เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องแปลไทยของ happypuppylalala_lacuna
บทสัมภาษณ์ KIK : Sound Thru vol.6 (part 2/3)


  • ท่ามกลางโลกที่ซับซ้อน,
    วงดนตรี KIK ที่ตะโกนถึงความเรียบง่าย


    Sound Thru vol.6* 
    บทสัมภาษณ์นี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน * 
    ต่อจากตอนที่1 


    Q8. สามคนมีแนวดนตรีต่างกัน เลยคิดว่าจะออกมาเป็นความรู้สึกผสมๆ กันแต่กลับกลายเป็นผลลัพธ์ที่ดู
    สนุกมากๆ งั้นช่วยแนะนำจุดเด่นของแต่ละเพลงใน EP นี้หน่อยได้ไหม?
    มยองซอก: Captain's order เป็นเพลงแรก และมีความหมายอยู่ 2 อย่างครับ เพลงนี้มีซาวด์ที่เหมือนกำลังสู้รบที่รุนแรง เนื้อเพลงก็ไม่ได้สดใสหรือมีความสุขอย่างเดียว แต่มันมีน้ำหนักและความหม่นด้วย พอคิดถึงบรรยากาศแบบนี้เลยรู้สึกว่า Captain's order เป็นชื่อที่เข้ากันดี แล้วอีกความหมายหนึ่งก็คือ พอพวกเรากำหนดวันปล่อยเพลงแล้วทำงานไปเรื่อยๆก็เหมือนกับว่ามันคือคำสั่งจากเจ้านายจริงๆ ว่าต้องทำให้เสร็จก่อนวันนั้นเลยตั้งชื่อว่า Captain's order เพื่อให้สู้และรีบทำให้เสร็จครั
    อูซอก: ท่อนฮุคมีเนื้อร้องว่า September, I'll let it all just go now เหมือนเป็นการคาดเดาว่าพอวงเราเกิดขึ้น แล้วอัลบั้มนี้ออกมาพอถึงกันยายน อะไรบางอย่างก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป
    มินฮยอก: พอวันปล่อยเพลงถูกกำหนดขึ้นมา ก็มีทั้งความรักและความรู้สึกต่อต้านปนๆ กันครับ (หลายความรู้สึกปนๆ กัน*)
    มยองซอก: Simple เป็นเพลงที่พวกเราทำร่วมกันครั้งแรกเลยครับ
    อูซอก: ผมว่ามันเป็นเนื้อเพลงที่โรแมนติกนะ เหมือนตะโกนว่าใช้ชีวิตแบบโง่ๆ ไปเถอะ! ในสังคมที่วุ่นวาย การตะโกนอะไรแบบนี้มันก็เหมือนโลกแฟนตาซีและสมัยนี้ก็มีเพลงที่เต็มไปด้วยโลกทัศน์ซับซ้อนเยอะ แต่ KIK ของเราอยากสื่อแบบตรงไปตรงมาอย่างเนื้อร้อง "멍청이, keep it simple" เพื่อบอกให้สนุกกับช่วงเวลานี้แม้จะเรียบง่าย แต่ก็อยากทำให้รู้สึกแฟนตาซีครั

    Q9. เพลงมันสดใสและสื่อความรู้สึก “มาเถอะ มาสนุกกัน” ได้ดีมากเลย

    อูซอก: เพลงของพวกเราไม่มีโครงสร้างแบบขึ้น–ลงหรือพลิกผันใหญ่โต แต่โดยรวมจะเรื่อยๆ นิ่งๆ แต่ผมหวังว่ามันจะยังตื่นเต้นได้แม้จะเรียบง่ายเช่นริฟกีตาร์ของมินฮยอก หรือไลน์กลองของมยองซอกที่ตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนจะซ้ำๆ แต่กลับติดหูมาก ฟังแล้วอยากกลับมาหาอีกเรื่อยๆ เพราะมันเป็นเพลงที่เรียบง่ายแต่มีพลัง เลยเลือกให้เป็นเพลงไตเติลครับ


