เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Kat-san Diary -TOKYO-Vuttiphong Mahasamut
Kat-san Diary -TOKYO- DAY 4



  • วันสุดท้ายของการท่องเที่ยว วันนี้จึงถือว่าเป็นวันดีที่จะเริ่มต้นวันด้วยการไปสักการะศาลเจ้าและไหว้พระ เพื่อขอพรให้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย และใครๆก็ว่ากันว่า ถ้ามาไหว้พระที่นี่จะได้กลับมาที่โตเกียวอีก( T-T )  ถ้ามาโตเกียว แน่นอน.. ต้องไปที่วัด Senso-ji หรือเรียกตามชื่อสถานที่ " วัดอาซากุสะ"

    พิธีการนั้นสำคัญไฉน 

    1. ตักน้ำในบ่อล้างมือแล้วนำน้ำจากในมือล้างปาก (พิธีการที่ถูกต้องคือต้องล้างมือขวา ตามด้วยมือซ้าย แล้วนำน้ำจากมือซ้ายบ้วนปาก แล้วยกปลายกระบวยขึ้นตั้งฉากเพื่อให้น้ำไหลผ่านกระบวย ซึ่งแน่นอน..ผมทำไม่ถูกตามนั้น *-*)
    2. จุดธูปแล้วนำไปปัก เสร็จพัดควันธูปเข้าหาตัว (คนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าได้รับควันธูปนี้จะโชคดี มีความสุข)
    3. โยนเหรียญ 5 เย็น ตบมือ 2 ที แล้วอธิษฐาน (เหรียญห้าเย็น มีสีทอง มีรูตรงกลาง คำเรียก คือ "โกะเอ็นดามะ" พ้องเสียงกับคำว่า "โก๊ะเอ็น" ซึ่งแปลว่า โชคชะตา )

    ข้อมูลเพิ่มเติม: ในญี่ปุ่น เลขที่ไม่ค่อยมงคลคือ เลข 4 พ้องเสียงกับคำว่า "ชิ" ซึ่งหมายถึงความตาย และเลข 9 พ้องเสียงคำว่า "คุ" หมายถึงความลำบาก)



    เมื่อไหว้พระแล้วจึงต้องเสี่ยงเซียมซี  โชคชะตาของ Kat-san ผมลองแปลเป็นไทยได้ดังนี้

    No.20 - ดวงชะตาดี

    ..(โดนนิ้วบัง)...เฉิดฉายบนนภา และค่อยๆเปล่งแสงสีทอง 
    ท่านจะได้รับของใช้ประจำบ้านและ..(โดนนิ้วบัง)...ของท่านจะอุดมสมบูรณ์
    บางสิ่งที่ท่านลงมือทำไปแล้วจะสำเร็จลุล่วงในที่สุด
    หลังจากนั้นท่านจะประสบกับความสำเร็จ

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    บรรยากาศรอบๆบริเวณวัด



    ที่ญี่ปุ่นห้ามเดินไปกินไปนะ ต้องหยุดอยู่กับที่แล้วกิน




  • เสร็จจากวัดอาซากุสะ เป้าหมายต่อไปคือ สวนสาธารณะ Ueno แต่ผมได้ข่าวมาว่าใกล้ๆที่นี่มีตึกเบียร์ Asahi ที่มีก้อน(เหมือนก้อนอย่างว่า)สีทองอยู่ด้านบน เลยอยากเดินไปดู ถึงแม้ว่าจะฝนตกลงมาปรอยๆ

    สมใจแล้ว มุ่งหน้าสู่ Ueno



    Ueno - กาชาปองเยอะอยู่ / สวนใหญ่มาก / ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ

    พอมาถึงอุเอโนะ ฝนก็ตกๆหยุดๆ และทำท่าเหมือนว่าจะตกลงมาโดยไม่หยุดแล้ว กำลังสับสนว่าจะกินอะไรดี ตัดสินใจไปเดินเล่นทำสมาธิที่สวนอุเอโนะที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า  พื้นที่ขนาดกว้างขวางมาก ใหญ่กว่าสวนหลวง ร.9 หน่อยนึง ภายในมีหลายอาณาเขตบริเวณ มีส่วนที่เป็นแกลลอรี่ ร้านอาหาร ศาลเจ้า และพื้นที่สำหรับเดินออกกำลังกาย

    ไฮไลท์ประจำวันคือ ในขณะที่ฝนทำท่าเหมือนจะตกลงมาอย่างหนัก พวกเราหิวและสับสนเล็กน้อย ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ในสวน (ไม่ได้ตั้งใจจะไปที่นี่ และไม่รู้มาก่อนว่ามีที่แบบนี้อยู่ที่นี่) ร้านทำเป็นบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ทำขึ้นจากไม้ มีโซนสำหรับนั้งดื่มชาโดยเฉพาะและโซนที่ทำเป็นเหมือนเรียวกัง มีประตูเลื่อน เสื่อทาทามิ  ฯลฯ   ต้องขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมา แต่ถ่ายบรรยากาศภายในมานะ


    เข้ามาก็เป็นที่หลบฝนไปในตัว

    เมนูอาหารกลางวัน


    ของหวานปิดท้าย


    และเข้าห้องน้ำ!!




    เสร็จจากการกินอาหารกลางวัน ฝนก็หยุดตกพอดี เดินวนในสวนจนครบหนึ่งรอบแล้วจึงเดินกลับ



    แวะไขกาชาปองตามสูตร

  • Yanaka-Ginza  ถิ่นแมวที่ไม่มีแมว

    ย่านต่อไปที่จะไปเยี่ยมชมคือย่าน Yanaka จากเรื่องเล่าที่ว่ามีบันไดตอนขึ้นกับตอนลงจำนวนขั้นไม่เท่ากัน จึงต้องไปพิสูจณ์ด้วยตัวเอง


    ระหว่างเดินทาง สวยดี



    ถึงจนได้.....บันไดปริศนา ?!?



