เห็นสภาพห้องที่เก่าและแลดูเหมือนคุกนักโทษสมัยก่อน  อีกทั้งยังมีเตียงสองชั้นคล้ายอยู่สองฝั่งของห้อง  แต่ที่ทำให้ผมกับริกช็อคที่สุดคงไม่พ้นที่ว่ามีร่างคนถึง8 คน ที่นอนอยู่บนเตียงแต่ละฝั่งอัดเบียดกันนอนชั้นละสองคน

    “ซอมบี้หรือคนวะ”  ริกหันมาถาม

    “กูว่าเป็นแค่ศพนะ เหมือนกับนี่เป็นห้องเก็บศพเลย มึงรู้สึกมั้ยไอเย็นที่แผ่ออกมานอกห้องเนี่ยยิ่งเราเข้าใกล้ไอ้ห้องนี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเย็นขึ้น”  ผมพูด

    “อือ ก็จริง แต่ทำไมต้องเก็บศพไว้ด้วยล่ะ เกมส์มันไม่ได้สร้างซอมบี้เองรึหรือว่านี่คือศพปลอม...เอากูงงไปหมดแล้วเนี่ย”  ริกพูดพลางเกาหัว

    “ไปต่อเถอะ ยังไงเราก็ต้องหาทางขึ้นให้ได้”  ผมพูดก่อนก้าวเท้าเดินต่อ

     

                เท่าที่ผมกับริกสังเกต  ตลอดสองข้างทางจะเป็นห้องที่มีแต่ศพถูกแช่อยู่ในห้องขังโทรมๆอันที่จริงที่นี่ไม่ต่างกับอุโมงค์ท่อระบายน้ำที่ทั้งชื้น ทั้งแฉะทั้งส่งกลิ่นประหลาดตลอดเวลา  ผมปิดไฟลงเมื่อไปถึงทางแยกข้างหน้า  ถ้าเกิดพนักงานเห็นแสงไฟแล้วอาจจะรู้ได้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้

    “ทางไหนดี”  ผมกระซิบถามริกที่ยืนอยู่ข้างหลัง

    “มึงเลือกเลย ไม่อยากมาโดนด่าตอนหลัง”

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ”  ผมพยายามชะโงกหน้าออกไปมองทั้งสองทางก็ไม่พบใคร โดยที่ทั้งสองทางนี้มีไฟที่ดูติดๆดับคอยส่องแสงให้  ตัวทางเดินก็มีกล่องอะไรไม่รู้ตั้งวางอยู่ทำให้ผมไม่สามารถมองได้หมดทุกอย่าง ผมคิดระหว่างไปทางที่มีกล่อง หรือไปทางที่มีรถขนของดี  ก่อนที่จะเลือกไปทางขวาซึ่งมีกล่องอะไรไม่รู้ตั้งชิดทางขวาอยู่ซึ่งมันกำบังเราได้หน่อยถึงแม้ส่วนหัวพวกเราจะพ้นกล่องมาก็เถอะ

     

                พวกเราค่อยๆ เดินโดยริกคอยมองหลังให้จนมาหยุดอยู่หลังกล่องซึ่งเป็นกล่องลังใส่ของธรรมดาๆ ก่อนที่เราสองคนจะรู้ทันทีว่าตนคิดผิดแล้วที่มาทางนี้เพราะหลบอยู่หลังกล่องได้ไม่นาน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน ไม่สิ ออกแนวทะเลาะกันซะมากกว่า

    “คุณรู้มั้ยถ้าลาออกคุณจะโดนอะไร ซิลว่า”  เสียงชายอายุน่าจะประมาณวัยกลางคนพูดขึ้น

    “ฉันไม่ไหวแล้วกับไอ้งานบ้าๆ นี่ ! มันเหมือนกับเราเอามนุษย์มาฆ่าเล่นทั้งๆที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงตัวเองทำอะไรอยู่” เสียงผู้หญิงที่ดูอายุน่าจะอ่อนกว่าผู้ชายสักหน่อยพูด

    “นี่มันเป็นงานซิลว่า อย่าลืมสิคุณมาที่นี่เพราะอะไร คุณอยากเห็นความก้าวหน้าของวงการแพทย์ไม่ใช่รึไง”

    “ใช่ ! ตอนแรกมันควรจะเป็นยังงั้น  แต่ดูตอนนี้สิ มันกลายเป็นอาวุธไปแล้ว ! เราโดนหลอกใช้ให้มาทำอาวุธนะเอริค  ตอนนี้เรายังหาทางแก้ได้ ยังหาทางหยุดยั้งไอ้ความคิดบ้าๆนี่ได้” ซิลว่าตอบ

    “คุณก็รู้นี่ว่าไอ้พวกที่มันต่อต้านมันจะเจออะไร คุณอยากเข้าไปนอนเป็นศพอยู่ในห้องขังบ้าๆนั่นมั้ยล่ะ”  เอริคพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มดังขึ้น

    “ตอนนี้มันยังทันนะเอริค  ถ้าเกิดสายไปกว่านี้คุณคิดดูสิว่าโลกเรามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างไม่ใช่ว่าคุณจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว คุณมองไปถึงคนรอบข้างบ้าง” ซิลว่าตะคอก

     

    ตื่อดึ้ง  

     

    ……….

