Makers
Store
Log in
You don't have any notification yet.
See All
My Wallet
null
Library
Settings
Logout
เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ
นโยบายความเป็นส่วนตัว
เพื่อใช้บริการเว็บไซต์
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ
In Relation Shit!
–
BUNBOOKISH
01 จีบผู้หญิงครั้งแรก
01
จีบผู้หญิงครั้งแรก
คนอื่นจะมีแฟนหรือรู้จักความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันตอนอายุ เท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเราจีบผู้หญิงคนแรกตอนเรียนมัธยมปลาย สมัยที่มีหนังรักวัยรุ่นอย่าง
Seasons Change
(2006) แห่งค่าย GTH (ยุคนั้น) ออกมาทำให้จิตใจเด็กวัยก่อนมหา’ลัยอย่างเรา กระชุ่มกระชวย ความรักในวัยเรียน มันทั้งสดใส น่ารัก และเต็ม ไปด้วยเสียงดนตรี
เพื่อนผู้ชายก็เริ่มจับคู่กับสาวๆ ห้องเดียวกันบ้าง ต่างห้องบ้าง การมีแฟนเหมือนเป็นมิสชั่นบางอย่างสำหรับชีวิตของเด็ก นักเรียนม.ปลายแทบทุกคน คือต่อให้มึงเรียนไม่เก่ง แต่มึงมีแฟนสวยแฟนหล่อ ก็นับว่าเท่และทำมิสชั่นวัยรุ่นคอมพลีตแล้วหนึ่งอย่าง อีหมิงก็นั่งดูเพื่อนทำมิสชั่นสำเร็จกันไปทีละคนสองคน จนต้องกลับมาถามตัวเองว่า แล้วกูล่ะ คนอื่นเขามีแฟนเป็นตัวเป็น ตนกันไปหมดแล้ว กูยังนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองจะเอายังไงดี
ไม่รู้ว่าจะชอบใครก็เรื่องนึง ไม่รู้ว่าชอบแล้วต้องจีบยังไงก็ อีกเรื่องนึง แต่ที่สำคัญคือ…
ตั้งแต่เกิดและโตมาก็รู้ว่าเกิดเป็นผู้ชาย ถ้าจะมีแฟนก็ต้องหาแฟนเป็นผู้หญิง ความคิดว่าจะชอบผู้ชายยังไม่เคยมีเข้ามา อยู่ในสมอง ตอนนั้นเพื่อนตุ๊ดก็มีไม่มาก เพื่อนเกย์ก็ยิ่ง…ไม่รู้ว่ะ ดูใครไม่ออกเลยตอนนั้น
เท่าที่รู้คือเวลาเจอผู้หญิงน่ารัก เราไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น วี้ดวิ่ว เหมือนที่เพื่อนผู้ชายคนอื่นเขาเป็นกัน พอคิดว่าต้องมีแฟนเป็น ผู้หญิงก็ รู้สึกเฉยๆที่ใช้คำว่าเฉยๆ เพราะไม่ตื่นเต้นไม่อยากได้ อยากมีอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน อี๊ นังชะนีอะไรขนาดนั้น
ส่วนกับผู้ชาย ถามว่ารู้สึกพิเศษอะไรกับใครไหม…ก็ยังไม่มี ขนาดนั้น
เอาละกู ไม่รู้จะไปทางไหนดี
แต่วัยรุ่นอย่างเรา ถ้าเลือกเอง ตัดสินใจเองไม่ได้ ก็ทำตาม คนอื่นไปสิวะ ปลอดภัยสุด (โถ…)
เอาวะ ลองจีบผู้หญิงสักคน!
ซึ่งแม่งกดดันอย่างกับจะไปแข่งขันชิงแชมป์อะไรสักอย่าง ต้องพยายามหาข้อมูลว่าจีบผู้หญิงต้องทำอะไรยังไงบ้าง เห็น เพื่อนต้องคอยถื อกระเป๋านั กเรี ยนมาร์ กจาคอบส์ (Marc Jacobs) ให้ ซื้อขนมให้ แล้วก็รอกลับบ้านพร้อมกัน
ยุคนั้น สมัยนั้น ใครได้เดินถือกระเป๋านักเรียนให้สาวต่อหน้า เพื่อนฝูงคือโคตรเท่!
