..........
ตอนที่ 12 : ความช่วยเหลือ
ปัง !
สิ้นเสียงปืนนัดแรกที่ผมยิงผมเห็นคนที่ใส่ชุดสูทซึ่งคงเป็นวัยทำงานแล้วล่ะล้มลงไปทันทีพร้อมกับเลือดที่กระเซ็นออกมาเปื้อนเพื่อนข้างๆ มัน ตอนนี้พวกมันตกใจกันมากคงไม่รู้ว่าผมมีปืนสไนเปอร์แน่ๆ นัดแรกผมจงใจยิงไปบริเวณกึ่งกลางหน้าอกซึ่งต้องบอกว่าการยิงนัดแรกค่อนข้างแม่นทีเดียวคงเป็นเพราะระบบเกมส์ละมั้ง มันถึงยิงง่าย ผมคิด ก่อนชักเอากระสุนออกมาจากลำปืน ซึ่งปืนไม้นี่มันยิงได้แค่ทีละนัด
“ดูท่าทางมันจะถอยกลับว่ะ” ริกพูด ซึ่งผมก็เห็นเหมือนกับที่ริกเห็นเหมือนกัน พวกนั้นเริ่มกระสับกระส่ายลังเลว่าจะลุยต่อดีหรือไม่ดี
“เจ้านั่น มันมียา” ผมส่องกล้องลงไปเห็นวัยรุ่นคนนึงข้างหลังแบกเป้สนามซึ่งมีตราเครื่องหมายพยาบาลอยู่ผมคิดว่ามันต้องไปเอามาจากที่ไหนสักที่ที่เป็นที่ราชการแน่ๆ
“จัดการมันเลยดิ รอไร” ผมไม่รอให้ริกพูดจบ รีบยิงออกไปทันทีแต่แทนที่จะโดนลำตัวเจ้าหมอนั่น มันกลับก้มตัวลงมาซะงั้นทำให้เข้าหัวอย่างจัง
“หยดหยองว่ะ” ผมพูดก่อนเหลือบไปมองไอริกที่ทำท่าหยองไม่แพ้กัน
“ถึงตาเราบุกบ้างแล้ว” ริกบอกพร้อมกับขยับตัวเพื่อจะก้าวออกจากหลังที่ทำครัว
ตูม !
อยู่ๆ เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นผมลอยไปกระแทกเข้าอย่างจังกับสิ่งที่รู้สึกว่าจะเป็นเตาอบ ก่อนจะเห็นริกลอยไปกระแทกกับขั้นบันไดแรกที่พวกเราลงมา
ที่ทำครัวข้างหน้าเราพังเละข้าวของเกลื่อนกลาดไปหมดผนังที่ผมเคยหลบเพื่อแอบดูพวกมันก็แตกร่วงกราวลงมากองเป็นซากอยู่ที่พื้นห้องทำให้พวกมันสามารถมองเห็นผมกับริกได้ชัดเจน
ครั้งที่ 2แล้วสินะ ที่โดนระเบิดระยะประชิดขนาดนี้ ผมคิดในใจก่อนพยายามเรียกสติกลับคืนมา ตอนนี้ภาพต่างๆ มันลอยเคว้งในหัวเต็มไปหมดเหมือนกับเพิ่งลงมาจากม้าหมุนที่มีความเร็ว 100 กม./ชม. ชั่วโมง ซึ่งริกก็คงไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อผมหันไปมองมันที่นอนแผ่หราเอาหัวหนุนขั้นบันไดอยู่
แพ้แล้วสินะ ผมคิด เมื่อเราไม่สามารถลุกขึ้นสู้ต่อได้ตอนนี้ผมโดนเศษซากที่ทำครัวทับเอาซะครึ่งตัวแล้ว แต่แปลกที่ไม่ยักจะเจ็บแต่กลับรู้สึกเหมือนลอยคว้างอยู่ในอากาศ ตาเริ่มหนักขึ้น ภาพทั้งหมดที่เห็นเริ่มมืดลงๆก่อนที่เงาเจ้าพวกนั้นจะเดินย่างกรายเข้ามาหาพวกเราช้าๆ
..........
“เอ้า ! พวกเราเข้าไปจัดการพวกมันให้จบๆ ไปสักที” ผู้ชายรูปร่างสูงใส่ชุดเหมือนกับพนักงานออฟฟิศสั่งเจ้าคนข้างๆให้เดินเข้าไปยังซากห้องครัวข้างหน้า
“ครับ” เจ้าหนุ่มท่าทางงุ่มงามรีบเดินเข้าไปแต่ก็ยังไม่ทิ้งสัญชาตญาณการป้องกันตัว
ปัง ! ปัง !