     

    “พวกมันไปอยู่ไหนกันวะ ดูดิเปา นี่กูส่งคำเชิญไปหามันนะเนี่ยมันยังไม่รู้เรื่องเลย”  เอิร์นพูดพลางชูไอดีการ์ดที่ขึ้นข้อความว่า กำลังเชิญชวน ริก  ให้เข้าสู่โหมดการโทรค่ะ

    “เอาเถอะ นี่ก็เพิ่งบ่ายกว่าๆ กูเริ่มหิวและ ไปหาร้านแถวๆ ตัวอาคารนี่นั่งกินอะไรเรื่อยเปื่อยรอพวกมันดีกว่าแต่ถ้าบ่ายสองแล้วยังไม่มีสัญญาณคงต้องเริ่มออกหาจริงจังแล้วล่ะ”  เปาพูดก่อนเดินผ่านประตูทางเข้าอาคารไปโดยมีเอิร์นเดินตามหลัง

     

    ……….

     

    ตื่อดึ้ง   ~ ตื่อดึ้งๆ  ~   

     

    “เสียงห่าไรเนี่ย ของมึงเปล่าไอริก”  ผมหันมากระซิบถามเมื่อเสียงเหมือนจะมาจากมัน

    “อะไรวะ ขอเชิญคุณเข้าสู่โหมดการโทรค่ะ”  ริกพูดเมื่อเห็นข้อความในไอดีการ์ด

    “กูไม่ได้อยากรู้ว่ามันคืออะไร กูอยากให้มึงปิดเสียงว้อย”  ผมพูดซึ่งเสียงมันดังพอจะทำให้คนที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ได้ยิน

    “นั่นใครน่ะ !”  ผมว่าน่าจะเป็นเอริคพูดนะ ถ้าแอบฟังไม่ผิด

    “เอาไงล่ะมึงทีนี้”  ริกถาม

    “ไม่รู้ว่ะ เผยตัวไปก่อนแล้วกัน”  ผมพูด ก่อนที่จะยืดตัวลุกขึ้นจนพ้นกล่องออกมา ทำให้ผมเห็นชายหญิงสองคนที่แต่งตัวด้วยชุดกราวน์แบบนักวิทยาศาสตร์ยืนอยู่ตรงทางเดินนอกห้องแล็บสองคน

    “แหะๆ  รู้สึกเหมือนโดนจับได้” ผมพูดเสียงอ่อย

    “ไม่ใช่แค่รู้สึกแล้วล่ะ”  ริกพูด สายตาจับจ้องไปที่สองคนข้างหน้า ที่ก็จ้องพวกเราตอบด้วยอาการวิตกกังวลไม่ต่างจากเราสองคน

    “พวกเธอเข้ามาได้ไง”  ผู้หญิงที่ชื่อซิลว่าถาม

    “ลงลิฟต์มาคับ…”  ริกตอบ

     

                ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบไม่มีใครพูดอะไร เนื่องด้วยอะไรก็ไม่รู้แหละ อยู่ๆ เอริคที่เหมือนจะตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อนก็ตะโกนขึ้น

    “รปภ.ๆ  ! มาจับไอ้หนูทดลองสองตัวที่กำลังจะหนีเดี๋ยวนี้!”

    “เดี๋ยวนะ...หนูทดลอง เราสองคนงั้นหรอวะ”   ริกหันมาถามผม

    “วิ่งหนีไปเร็วเข้า !”  ซิลว่าตะโกนมาทางเราสองคนที่ยังยืนงงอยู่ ก่อนที่ผมจะเห็นร่างดำทะมึนของชายสองคนที่วิ่งออกมาจากข้างหลังสองคนนั้น

    “ไปเร็ว ! ริก”   ผมเตือนสติ รีบบอกให้มันวิ่ง

    “พูดเหมือนรู้ทางนะมึงเนี่ย”   ริกพูด

    “หรือมึงอยากเข้าไปนอนในขังบ้านั่นล่ะ”  ผมพูดก่อนหันหลังวิ่งไปยังอีกทางนึงซึ่งก็ไม่รู้จะมีอะไรรออยู่ข้างหน้าบ้าง

     

    ……….

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in