    Q10. Simple เป็นเพลงที่แสดงตัวตนของ KIK ได้ชัดเจนเลย งั้นเพลงต่อไป Ferrari เป็นเพลงแบบไหน?
    มยองซอก: ลิสต์เพลงนี้เรียงตามลำดับที่ทำจริงๆ เพลงนี้เลยเป็นเพลงที่สาม ผมคิดว่าเป็นเพลงที่สะท้อนความฝันและสัญชาตญาณอยากได้อยากมีของพวกเรา ถ้าเพลงก่อนหน้าเป็นการวิ่งไปข้างหน้า เพลงนี้เราเลยเพิ่มความ funky และเสียงซินธ์สวยๆ เพื่อให้เป็นเพลงที่เต้นได้ และพออูซอกใส่เนื้อร้องเข้าไป เพลงก็สมบูรณ์เลย เป็นเพลงที่เอาเรื่องตลกๆ ของพวกเรามาใส่ อย่างในท่อนสุดท้ายที่บอกว่า ทำงานให้หนัก หาเงินเยอะๆ แล้วซื้อ Ferrari กันเถอะ!


    Q11. ก็ต้องมีความอยากได้อยากมีถึงจะเป็นวัยรุ่นสิเนอะ ... บรรยากาศความฝันกับความทะเยอทะยานของอัลบั้มนี้ถูกสื่อออกมาแรงที่สุดในเพลงนี้เลย
    มินฮยอก: อีกมุมหนึ่งก็อยากเสียดสีคนที่มองความสำเร็จของสังคมแค่เปลือกภายนอกด้วยครับ แล้วเพลงต่อไป Timer เป็นเพลงที่พวกเราทำเร็วที่สุดเลย มยองซอกบอกว่าอยากได้เพลงที่เล่นสดได้ ผมเลยลองดีดโค้ดดู แล้วทุกคนชอบเลยทำเสร็จภายในแค่ 1 ชั่วโมงครับ
    ผมได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Buried เมื่อ 15 ปีก่อนที่ตัวละครค่อยๆ หมดลมหายใจในโลงศพ เพลงเลยพยายามสื่อความอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกทีละนิดๆ
    มยองซอก: ตอนอัดก็อัดเสียงหายใจจริงๆ แล้วเอามาใช้ในเพลงด้วยครับ ส่วน LP club ก็คือ Love & Peace club ย่อมาตั้งใจให้เป็นเพลงที่ฟังแล้วเข้ากับเทศกาลดนตรีครับ
    มินฮยอก: ทำให้มี texture แบบแผ่นเสียง LP เยอะๆ ด้วยเลยตั้งชื่อ LP ให้คนคิดถึงแผ่นเสียง แต่จริงๆ คือ Love & Peace 


    Q12. อูซอก เมื่อก่อนใน Pentagon เป็นแรปเปอร์หลัก หลังๆมาก็เริ่มร้องเพลงด้วย ทั้งในวงและในยูนิต พอมาเป็น KIK แล้วรู้สึกว่ามีเสน่ห์ด้านการร้องมากขึ้น มันเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของจองอูซอกเลย รู้สึกแบบนั้นไหม?
    อูซอก: หลังจากที่วงหยุดกิจกรรม ผมก็คิดเยอะมากว่าจะทำเพลงต่อไหมเพราะทำวงมา 7 ปีแล้ว หลายคนก็แนะนำให้ลองทางอื่นดู แต่พอมองย้อนกลับมา ถ้าเป็นนักดนตรีจริงๆ ก็ควรจะมีเพลงเดี่ยวที่เกิน 3 นาทีอย่างน้อยสักเพลง ก็เลยเริ่มทำเพลงโซโล่ และแฟนๆ ก็ได้ยินผมร้องเพลงของผมมากขึ้นครับ
    แต่ไม่ว่าจะทำเดี่ยวหรือกับ KIK ผมก็กังวลและเกรงใจอยู่เสมอเพราะเพื่อนร่วมวงเก่งมาก กลัวว่าจะเป๋็นตัวถ่วงเขา เลยไปเรียนร้องเพลงจริงจัง แล้วก็ขอคำแนะนำจากมยองซอกกับมินฮยอกตลอดครับ เลยได้ยินบ่อยว่าช่วงทำ EP นี้ เสียงผมดีขึ้นเร็วมาก แต่ผมยังคิดว่ายังไม่เจอโทนที่สมบูรณ์แบบของตัวเองเลยจะพัฒนาต่อไป ฝากรอดูด้วยนะครับ

    Q13. จากการเป็นไอดอลมาเป็นวงดนตรี ได้เห็นมุมมองทางดนตรีทใหม่ๆ บ้างไหม?