สิ้นเสียงปืนเจ้าหนุ่มที่เดินเข้าไปก็ทรุดลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับอีกคนที่กำลังจะถึงตัวหนุ่มที่นอนแผ่หราอยู่ตรงบันได
“อะไรอีกวะ !” เจ้าคนหัวหน้าส่งเสียงโกรธกร้าวก่อนก้มหลบใต้โต๊ะ
……….
“มันต้องขอบคุณเรานะเนี่ย” เปาพูดขึ้นก่อนส่งสัญญาณมือให้เพื่อนอีกคนซึ่งอยู่ตรงตรอกข้างๆร้านอาหารบุกเข้าไปทันที โดยตัวเองซุ่มยิงอยู่ที่ร้านขายเสื้อเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม
“ย้ากก !” เอิร์นบุกเข้าไปอย่างรวดเร็วจนพวกมันตั้งตัวไม่ทันเอิร์นรีบพุ่งไปยังโต๊ะตัวแรกก่อนจะยกมันขึ้นทุ่มไปทางเจ้าตัวหัวหน้าที่หันปืนใส่ก่อนพุ่งหลบไปข้างๆ โต๊ะอีกตัว พลางมองซ้าย มองขวาว่ายังเหลือศัตรูอีกกี่คน ก่อนพบว่าฝั่งที่เจ้าตัวอยู่ไม่มีข้าศึกแต่เงยหัวขึ้นมาไม่เท่าไรก็ต้องก้มลงมาทันที เพราะพวกมันสาดกระสุนใส่อย่างต่อเนื่องจนโต๊ะไม้ที่เจ้าตัวเอามาบังคงทนได้อีกไม่นานแน่
“คิดว่ามีปืนคนเดียวรึไงวะ” เอิร์นรีบคว้าปืนที่อยู่ข้างตัวออกมายิงโต้กลับ
“เฮ้อ ! เปลืองกระสุนจริงจริ๊ง มันยิงเนี่ย” เปาบ่นกับตัวเองก่อนจัดการยิงสกัดเจ้าหนุ่มร่างบางอีกคนที่ทำท่าจะบุกไปหาเอิร์น
“ฮึ่ม ! พวกมันไม่คิดจะลุกขึ้นมารึไงวะหรือว่าหนีไปกันแล้ว” เอิร์นหันไปมองซากห้องครัวที่เละด้วยระเบิด
“อั่ก !” ลูกน้องที่ยืนข้างเจ้าหัวหน้าในคราบพนักงานออฟฟิศนั่นลงไปนอนจมกองเลือดด้วยสไนเปอของเปาเรียบร้อย
“ต้องงี้สิวะ ! ช่วยกูหน่อยๆ” เอิร์นตะโกน
“รู้แล้วจ้าๆ” เปายิงโดนขาเจ้าหัวหน้าอย่างจัง มันร้องลั่นพร้อมกับกุมขาเพื่อห้ามเลือด
“ถึงคราวกูแล้วสินะ” เอิร์นเหลือบตาขึ้นไปมองผ่านขอบโต๊ะซึ่งพรุนไปด้วยกระสุนที่สาดมาไม่ยั้งก่อนพุ่งออกมาจากที่หลบ และเข้าชาร์จเจ้าลูกน้องที่ยืนถือไม้ทำท่าสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเอิร์นฟาดสันปืนลงไปที่ขมับอย่างจังจนล้มนอนเลอะกองเลือดเพื่อนข้างๆก่อนเตะปืนเจ้าหัวหน้าที่ยังคงกำขาตัวเองด้วยความเจ็บปวดออก
“ไปเตรียมตัวมาให้ดีก่อนนะ แล้วค่อยมาเล่นใหม่” พูดจบเอิร์นก็ยิงพนักงานออฟฟิศนั่นทันที ก่อนหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องครัวที่สภาพไม่เหลือเค้าเดิมเท่าไหร่
“สภาพนี้คงไปเกิดแล้วมั้งเนี่ย” เอิร์นพูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพเพื่อนตัวเองเกือบโดนฝังด้วยเศษปูนกับอีกคนนอนแน่นิ่งอยู่หน้าบันได
“เป็นไงมั่ง” ไอเปาตะโกนถามขึ้นก่อนจะหยุดพักหายใจหลังจากรีบวิ่งข้ามฝากมาหา
