เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Life of PoonPoon :)
รีวิวเที่ยวบาหลี ช่วงสงกรานต์
  • สวัสดีค่า ห่างหายจากการเขียนอะไรแบบนี้ไปสักพักเลย งานท่วม =A="
    เนื่องจากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เรากับเพื่อนอีกสองคนไปเที่ยวเกาะบาหลี 
    และมีหลายคนอยากรู้งบประมาณ ก็เลยคิดว่าโอเค มาเขียนสรุปคร่าวๆ นิดนึงก็ดีมั้ง เริ่มเลยนะ

    1. การเดินทาง
    ทริปนี้เราเดินทางไป-กลับด้วยสายการบิน Thai Lion Air (ราคารวมไปกลับประมาณคนละ 7,000 บาท)

    2. ที่พัก
    เรื่องที่พัก ด้วยความที่เราเป็นคนชอบที่พักติดทะเล สาย seaview โดยที่ไม่ได้ศึกษาก่อนว่าควรพักส่วนไหนของเกาะมั้ย ก็เลยจอง Inna Bali Beach Garden ไป ด้วยราคา 8,8xx บาท รวมอาหารเช้าแล้วสำหรับ 3 คน เป็นเวลา 4 คืน ก็ตกคนละ 2 พันกว่าบาทเนอะ (เท่ากับประมาณ 3.3 ล้านรูเปีย)
    ซึ่งของเราพักย่าน Sanur อยู่ในด้านตะวันออกเฉียงใต้ ข้อดีคือไม่ไกลจากย่าน Ubud ซึ่งเป็นโซนท่องเที่ยวและมีกิจกรรม+ร้านอาหารค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ก็ไม่ไกลจากท่าเรือและสนามบินมากด้วย

    3. ทัวร์
    สารภาพว่าเป็นทริปที่กะจะไม่แพลนอะไร ไปหาเอาข้างหน้าล้วน ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียอะ ข้อดีคือก็ไม่ต้องแพลนอะไรเยอะมาก ไม่ต้องคิดไรมาก ข้อเสียคือเราจะไม่มีเวลาเทียบราคาหรือความคุ้มค่าของแต่ละแพ็คเกจทัวร์ค่ะ

    พอบินไปถึงคืนแรกก็เลยต้องนั่งประชุมเพลิงกันว่าจะไปไหนดีวะ? แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า/me แปะแผนที่

    วันแรก: ลุยด้านตะวันออกของเกาะก่อน เป้าหมายคือ Pura Lempuyang, Tirta Gangga ฯลฯ ในย่านนั้น

    เนื่องจากไม่ได้หาทัวร์ล่วงหน้า ก็เลยสอบถามจากโรงแรมค่ะว่าถ้าเราต้องการงี้ๆๆ มีทัวร์ให้เรามั้ย? ทางโรงแรมก็เลยประสานงานกับเอเยนต์ทัวร์ให้ ก็ดีลกันจนได้ในราคา 900,000 รูเปีย สำหรับทัวร์สองวัน มารับ-ส่งที่โรงแรม พาไปร้านอาหารช่วงกลางวัน (แต่ไม่รวมค่าอาหาร) 
    จุดแรกพี่คนขับของเราพาแวะศูนย์เรียนรู้ผ้าบาติก ซึ่งถามว่าอินขนาดนั้นมั้ย ก็ไม่อะ 55 แต่เขาพาแวะก็แวะ ก็จะมีบอกขั้นตอนการทำบาติก ละก็มีร้านค้าให้ช็อปปิ้งเสื้อผ้า+ของฝาก

    จุดที่สอง Celuk Swing and Luwak Coffee เป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องกาแฟจากขี้ของน้องชะมด มีเซตชาและกาแฟให้ชิม มีชิงช้าให้เล่น มีรังนกขนาดใหญ่ให้เป็นจุดถ่ายรูป (แน่นอนว่ามีกาแฟและชาขายด้วย เผื่อใครอยากซื้อของฝาก)

