เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cineflixswiftism
Hobbs & Shaw (2019) - ลุยทะลุโลก


  • ถ้าจะให้นิยามหนังแฟรนไชส์ Fast & Furious ยุคหลังๆ มันก็คือมหากาพย์แห่งความขี้โม้ระดับไฮคลาส เป็นเสมือนพื้นที่ให้คนเขียนบทเอาไอเดียบ้าๆมาลง แต่ถึงมันจะขี้โม้และหลุดลิมิตไปแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังรู้สึกว่าทุกๆภาคของมันรักษาระดับความบันเทิงไว้ได้อย่างดี Hobbs & Shaw ก็เช่นกันครับ

    คือมันก็ยังเป็นหนัง F&F แบบที่เรารู้จัก เพียงแค่มันไม่มีตัวละครหลักจากเรื่องนั้นมาแจม H&S คือภาคแยกที่แตกแขนงออกมาจากเรื่องนั้น แต่มันก็ทำหน้าที่เป็นหนัง standalone ได้ดี คุณไม่จำเป็นต้องดู F&F สักภาคก็ได้เพื่อที่จะดูเรื่องนี้ (จริงๆคุณไม่จำเป็นต้องดู F&F แบบต่อเนื่องกันเลยก็ได้นะ มันดูได้แบบครบทิศ ดูอันไหนก่อนก็ได้ถ้าไม่แคร์ storyline ต่อให้ดูภาค 5 ก่อนภาค 1 ก็ยังรู้เรื่อง // ผมเองครับ 555555)

    การจับเอาฮ็อบส์กับชอว์ที่เป็นคู่กัดกันมาแตกไลน์เนื้อเรื่องใหม่ก็เข้าท่าดีนะ ถ้าไม่นับว่าเป็นหนังในตระกูลรถซิ่ง จะเรียก H&S ว่าเป็นหนัง buddy action/comedy เลยก็ไม่ผิดอะไร และก็ดูเหมือนหนังจะยึดโทนนี้จริงๆ ตัวเอกสองคนไม่ถูกกัน ถูกจับมาทำงานด้วยกัน กัดกัน ตีกัน พยายามจะฆ่ากันทั้งเรื่อง สุดท้ายต้องเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยกัน เกิดเป็นมิตรภาพขึ้นมา H&S มีครบตามนี้ (ผมไม่คิดว่ามันสปอยล์นะเพราะหลายๆคนน่าจะเดาออกอยู่แล้ว)

    (source: IMDb)
    หนังทำออกมาได้สนุกและไหลลื่นเกินคาด เป็นเวลา 2 ชม. 15 นาทีที่ผมรู้สึกว่ามันเร็วพอตัวเลยนะ หนังมีครบตามที่หนังแอ็คชั่น (หรือหนังตระกูล F&F) ทุกเรื่องพึงจะมี มีฉากแอ็คชั่นระดับซูเปอร์ขี้โม้ ท้าทายกฎฟิสิกส์ทุกอย่าง มีตัวร้ายที่มาพร้อมแผนการร้าย อุปกรณ์ไฮเทค ไปจนถึงนวัตกรรมแห่งอนาคต และมุกตลกที่เอาไว้ผ่อนอารมณ์หนังให้ไม่เครียดแตะเพดานจนเกินไป

    คือมันก็เป็นหนัง F&F ที่คุณรู้จักนั่นแหละ มีครบทุกอย่าง ไม่ได้ต่างจากเรื่องที่ผ่านๆมาเท่าไร ข้อเสียอย่างเดียวของหนังที่ผมนึกออกตอนนี้คือ หนังมันมาทางนี้แล้วอะ แต่มันยังไปไม่สุดเท่าที่ควร คืออีกนิดเดียวจะขึ้นอวกาศกันอยู่แล้วทำไมพวกคุณไม่ไปให้มันสุดทางเลยล่ะ ผมรู้สึกว่ามันยังกั๊กๆไว้เยอะอยู่นะ แม้ฉากแอ็คชั่นในหนังจะสุดยอดแห่งความโอเวอร์อยู่แล้ว แต่มันก็ยังไปให้สุดได้มากกว่านี้อีก

    จริงๆรู้สึกว่าหนัง play safe เหมือนกันนะ คือยึดเอาสไตล์การเล่าเรื่องแบบนี้มาใช้เรื่อยๆ คนดูยังไม่เบื่อก็ทำตามแบบเดิม ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรนอกจากยัดฉากไล่ล่าเข้ามา เพราะคนสร้างเค้าก็รู้แหละว่ามันยังขายได้อยู่ อันนี้ก็น่าสนใจดี

    (source: IMDb)
    และรู้สึกประหลาดใจมากที่มี Drew Pierce จาก Iron Man 3 มีชื่อเขียนบทด้วย เพราะปกติหนังแฟรนไชส์นี้ Chris Morgan แกเล่นเขียนเองคนเดียวมาหลายภาคแล้ว กลัวว่ารสชาติมันจะซ้ำกันเกินไป แต่เอาจริงๆการที่ Drew เข้ามานี่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปเท่าไรเลยนะ 555555

    ขอพื้นที่เล็กๆให้กับ Vanessa Kirby ครับ สวยมาก เรื่องนี้สวยกว่าทุกเรื่องที่ผมเคยดูมาเลย The Crown เหรอ MI: Fallout เหรอ ไม่ล่ะครับ เรื่องนี้ได้รับบทเด่นด้วยแหละ เสน่ห์มันเลยออกมาชัด และที่สำคัญยิ้มน่ารักมากกกกกกกกกก T^T

    สรุปเลยละกัน ถ้าคุณชอบหนังแอ็คชั่นแบบเวอร์ๆอลังการๆ ดูแล้วไม่เครียด ไม่ต้องใช้ความคิด ไม่ต้องตีความ แค่ซื้อตั๋ว เข้าไปนั่งประจำที่ ปล่อยตัวปล่อยใจ แล้วเตรียมตัวรับความหรรษาที่หนังจะมอบให้ตลอดสองชั่วโมงเศษๆ Hobbs & Shaw คือหนังสำหรับคุณครับ

    ปล. : ผมชอบหนังอะไรแบบนี้อยู่แล้ว มันค่อนข้างสนองนี้ดผมพอสมควร จริงๆแอบรู้สึกว่าคะแนนสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นๆ แต่มันก็สนุกจริงๆนะ


    Score: 7.5/10

    Directed by: David Leitch
    Story by: Chris Morgan
    Screenplay by: Chris Morgan, Drew Pierce
    Based on characters created by: Gary Scott Thompson
    Genre: Action, Adventure
    Runtime: 135 mins

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ ^^
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in