เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ความคิดihtayaf
5.11.17 เรื่องน่ารำคาญในศูนย์อาหาร
  •      เย็นวันนี้  เรากับแม่ไปทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ก่อนกลับ  ด้วยเห็นว่าเย็นแล้วเลยคิดว่า  งั้นหาอะไรกินเลยดีกว่า

         แม่จึงเสนอว่าตนเพิ่งได้ voucher มา 100 บาท เอาไปแลกเป็นบัตรศูนย์อาหารดีกว่า
         "แต่ต้องกินให้หมดในวันเดียวนะ  มันแลกคืนไม่ได้"  แม่ย้ำ 

         เมื่อแลกบัตรซื้ออาหารมาได้แล้ว  เราจึงเดินไปเลือกเมนู  อาหารเราราคา 55 บาท

         เราเดินไปนั่ง  และบอกกับแม่ว่าบัตรเหลือเงินอีก 45 บาท  แม่อยากซื้ออะไรรึเปล่า  แม่ปฏิเสธว่าไม่หิว  และแนะนำให้เราซื้อน้ำพวกชากาแฟ  ซึ่งราคาประมาณในบัตรพอดี

         เราไปยืนเลือกเมนู  เห็นว่าราคา 45 บาท มีอยู่อย่างเดียว  คือ  นมสด  
         แต่เราไม่อยากดื่มนมสดตอนนี้  (จริงๆถ้าเลือกรายการนี้เรื่องคงจบไปแล้ว)

         สุดท้ายเราเลือกสั่งชาเขียวนมราคา 50 บาท  สั่งแล้วจึงเดินไปซื้อบัตรเงินสดมาเพิ่ม  ด้วยเห็นว่าเงินไม่พอ
         เราแลกมายี่สิบบาท  เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องมัดจำบัตร 10 บาทด้วย  เราเลยควักแบ๊งค์ยี่สิบให้ไป  จริงๆเราตั้งใจจะแลกแค่ 5 บาท 
         (จะว่าไป  ถ้าเรากวาดเหรียญในกระเป๋าให้ไป 15 บาท  เรื่องก็คงจบแล้วเหมือนกัน)

         เราเดินกลับไปรับเครื่องดื่มและจ่ายเงิน  โดยเรายื่นบัตรใบที่มีเงิน 45 บาท ให้ไปก่อน  พนักงานรับไปรูดแล้วบอกว่าไม่พอ  เราจึงยื่นบัตรอีกใบให้ไป  หลังจากรูดแล้วเขาส่งบัตรคืนมาให้เรา 2 ใบ  เรารับมาก็ยังไม่เอะใจอะไร

         เราเดินกลับมานั่งและเริ่มจัดการกับอาหารตรงหน้า  แม่ซึ่งนั่งเล่นมือถืออยู่จึงอาสาเอาเงินไปแลกคืนมาให้  

         สักพัก  แม่ก็เดินกลับมาถามหน้าตื่นๆว่า  ตกลงน้ำราคา 55 หรือไง  ทำไมเขาคืนมา 10 บาท?

         เอ๊ะ?!

         เราถือเครื่องดื่มและใบเสร็จเดินไปถามพนักงานร้านน้ำ  เขาชี้ที่ใบเสร็จว่าเขาคิดเงิน 50 บาท ถูกต้องแล้วจริงๆ
         "แล้วทำไมบัตรอีกใบคืนมาแค่ 10 บาทล่ะคะ?"
         "ก็มันมัดจำ 10 บาทไงหนู"
         "งั้นมันก็ต้องคืนมา 15 สิคะ"
         แม่ซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด(โต๊ะเราอยู่เยื้องกับร้านน้ำ) จึงลุกมาสมทบด้วย  แต่ในขณะที่ถามๆกันอยู่นั้นเอง เราก็เหลือบไปเห็นคนกำลังมานั่งที่ๆของเรา  เราจึงปรี่เข้าไปห้ามว่ายังกินไม่เสร็จ  และขอตัวไปนั่งลงกินให้เสร็จ
         .......ส่วนแม่ซึ่งคาใจไม่เลิกอาสาจะไปตามให้รู้เรื่อง

         เมื่อจัดการอาหารเรียบร้อยแล้ว  เราจึงมองหาว่าแม่อยู่ไหน  และเห็นว่ากำลังคุยกับร้านน้ำอยู่  เลยเดินเข้าไปสมทบ

         และใจความของเรื่องที่เกิดขึ้นที่สรุปได้ก็คือ

         ......................