    หลังจากนั้นพี่คนขับก็พาเราแวะทานข้าว (จำชื่อร้านไม่ได้) แต่บรรยากาศดีมาก อยู่กลางทุ่งนาเลย
    จุดที่สามของวันแรก Pura Lempuyang ซึ่งมี signature คือการถ่ายรูปท่ามกลางวิวภูเขาด้านหลังและการใช้กระจกสีดำเพื่อสะท้อนแสงและเงาทำให้ได้ภาพตามที่เห็น พี่คนถ่ายเก่งมาก มือนิ่งมาก ทุกคนจะได้ถ่ายทั้งรูปเดี่ยวและ group shot และที่เอามาลงให้ชมนี่ก็คือภาพที่ดีที่สุดในแคมเปญนี้ค่ะ! 555+
    `
    วันที่สอง: Trekking Mountain Batur ทางด้านบนของเกาะและแวะเที่ยว Ubud ถ้ามีเวลา
    ปรากฎว่าฝนตกจ้า เลยอดไปภูเขาไฟ คนขับพาไป Tirta Empul Holy Water Templeและลงมาแวะ Ubud แทน

    มื้อเที่ยงวันที่สองนี้พี่คนขับพาแวะร้าน Sari Restaurant วิวดีมาก แต่ดันมีแต่หมอกซะนี่
    อาหารที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ all you can eat ราคาคนละ 180,000 รูเปีย โดยประมาณ

    และก็มาถึงวัดที่นักท่องเที่ยวชอบมาอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรากับเพื่อนก็ไม่ได้ลงไปเพราะฝนก็ตกอยู่แล้วและไม่อยากนั่งเปียกตอนขึ้นรถ ก็เลยบายจ้า มาถ่ายรูปเฉยๆ แวะซื้อเสื้อผ้าในย่านทางออก ต่อราคากันสนุกสนานมาก (อย่าซื้อร้านแรกๆ เพราะจะต่อราคายาก ฮืออ)

    จุดต่อไป พี่คนขับพามา The Rice Terrace ในย่าน Ubud ก็จะมีให้เดินถ่ายรูปเล่น หรือจะเล่นชิงช้าในวิวทุ่งนาหลายชั้น หรือจะเล่นโหนสลิงข้ามทุ่งนาแบบนักท่องเที่ยวในภาพก็ได้ 


    วันที่สาม: หาทัวร์ไปเที่ยวเกาะข้างๆ บาหลี Nusa Penida Island
    ตอนแรกตัดสินใจเลือกทัวร์อยู่นาน สุดท้ายก็เลือกของ http://canezabalitour.com/nusa-penida-packages/ เพราะราคาดีที่สุดและดูคุ้มสุดแล้ว แต่ว่าด้วยเวลาที่จำกัดก็เลยต้องเลือกว่าจะไปฝั่ง East หรือ West Coast ดี? แต่เรากับเพื่อนก็เลือกฝั่ง East รูปด้านบนนี้ก็คือ Tree House 
    แต่ความหินของฝั่งนี้ก็คือการเดินเท้าจากสันเขาลงมาชายหาดด้านล่างเนี่ยแหละค่ะ บวกกับอากาศที่ร้อนมาก ไม่มีลมเลย แดดล้วน แล้วใส่เสื้อกล้ามไปก็เลยกลับมาด้วยแขนคนละสี TT 
    ไปดูบรรยากาศที่ Diamond Beach กับ Atuh Beach กันดีกว่า
    โฉมหน้าไกด์ทัวร์ของเรา ชื่อมาเด เป็นคนท้องถิ่นที่นั่นค่ะ ติดตามหรือติดต่อเขาได้ที่ Instagram: made_penida_tours 
    ปิดท้ายด้วยรูปน้องเหมียวประจำชายหาด มาร้องแง้วๆ ตอนกินมื้อเที่ยง น่ารักมาก เยิฟๆ <3