“อย่างที่เห็น มึงไปดูไอริกไป เดี๋ยวกูขุดซากไออ๋องขึ้นมาก่อน” เอิร์นก้มลงยกซากปูนที่หักพังลงมาขึ้น โยนไปกองรวมไว้ข้างๆซึ่งคาดว่าเคยเป็นมุมห้องมาก่อน
“เฮ้ย ! ไมมันยังหายใจอยู่ได้อีก นี่สินะที่เรียกว่าติดเกมส์ขนาดตายแล้วยังไม่เด้งออกเลย” เอิร์นพูดขำๆ ก่อนจะช้อนตัวเพื่อนคนสำคัญขึ้นมาจากพื้นก่อนพูดขึ้นว่า“แล้วไอริกล่ะเป็นไง” เอิร์น ถามพลางหยิบยารักษาอาการบาดเจ็บออกมาจากกระเป๋าแล้วกรอกลงไปในปากโดยไม่กลัวเลยว่าไอคนที่นอนมันจะตายเพราะสำลักยามากกว่า
“แค่โดนแรงกระแทกจนสลบไปเท่านั้นแหละ”เปาตอบ
“ว่าแต่ไอเจ้านี่เถอะ ดูท่าจะหนัก” เปาพูดขึ้นก่อนมองมายังร่างที่เอิร์นกำลังกรอกยาอยู่
“เดี๋ยวมันก็คงฟื้น ให้ยามันไปขนาดนี้แล้ว ของหายากซะด้วย” เอิร์นตอบก่อนจะลุกขึ้นมองไปรอบๆ
“ก็เล่นโดนซะขนาดนี้มันไม่เด้งออกเกมส์ก็บุญแล้ว” เปาว่า
“แบกมันขึ้นไปไว้ข้างบนเถอะ อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยปลอดภัย” เปาบอกเอิร์นที่กำลังเดินเก็บของของไอพวกกลุ่มที่เพิ่งจัดการไป
“อือๆ เดี๋ยวกูขอขึ้นวางของก่อนละกันเดี๋ยวลงมาเอาพวกมัน” เอิร์นพูดพลางแบกเป้พร้อมกันสองสามใบ ในมือเต็มไปด้วยอาวุธอีกสองสามชิ้น เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
“เฮ้อ ! นี่ถ้าไม่เจอพวกกู พวกมึงจะรอดมั้ยวะเนี่ย ?” เปาพูดกับร่างริกที่นอนอยู่ก่อนจะก้มลงไปหามมันขึ้นมาแล้วค่อยๆพามันขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ
“เราต้องรอจนมันฟื้นสินะ” เอิร์นพูดขึ้น หลังวางร่างของอ๋องลงบนกระดาษลังที่เอามารองพื้น
“ก็คงต้องเป็นยังงั้น” เปาพูด
“เฮ้อ น่าเบื่อจริง” เอิร์นทำท่าเบื่อหน่าย
..........
มึนหัวจริงๆ ผมคิดก่อนจะพลิกตัวเพื่อเปลี่ยนท่านอน พลางคิดได้ว่าทำไมเตียงบ้านเรามันไม่ค่อยนุ่มเลยแฮะทันใดนั้นก็คิดได้ว่าตัวเองไม่ได้นอนสบายอยู่บ้านแต่เพิ่งโดนระเบิดอัดมาตะกี้ผมรีบลืมตาขึ้นมาก่อนพบว่าตนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ในห้องเต็มไปด้วยกล่องลังมีโต๊ะ เก้าอี้ไม้วางไว้สำหรับคนนั่ง และมันก็มีคนฟุบอยู่บนโต๊ะด้วย
ผมขยี้ตาแรงๆก่อนรู้ว่าเจ้านั่นไม่ใช่ไอริก ผมรีบลุกขึ้นทันทีพร้อมกับคว้าเอาปืนพกที่อยู่ตรงต้นขวาขึ้นมาเห็นริกนอนแผ่หลาอยู่ข้างๆ ผมใช้เท้าเขี่ยมันให้ตื่นโดยตายังมองไปที่เจ้าคนร่างใหญ่ที่ฟุบอยู่กับโต๊ะไม้ตรงมุมห้อง ก่อนย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ
“คงไม่คิดจะฆ่าเพื่อนตัวเองหรอกนะ” ผมรีบหันไปทางต้นเสียงทันทีก่อนจะพบว่าเป็นไอเปาเพื่อนผมนั่นเองไอหมอนี่มันบอกอยู่ว่ามันจะเข้ามาเล่นเกมส์นี้กับไอเอิร์นยังงั้นไอ้คนที่ฟุบอยู่ที่โต๊ะคงจะเป็นไอเอิร์นจริงๆ นั่นแหละ หลังจากดูรูปร่างดีๆแล้ว
“อย่าทำหน้าเหมือนเห็นผีเซ่” เปาพูดเมื่อเห็นผมตกใจเมื่อเจอหน้ามัน
“มึงมาเจอพวกกูได้ยังไงล่ะเนี่ย” ผมถามออกไปก่อนเก็บปืนไว้ที่ต้นขาตามเดิม
“กูกับไอเอิร์นน่ะ เดินตามมึงมาตั้งแต่พวกมึงปั่นจักรยานเข้ามาย่านนี้แล้วมาเจออีกทีก็เสียงระเบิดร้านขายปืนของมึงนั่นแหละ แต่ตามพวกมึงไม่ทันเพราะพวกมึงดันลากซอมบี้ตามหลังไปตลอดเนี่ยสิ” เปาพูด
“งั้นไป พวกกูไม่ยักรู้ว่ามีซอมบี้ตามตูดมา ว่าแต่ยังไงก็ขอบคุณพวกมึงมากที่มาช่วยพวกกูไม่งั้นก็คงเสร็จไอพวกนั้นไปแล้ว” ผมนั่งลงพิงกำแพงข้างๆ ไอริกที่นอนอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่พวกมึงจะไปไหนกัน” เปาถามก่อนลากกล่องลังข้างๆ ตัวมานั่ง
“กูกับไอริกจะหาทางออกจากเมืองนี้น่ะสิ” ผมพูดก่อนเห็นว่าไอริกเริ่มรู้สึกตัวแล้ว
“กูก็ว่าจะออกตั้งนานแล้วล่ะ แต่เห็นพวกมึงเข้าซะก่อนก็เลยกะจะมาเจอสักหน่อย”
“งั้นก็ไปด้วยกันเลยดิ ไปเป็นกลุ่มคงปลอดภัยกว่า” ผมว่า
“ก็คงเป็นงั้น” เปาตอบก่อนเอื้อมมือไปสะกิดเอิร์นที่ฟุบหลับมานานให้ตื่นขึ้น
ผมเลยปลุกไอริกขึ้นมาบ้างพร้อมกับอธิบายเรื่องราวให้มันฟังว่าพวกเรามาเจอกันได้ยังไง ตอนนี้พวกเราวางแผนจะออกจากนอกเมืองโดยที่เปาบอกผมว่ามันมีรถกระบะสี่ล้ออยู่แถวๆปั้มน้ำมัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่มากนัก
“เอ้า ! เป้กับปืนพวกมึง” เปาโยนเป้ที่กองใกล้ๆให้ผมกับริก
พวกเราทุกคนต่างพากันเตรียมข้าวของให้พร้อมผมนั่งบรรจุกระสุนปืนลงในแม็กสำรองขณะที่ริกกำลังนั่งกินขนมปังสำเร็จรูปที่ระบบให้มา
“มึงดูอะไรวะไอเอิร์น” ผมถามพลางยัดกระสุนลงแม็ก
“สำรวจดูคนน่ะ ว่าระแวกนี้มีผู้เล่นอื่นอีกรึเปล่า” เอิร์นตอบพลางจิ้มนิ้วไปมาบนไอดีการ์ด
“ดูได้ด้วยหรอวะ” ริกถามแทรกขึ้นมาพลางดื่มน้ำที่กรอกไว้
“ได้ดิ นี่พวกมึงคงไม่เคยดูกันเลยสินะ”
“ฮะฮะ พวกเรามันลุยไปเรื่อยน่ะ” ผมตอบ เก็บแม็กสำรองลงเป้
“ในไอดีการ์ดมันบอกเราแทบจะทุกอย่าง ทั้งแผนที่ ตำแหน่งที่มีจุดขายของ เงินสถานะ ความสามารถ อื่นๆ อีกเยอะแยะ แต่ที่ดูแล้วมีประโยชน์สุดๆ ก็คือสามารถดูได้ว่ามีผู้เล่นอยู่แถวๆ เรารึเปล่า” เปาตอบแทนเอิร์น
“งั้นก็รู้หมดเลยดิว่ามีคนอยู่ตรงไหนยังไงบ้างอ่ะ” ริกถาม