         เครื่องตัดเงินจากบัตรเงินสดนั้น  ตอนเรายื่นบัตรใบแรกให้ไป  มันตัดเงินแค่ 40 บาท  แล้วมันก็เลยตัดอีก 10 บาท  จากบัตรอีกใบหนึ่ง
         ดังนั้น  แทนที่ใบแรกจะหมดและใบที่สองเหลือ 10 บาท  จึงกลายเป็นว่า
         ใบแรกเหลือ 5 บาท  และใบที่สองใช้จนหมด  ตอนเอาไปคืนเลยได้แค่เงินมัดจำ 10 บาท 
           
         พนักงานร้านน้ำอ้างว่ามันเป็นนโยบายของเครื่องตัดบัตรที่จะตัดจากบัตรที่มีมูลค่าน้อยกว่า  ในมูลค่าที่มากกว่า  และตนนั้นได้รูดบัตรอย่างถูกต้องแล้ว  เป็นการทำงานของเครื่องรูดเองต่างหากที่ทำให้การคิดเงินเกิดปัญหา  
         ส่วนพนักงานแลกบัตรก็อ้างว่า  จริงๆบัตรมันต้องตัด 45 + 5  ไม่ใช่  40 + 10  พนักงานร้านน้ำน่ะ  กดผิด
         เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็ป่วยการณ์  สองคนแม่ลูกเลยปล่อยเลยตามเลย  กลับบ้านพร้อมบัตรแลกคืนไม่ได้ที่มีเงินติดอยู่ 5 บาท  

         แม่ให้ความเห็นว่าจริงๆน่าจะมาจากความไม่ระวังของพนักงานร้านน้ำ  ที่ไม่ดูให้ดีว่าเครื่องมันตัดไปกี่บาทกันแน่ในใบแรก  ก่อนที่จะเอาบัตรไปที่สองไปรูด
         "ยังดีนะที่ได้มาฟรีน่ะ"  แม่ทิ้งท้าย


         'ได้มาฟรี  อย่างนั้นเหรอ'  

         ไม่นะ  แบ๊งค์ยี่สิบจากกระเป๋าเราที่เสียไปนั่นไม่ใช่การได้มาฟรีสักหน่อย  ซึ่งสรุปแล้วน่ะ  คือเสียไป 10 บาท 

         จริงๆ......มันอาจไม่มากเท่าไหร่  และดูจะเล็กน้อยเกินกว่าที่จะไปเอาเรื่องเอาราวให้มันใหญ่โต
         ใช่มั้ย?

         แต่เราแค่รู้สึกว่า  ปัญหามันจะไม่เกิดเลย  ถ้าศูนย์อาหารจะไม่มีนโยบายว่า  

         บัตรศูนย์อาหารต้องมีการวางมัดจำบัตร 

         จริงๆแล้ว  เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ด้วยซ้ำ  เพราะมันเป็นการทำให้มูลค่าของบัตรลดลง  ใช่  เราแลก 100  แล้วไม่ว่ายังไง  เมื่อเราคืนบัตร  เราก็จะได้เงินคืน 10 บาท  เราไม่มีวันจากไปอย่างไม่ได้เงินกลับคืน
         แต่ถามอะไรสักคำเถอะ...

         เวลาคนเราไปแลกบัตรเงินสด 100 น่ะ  เพราะเราอยากใช้เงิน 100 ในการซื้ออาหาร  เราไม่ได้ปรารถนาจะเอาเงิน 100 ไปแลก  เพื่อได้เงินคืนในการใช้สอยกลับมา 90 บาท  โดย 10 บาท ของตัวเองถูกริบไว้ราวกับเป็นตัวประกัน
         ใช่ไหม?

         แล้วถ้าลูกค้าจะไม่คืนบัตรน่ะ  เราว่าศูนย์อาหารได้กำไรด้วยซ้ำนะ  เพราะเขาแลกแล้วเขาไม่ได้ใช้  สมมติแลก 100 ใช้แค่ 80 งี้  ร้านได้ 20 ไปฟรีๆเลย  โดยไม่ต้องให้อาหารหรือเครื่องดื่มกับลูกค้าด้วยซ้ำ 

         เราจึงรู้สึกว่า  นโยบายการมัดจำบัตรแทนเงินสดในศูนย์อาหาร  เป็นนโยบายที่ค่อนข้างจะเอาเปรียบและสร้างความยุ่งยากให้แก่ผู้ใช้บริการอยู่มากเลยทีเดียว


         จริงอยู่  มันอาจเกิดจากความสะเพร่า  ความโชคไม่ดี  หรืออะไรก็แล้วแต่ของเราอยู่บ้าง  แต่  ถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองโดยสมมติว่าศูนย์อาหารไม่ต้องมีวางมัดจำบัตร

         เราอาจสามารถถือเหรียญห้าบาทไปแลกบัตรมาอีกใบ  

         และการตัดเงินในบัตรก็จะต้องเป็น 45 + 5  

         และเราก็จะเสียเงินเพียง 5 บาท  ไม่ใช่ 10 บาท 

         แถมยังไม่ต้องเก็บบัตรแบบแลกคืนไม่ได้กลับมาเป็นที่ระลึกด้วย  

         สุดท้าย

         เราคงไม่เสียความรู้สึกกับศูนย์อาหารแห่งนี้  และคงไม่สัญญากับตัวเองว่า  หากไม่จำเป็น  จะไม่ใช้บริการที่ศูนย์อาหารแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
         ...อย่างแน่นอน...


         ปล  ใครพอทราบว่าจะมีการลงชื่อต่อต้านนโยบายวางมัดจำบัตรศูนย์อาหารก็บอกเราด้วยละกัน  เราจะร่วมลงชื่อด้วย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in