    มีแต่ร้านเกี่ยวกับแมว...


    ร้านขนมหางแมว

    พยายามสอดส่องหาแมว...

    น้องครับแถวนี้มีแมวไหม....

    อยู่ไหนนะ....

    (พักเบรค เติมพลัง)

    พยายามหาต่อ...


    ไม่มี....ไม่มี....

    น่าจะมีซักตัวนะ....เขาดูไรกัน ???


    เจอแล้ว 1 ตัว...

    2 ตัว....

    สรุปเจอแมว 2 ตัว กับได้ขนมของฝากติดมือกลับมา แต่วันนี้ยังอีกยาวไกล 
    ที่ต่อไป ย่านIT  อะกิฮาบาระ!!!!!

  • AKIBA ย่านเนิร์ด

    จริงๆแล้วก็อาจจะเรียกว่า ไม่ได้มาสำรวจย่านนี้เยอะเท่าไหร่ เพราะที่ Kat-san อยากมาทำคือ ไขไข่กาชาปองให้จบ จบในที่นี้หมายถึงครบบริบูรณ์ ไม่มีอะไรค้างคาใจ และต้องที่ย่านนี้เท่านั้น ถึงจะทำได้ เลนมุ่งตรงไปหาร้านที่ไข่เยอะๆ ไขเสร็จแล้วก็กลับ




    ถึงแล้ว ร้านสีเหลืองในตำนาน



    เสร็จจากย่านนี้ พวกเราก็มุ่งหน้ากลับถิ่นอาศัย แต่... Kat-san ยังไม่อยากจบ จึงแวะที่สุดท้าย ย่าน Ikebukuro เนื่องจากห่างจากสถานีที่พัก Otsuka แค่ 1 สถานี พอได้ไปแถวนั้นแล้วจึงรู้มันก็ไม่ธรรมดา มีแหล่งไอที แหล่งขายร้องเท้า เสื้อผ้า ของกิน ทุกอย่างแถบจะครบวงจรในที่เดียว เสียดายที่ไม่ได้มีเวลาเดินเยอะ (แต่แค่นี้ก็เยอะแล้วเนอะในหนึ่งวันของคนธรรมดา) 

    เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้าตรู่ จึงแอบใจหายและแอบเศร้าเล็กน้อย  ญี่ปุ่นเป็นที่ๆสนุกและสวยงามมากสำหรับคนที่มีเงิน แต่ถ้าในการอยู่อาศัย เราก็ไม่รู้ว่าจะไปประกอบอาชีพอะไรและจะสื่อสารกับใครเข้าใจได้บ้าง  

    ก่อนมาญี่ปุ่น ผมตื่นเต้นมาก และซื้อหนังสือมาอ่านเพียบ แต่มันก็ไม่เท่ามาเห็นด้วยตาตัวเอง สูดด้วยจมูก เคี้ยวด้วยฟัน เดินด้วยเท้า โหนด้วยมือ (โหนรถไฟฟ้า) และสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่นอกเหนือจากการอ่านในการ์ตูนญี่ปุ่น หรือดูอะนิเมชั่น หรือดูทีวี แชมเปี่ยน 

    ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมาก (และผมขอพูดแทน Kat-san ไปด้วยเลย) เรื่องเงินที่ใช้ไปไม่ต้องพูดถึง (T-T) มันคุ้มมาก แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านที่แท้จริง ที่ๆเดินไปไหนมาไหนก็ไม่เขินอาย สบายใจ ถึงจะดิบๆ ชิลๆ แต่อบอุ่น(ไปจนถึงร้อนมาก) 

    ในชีวิตผมเคยมีอาการโรค Homesick หนึ่งครั้ง!! เชื่อไหม และไม่ใช่สักครั้งตอนที่อยู่อเมริกาถึง 8 ปี ไม่ใช่ตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น 4 วัน  แต่เป็นตอนที่นั้งอยู่ในห้องเรียนคนเดียว กำลังรอเวลาไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่โรงเรียนโสมาภา 3  มีแสงแดดอ่อนๆส่องมาที่ประตูทำให้เกิดเงาบนพื้น มันทำให้ผมนึกถึงวันนึงในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ที่ผมไม่มีธุระจะไปเจอใคร และไม่มีใครอยู่ที่บ้าน มีแต่ผม ผมตื่นเช้ามา นอนดูการ์ตูนช่อง9 กินขนมที่เพิ่งเดินไปซื้อมา มีแสงแดดคล้ายๆกันนี้ ส่องผ่านมาทางหน้าต่าง กระทบลงบนพื้น อากาศข้างนอกร้อน แต่มีลมพัด มีเสียงกระดิ่งลม ถ้าฟังดีๆ มีเสียงคนคุยกันเวลาเดินผ่านหน้าบ้าน 

    ที่ห้องเรียน ผมร้องไห้และร้องไห้ อยู่ดีๆน้ำตามันไหล (อันนี้ไม่ได้โม้จริงๆนะ ยังจำได้ว่าเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดจนเปียก) และผมรู้เลย ว่าที่ไหนคือบ้านของผม



    ยังไม่จบดีนะ ตอนต่อไป ภาคพิเศษ เก็บตก และเปิดเผยกาชาปอง 
    (ลืมถ่ายรูป เดี๊ยวไปถ่ายรูปมาก่อน ^ ^)



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in