เออ ได้! กูจะพยายามไปให้ถึงจุดนั้น!
แต่ก่อนจะไปจุดนั้น ขั้นตอนแรกคือต้องหาผู้หญิงเจ้าของ กระเป๋าที่มึงจะถือให้เขา หรือหาคนที่มึงจะจีบให้ได้ก่อน เอาจริง มาคิดตอนนี้ก็…มันใช่เรื่องไหมเนี่ย คือคนเราจะจีบใครมันควรจะเกิดจากความชอบหรือถูกใจในตัวคนนั้นปะวะ
ส่วนกูนี่ นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ เออ คนนี้ก็น่ารักดี งั้นกูชอบ คนนี้ก็ได้...
พอมีเป้าหมาย ก็เริ่มทำเป็นปรึกษาเพื่อนในกลุ่ม
“เฮ้ย กูชอบคนนี้ว่ะ”
“เหยดดดด ตาถึงนะมึงเนี่ย…”
เพื่อนก็เลยแนะนำว่าช่วงที่จีบกันเนี่ย เวลาเขาไปไหน ทำอะไร ก็แอบเนียนตามเขาไปด้วย เรียกว่าค่อยๆ ใช้ความใกล้ชิด ทำคะแนนไปเรื่อยๆ ถ้าเขายอมให้มึงถือกระเป๋าและกลับบ้าน พร้อมกัน ก็แปลว่ามึงจีบเขาสำเร็จ ตอนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยอินที่จะต้องทำอะไรแบบนี้ แต่เอาก็เอาวะ ไม่งั้นเพื่อนคงเริ่มคิดว่ามึงจะเป็นตุ๊ดแล้ว หลังจากนั้น ถ้าเธอไปซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เราก็จะตามไปดู เธอซ้อม ตามไปสมัครเรียนพิเศษที่สถาบันเดียวกัน เวลาเดียวกัน พยายามทำตัวกระโตกกระตากให้ทุกคนรู้ว่า เรากำลังตามจีบเธออยู่ และในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง วันที่เธอยอมรับเราเป็นแฟนเหรอ, เปล่า วันที่กูกล้าขอว่า จะช่วยเธอถือกระเป๋าตอนกลับบ้าน ใจคิดว่าเดี๋ยวเธอต้องตอบ ตกลงแน่ แล้วกูจะได้มีโมเมนต์เท่ๆ คูลๆ เหมือนกับเพื่อนคนอื่น สักที
“ไม่เป็นไรหมิง ไม่ต้องๆ”
...
..
.
โอเค กูแป้ก...
สำหรับเรา ครั้งนั้นนับเป็นความล้มเหลวทางความสัมพันธ์ ครั้งแรกในชีวิตเพราะเพื่อนบอกว่าการที่ผู้หญิงยอมให้ช่วยถือกระเป๋านักเรียนเนี่ย มันคือการส่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์มีการพัฒนา เรียกว่าจีบติดเลยก็ว่าได้ แต่นี่เธอไม่ยอม
เชี่ย เฟล ฉิบหาย
แต่…ก็ไม่ได้สิ้นหวังเสียทีเดียว เพราะถึงวันนั้นจะไม่ได้ช่วย ถือกระเป๋าให้ แต่วันต่อมา เธอเป็นฝ่ายโทร.มาชวนเราไปดูหนังสองต่อสอง
เอาแล้วมึงงงง เสียดายกูละสิ!
