วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนธรรมดา
ปกติเวลาเดินทางมาที่มหาลัย หลังจากลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินในเวลาเร่งด่วนที่แสนจะเบียดเสียดพานให้ร่างกายอ่อนล้าตั้งแต่หัววันแล้ว ฉันก็มักจะเลือกนั่งรถโดยสารของมหาวิทยาลัยไปถึงหน้าคณะของตัวเอง
แต่วันนี้ฉันเลือกที่จะเดิน
แสงแดดยามเช้าที่พอให้รู้สึกอบอุ่นประกอบกับสายลมร้อนๆ ที่พัดผ่านรอบกายทำให้จิตใจสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง หูเสียบหูฟังฟังเพลงเศร้าที่มีทำนองช้าๆ ทำให้เวลาคล้ายจะเดินช้าลงอีกหน่อย
อันที่จริงทิวทัศน์ที่เห็นในระหว่างที่เดินมันก็ยังเหมือนเดิม ยังคงมีสระน้ำ ป้ายจอดจักรยาน ลานเกียร์คณะวิศวะ เทวาลัยหน้าคณะ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เหมือนกับทุกๆ วัน
แต่ความรู้สึกฉันกลับไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด
กับบางสิ่งบางอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินตาเราก็คงไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรพิเศษไปจากเดิมนักหรอก จนกว่าเราจะห่างหายจากมันไปบ้าง ระยะเวลาที่ไม่ได้พบไม่ได้เจอจะสอนให้เรารู้ว่าความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เห็นว่าธรรมดาอยู่ทุกวัน มันพิเศษแค่ไหน
กับคนบางคนก็เหมือนกันนั่นแหละ
เราไม่มีวันรู้เลยว่าเขาพิเศษสำหรับเราได้ขนาดไหน เราไม่เคยรู้เลยว่าถึงแม้สมองจะสั่งให้ลืม แต่หัวใจของเรากลับบันทึกเขาลงไปอยู่ในใจ บันทึกเขาลงไปก่อนที่เราจะทันรู้ตัวเสียอีก
เวลาที่ไม่ได้เจอกันมันก็เหมือนว่าจะไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้คิดถึงเขาขนาดนั้นนี่
แต่พอได้เจอ แค่สักเสี้ยววินาทีเท่านั้นแหละ สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดก็พังทลาย
แค่ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนแสงตะวันนั่นกับเขี้ยวเล็กๆ ที่มุมปากของเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนได้รับการโอบล้อมจากแสงอาทิตย์แล้ว
เพราะฉะนั้นแล้วถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อ จะมีคุณอยู่ในหัวสมองอีกนานแค่ไหน
ฉันก็รับรู้แค่ว่า...
วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีครามสวยมากเลยนะ สวยเหมือนรอยยิ้มของคุณเลย :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in