“มันไม่ถึงกับบอกตำแหน่งหรอก บอกแค่ว่าระยะ 1 กิโลเมตร รอบตัวมีคนรึเปล่ามันบอกแค่นี้แหละ ไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าอยู่ตรงไหน” เอิร์นเป็นฝ่ายพูดบ้าง
“อย่างงี้นี่เอง ฮะฮะ กูสองคนนี่ก็ไม่ได้สนใจกันเลยเนอะ” ผมพูด
“หัดดูไว้บ้างก็ได้ ว่าแต่ถ้าพร้อมกันแล้วก็รีบไปกันเหอะ” เปาบอกกับทุกคน
“อือ มึงบอกว่ามีรถกระบะอยู่ที่ปั้มน้ำมันสินะ” ริกพูด
“ใช่ กูกับไอเอิร์นเห็นผ่านๆ เดี๋ยวทางไปเราดูจากแผนที่เอาก็ได้” เปาพูด
“ไปกันเยอะๆ คงสนุกดีพิลึก” ผมพูด เดิมตามเอิร์นที่ลงไปข้างล่างก่อนใครเพื่อน
พวกเราเดินกันเป็นคู่โดยที่ผมกับริกเดินตามไอเปากับไอเอิร์นซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้าเดินไปเรื่อยๆ ตามทางฟุตบาตหน้าร้านอาหาร ผ่านไปได้สองสามตรอกก็ถึงสี่แยกใหญ่บนถนนซึ่งมีปั้มน้ำมันขนาดกลางตั้งอยู่ตรงหัวมุมแยกพอดีทั้งมีรถน้อยใหญ่ถูกทิ้งร้างไว้เกลื่อนกลาดไปหมด บ้างกลางถนน บ้างก็จอดทิ้งไว้เฉยๆสภาพแต่ละคันไม่ดีมาก ก็แย่มาก บางคันนี่เหมือนกับโดนรถสิบล้อชนมาเลยทีเดียว
พวกเราหยุดเดินเพื่อดูสถานการณ์รอบๆเนื่องจากพื้นที่กว้าง ไม่รู้ว่ามีคนอื่นดักซุ่มอยู่รึเปล่าเพราะว่าไอดีการ์ดผมมันกระพริบว่ามีผู้เล่นคนอื่นอีก ในระยะ 1 กิโลเมตร ใกล้ๆ กับพวกเราและไม่ใช่ว่าคนสองคนซะเมื่อไหร่นี่เล่นมีเกือบ 10 คนได้พวกเราเดินทแยงข้ามไปยังปั้มน้ำมันโดยเดินกันอย่างเงียบเชียบสุดๆ
ผมมองเห็นรถกระบะคันดังกล่าวแล้วซึ่งจอดอยู่หน้าตู้เติมน้ำมันแต่เดินยังไม่ถึงครึ่งทางของสี่แยก ผมก็รู้สึกแปลกๆมันเป็นความรู้สึกที่เสียววาบขึ้นมากลางหลังคล้ายกับมีใครบางคนจ้องมองอยู่ผมหันไปหาไอริกมันก็ส่งสายตาบอกผมเหมือนจะพูดว่า มันก็รู้สึกเหมือนกัน
“เฮ้ย ! เอิร์น รู้สึกแปลกๆ มั้ย” ผมหยุดเดินและถามออกไป
“คิดไปเองรึเปล่า” เอิร์นพูด
“กูว่ามันไม่ได้คิดไปเองแล้วแหละ” เปาซึ่งเดินอยู่หน้าสุดพูดขึ้นมันห่างจากผมกับไอริกอยู่สามถึงสี่ก้าว สายตามันจับจ้องไปยังพื้นข้างหน้าจนผมอดสงสัยไม่ได้จึงถามไปว่า
“มึงมองอะไรของมึงวะ” ผมถามพลางเห็นไอเอิร์นเดินไปดูข้างๆไอเปา ก่อนที่ผมจะสังเกตข้ามไหล่เปาไปเห็นว่าหน้ามันมีเงาคนยืนอยู่ในปั้มน้ำมันกำลังถือปืนเล็งมาทางมันกับเอิร์นอยู่ผมหันหน้าไปมองไอริกที่อยู่ข้างๆ ผม ก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่มันคิดกับผมคิดนั้นเหมือนกัน
อีกแล้วสินะ
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in