    วันที่สี่: ชิลอยู่บริเวณโรงแรมและย่านใกล้เคียง (ตอนใต้ของเกาะ) เพราะต้องเดินทางไปสนามบินในช่วงเย็น
    ก็ชิลๆ เช็คเอาท์เกือบเที่ยงแล้วก็ให้โรงแรมหาแท็กซี่ไปส่งพวกเราที่ Kuta Beach ซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะบาหลี และไม่ไกลจากสนามบินมาก ก็เดินหาอะไรกินกันและหาร้านกาแฟนั่งชิลเลยจ้า

    4. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
    เงิน: แลกเงินบาทเป็นรูเปียหรือดอลลาร์ไปบางส่วนก่อนก็ได้ เพราะ money exchange ที่นั่นก็ไม่ได้หายากและราคาแย่ค่ะ (เราแลก 1,500 บาทไทย ได้กลับมา 52x,xxx รูเปีย) **อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 IDR = 2.28 THB

    อาหาร: ข้อสังเกตคือเขากินข้าวกันเก่งมากกก มีข้าวประกอบทุกอย่าง ซึ่งถูกใจสายคนกินข้าวแบบเรามาก (แม้กระทั่งชุดไก่เคเอฟซียังมีข้าวขาวประกอบ ซึ่งดีมากกกก อยากให้เคเอฟซีไทยทำบ้าง)
    นอกนั้นก็มีอาหารใกล้เคียงบ้านเราเยอะ เป็นแกงต่างๆ ยันผัดมาม่าหรือถ้ารับอาหาร Local ไม่ได้ ก็มีอาหารโซนตะวันตกในแทบทุกร้าน แต่ยกเว้นสลัดนะ ไม่ค่อยเห็นเมนูสลัดเท่าไหร่ค่ะ 
    และบนเกาะก็มีร้านสะดวกซื้อ อารมณ์ 7-11 อยู่จ้า ชื่อ Alfa Mart 

    ศาสนา: คนบาหลีนับถือศาสนาฮินดูจ้า ก็เลยมีร้านนั่ง drink ริมชายหาดให้เห็น บรรยากาศที่ Kuta Beach ให้อารมณ์เกาะเต่าเลย

    ภาษา: คนที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ค่ะ แต่ที่ตลกตัวเองคือมีแต่คนทักด้วยภาษาอินโด เช่นเช้ามาก็เดินมาพูด "ปากี" ใส่เรา ซึ่งคำว่าปากีในที่นี้ก็มาจาก Selamat Pagi = Good Morning นั่นเอง แต่ก็ไม่ควรใช้คำศัพท์ซับซ้อนมาก เช่นพวกพี่คนขับแทกซี่จะไม่เก็ท พยายามใช้คำที่เบสิกไว้ดีกว่าจ้า

    Q: ควรมี pocket money เท่าไหร่ดี?
    A: ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะขึ้นอยู่กับความหรูหราของโรงแรมและร้านอาหารที่แต่ละคนจะเลือก รวมถึงกิจกรรมเพิ่มเติมด้วย เช่น เล่นเซิร์ฟ ซึ่งมักนิยมเล่นกันที่หาดด้านตะวันตกกับทางใต้ของเกาะ หรือบางคนอาจจะอยากทานมื้อเช้ากลางสระว่ายน้ำ ฯลฯ แต่สำหรับเรา เราแลกเงินไปประมาณ 11,000 บาท ก็โอเค พอกินพอใช้ แต่อาจจะไม่พอซื้อของฝากและอื่นๆจาก Duty Free จ้า

    เลยอยากแนะนำว่าควรทำการรีเสิร์ชข้อมูลก่อนไป จะได้ประเมินค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น และก็คงต้องขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ บ๊ายบาย :) 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in