เรารีบรับนัด แล้วรีบโทร.ไปบอกเพื่อนในกลุ่ม ตอนนั้นแยก ไม่ออกว่าดีใจที่จะได้ไปดูหนังกับผู้หญิง หรือดีใจที่จะได้มีเรื่อง ไปอวดเพื่อนว่าเราก็ใช้ได้เหมือนกันนะเว้ยยยย ไปดูหนังด้วยกันกลับมา เพื่อนๆ คาดหวังในตัวเรามาก คิดว่าต้องมีอะไรอัปเดต เช่น ได้จับมือกัน ได้ซบหลังซบไหล่กันตามประสา
ซึ่งแน่นอนว่า…ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เข้าไปนั่งแล้วก็ต่างคน ต่างดูหนังจนจบเรื่องไปอย่างเรียบง่าย
แล้วก็ออกมาให้เพื่อนฝูงรุมด่าว่าไม่เอาไหน
...
ผ่านไปสักพัก ความสัมพันธ์ของเรากับเธอคนนั้นก็ยังไปไม่ถึงไหน ตามไปที่ต่างๆ ก็แล้ว ไปดูหนังด้วยกันก็แล้วซื้อของให้ก็แล้ว ก็ยังไม่ได้มีโมเมนต์ถือกระเป๋าให้และกลับบ้านพร้อมกัน สักที
เป็นแบบนี้ต่อไปก็เสียเวลา หรือกูขอเขาเป็นแฟนไปตรงๆ เลยดีวะ
“หมิง ถ้าเรามีเพื่อนคนนึงที่เราชอบเขาแบบเพื่อน แต่วันนึงมารู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเรา เราคงลำบากใจเนอะ”
นี่คือปฏิเสธเหรอวะ แต่กูยังไม่ได้ขออะไรเลยนะเว้ย...
มันบังเอิญที่อยู่ๆเธอก็ตัดสินใจบอกสิ่งที่ตัวเองคิดและมันดันปฏิเสธสิ่งที่เราคิดออกมาได้ในเวลาเดียวกัน
“อื้มมมม”
ถามว่าเราเสียใจที่โดนปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ได้ถามหรือเปล่า เอาจริงมันก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แม้เพื่อนในกลุ่มจะรุมตบหลังตบไหล่ปลอบใจ เหมือนเราเป็นคนอกหักเต็มที่ก็ตาม (แต่ก็โอเค เท่ดี) ที่จริงนอกจากจะไม่ได้ผิดหวังเสียใจอะไรอย่างนั้นแล้ว ยังแอบโล่งใจ ที่ไม่ต้องคอยทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้อินต่อไปเรื่อยๆแล้วก็โล่งใจที่ไม่ทันได้ขอเป็นแฟน เพราะคิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าเธอตกลงขึ้นมาชีวิตจะผิดเพี้ยนไปถึงขั้นไหน
หลังจากวันนั้น เรากับเธอก็เริ่มลดระดับความสัมพันธ์ คือ ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด ไม่ต้องหนีหน้า แค่ทำทุกอย่างอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งควรปฏิบัติต่อกันธรรมดา
ถ้าเธอชวนไปกินข้าว, เออ ไป
เจอกันตอนเรียนพิเศษ ก็โอเคนะ ไปนั่งคุยกัน เมาท์มอยกัน ตามประสา
จนถึงตอนนี้ เราก็ยังเป็นเพื่อนกับเธอคนนั้น แม้ว่าเธอจะมีแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตน และที่สำคัญ... แฟนหล่อมาก จนเรายัง อยากได้เอาไว้เอง (ฮ่าๆ)
BUNBOOKISH
Report
Views
In Relation Shit!
–
BUNBOOKISH
View Story
subscribe
Previous
Next
Comments
()
Facebook
(
0
)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in
ยืนยันการซื้อ ?
เหรียญที่มีตอนนี้: null
มีเหรียญไม่พอซื้อแล้ว เติมเหรียญกันหน่อย
เหรียญที่มีตอนนี้ : null
Please Wait ...
ซื้อเหรียญเรียบร้อย
เลือกแพ็คเกจเติมเหรียญ
เลือกวิธีการชำระเงิน
Credit Card
Cash @Counter
Line Pay
ระบบจะนำคุณไปสู่หน้าจ่ายเงินของผู้ให้บริการ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in