    อูซอก: เยอะเลยครับ เพราะผมยังไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง ก็เลยพยายามไปเรียนรู้ทั้งไปพบเจอวงอื่นๆ และเข้ามีส่วนร่วมในโปรเจ็กต์ต่างๆ ด้วย บางคนอาจสงสัยว่าทำไมจากการเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ กลับมาที่เวทีฮงแดเล็กๆ อีก แต่ผมกลับสนุกและมีความสุขกับมันมาก ก็เลยทำได้เต็มที่ครับ

    Q14. เห็นอูซอกไปออก Tune Up ก็ตกใจเหมือนกันนะ รู้สึกเหมือนได้เริ่มต้นใหม่ 

    อูซอก: ผมว่ามันเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงว่าผมจริงใจกับวงดนตรีครับ เพราะไม่เคยมีมาก่อนเลยที่คนจากวงไอดอลจะมาเริ่มทำวงดนตรีจริงจังแถมไปถึง Tune Up ด้วย ผมเลยสนุกกับการที่ไม่ต้องคิดมากทำในสิ่งที่อยากทำ ท้าทายสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอครับ

    Q15. รู้สึกว่าความจริงใจคงส่งถึงคนฟังแน่นอนเลย เป็นเส้นทางที่น่าสนใจมาก แล้วมยองซอกกับมินฮยอกพอมาทำเพลงกับคนที่เคยเป็นไอดอล ได้มุมมองใหม่ๆ บ้างไหม?

    มยองซอก: ถึงไม่ได้ตั้งใจจะยกเอาความเป็นไอดอลเข้ามาแบบตรงๆ แต่เราก็ได้เรียนรู้และรับบางอย่างไว้เยอะครับ เพราะใน K-pop ก็มีหลายอย่างที่ผมเคารพ แล้วเราก็คุยกันบ่อยว่าจะทำยังไงให้อูซอกดูเท่ในฐานะฟร้อนต์แมน เลยแทบไม่เจอความยากอะไรเลย เพราะพวกเราทั้งสามเปิดใจรับกันได้คุยกันแบบสร้างสรรค์ตลอดครับ
    มินฮยอก: ตอนแรกผมไม่ได้คิดเรื่องไอดอลมากนัก แต่พอได้ทำงานด้วยก็เห็นเลยว่าอูซอกอึดมาก! ไม่ค่อยเหนื่อยเลย สดใสและมีพลังอยู่ตลอด เพราะเป็นไอดอลต้องซ้อมและทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กเลยมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงกว่าพวกเรามากครับ
    อูซอก: การทำเพลงกับ KIK มันสนุกตรงที่ทำสิ่งที่อยากทำจริงๆ แม้แต่การแต่งเพลงแบบเฉพาะกิจ ก็ได้ฟีลที่สดใหม่ต่างจากวงไอดอลที่ต้องคอยแบ่งพาร์ตและรับผิดชอบกันเป็นรายบุคคล วงดนตรีมันคือการเติมเต็มซึ่งกันและกัน  สร้างสิ่งใหม่ๆด้วยกัน เวลาเหนื่อยก็ยังรู้สึกว่าอีก 10 นาทีอาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาก็ได้ 5555 เลยทำงานจนเช้า แล้วพูดกับเพื่อนๆ ว่าร่างกายเหนื่อยแต่ใจโคตรมีความสุขเลย
    มินฮยอก: ผมว่าที่พวกเราทำวงดนตรีได้ก็เพราะความรู้สึกปลดปล่อยโดพามีนเวลาแต่งเพลงดีๆ ได้สำเร็จนั่นแหละครับ


    - PART 2 END -

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in