"หากคำชมของเธอเป็นเหมือนท่าไม้ตายของโปเกมอนพลังจิต (Psychic) โปรดรู้ไว้ด้วยว่า ฉันคือโปเกมอนมาร (Dark)...."
เมื่อเดือนที่แล้วแผนกเรารับคนใหม่เพิ่ม 1 คน และเราก็มีหน้าที่สอนงานน้องคนนี้
อะไรๆนั้นดูเหมือนจะดี ติดอยู่อย่างเดียวคือ เราว่า......น้องเป็นคนปากเปราะไปนิดนึง
มีอยู่วันหนึ่ง มีน้องผู้หญิงจากแผนกอื่นมาติดต่อเรื่องงาน หลังจากน้องกลับไป หนุ่มๆในแผนกเราก็คุยกันว่า น้องเขาเหมือนนางแบบเลย (คือเธอสวยจริงอะไรจริง) แล้วจู่ๆ น้องก็โพล่งขึ้นมาว่า
"สวยไม่เท่าพี่...(ชื่อเรา) หรอก"
สิ่งที่เราตอบกลับไปคือ "โอ๊ย พี่ไม่สวยขนาดเขาหรอก" ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ล่าสุด วันนี้ มีการจัดโต๊ะเตรียมให้พนักงานใหม่ซึ่งเป็นผู้หญิง เจ้านายเราก็เปรยๆว่า ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร(คือโซนเรามันมีแต่ผู้ชาย จึงไม่ค่อยคุ้นกับผู้หญิงกัน) ถ้าเป็นคนสบายๆแบบเราก็คงจะไม่อะไรมาก
.....แล้วน้องก็ว่า.....
"ไม่รู้จะน่ารักแบบพี่...(ชื่อเรา)รึเปล่า.."
ส่วนเราซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็ยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไป ไม่...แม้แต่จะปรายตามองไปยังเจ้าของเสียงนั้น
เป็นธรรมดาที่คนเราจะชอบเวลามีคนชม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ผู้หญิง ที่นิยมชมชอบเหลือเกินเวลามีคนบอกว่าตัวเองสวยหรือน่ารัก
..........แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงใหลได้ปลื้มไปกับมัน............
เราว่ามันก็โอเค หากคำชมจะมาจากใครสักคนหนึ่งซึ่งสำคัญกับเรา เป็นต้นว่า แฟน(ซึ่งเราไม่มี ตัดไป) ครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ คนที่เรานับถือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันมาแบบเรียบๆแต่เสียงดัง เช่น มาอวยพรวันเกิดแล้วบอกว่า "แกเป็นเพื่อนที่ดีเสมอนะ เชื่อเถอะว่าเพื่อนทุกคนรักและมีความสุขที่อยู่กับแกทั้งนั้น.."
....แทบจะอยากขึ้นรถไปกอดเสียเดี๋ยวนั้น
หรือคุยกันอยู่ดีดีก็ว่า "ลูกเก่งมากเลยนะ ที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้"
....โอ้ ขอบคุณค่ะ
แต่มันจะหาความซึ้งไม่ได้เลยหากออกจากปากของคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน และไม่ได้มีความผูกพันทางจิตใจต่อกัน แล้วมาชมแบบ.........ต้องมานั่งหาความจริงในคำชมนั้น
เหมือนอาหารที่ทอดจนน้ำมันเยิ้ม เลี่ยน และหาประโยชน์ไม่ได้
แล้วหากเราจะเป็นอย่างที่ชมจริง จะสูงและหุ่นดีอย่างศิริต้า จะหน้าสวยเป๊ะเหมือนนุ่นวรนุช หรือผิวขาวออร่าแบบเกรช กาญจน์เกล้า
...แต่นี่ ผิวรึก็สีแทน(แทนที่จะขาว..) หน้าก็งั้นๆ แถมยังอ้วนและเตี้ยอีกตะหาก
...ชมว่าฉลาดยังน่าเชื่อกว่า....(อุ๊บส์)
เราไม่รู้ว่าน้องจะชมแบบนี้ทำไม เราเคยอ่านหนังสือ เขาว่า การชมแบบเวอร์ๆนั้นมักมีเหตุผลเคลือบแฝงเสมอ
...ไม่เคลือบในทางดี ก็ต้องเคลือบในทางร้าย
และด้วยความที่เราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เราจึงขอตีความในทางร้ายไว้ก่อน...
ด้วยเหตุนี้เอง นอกจากเราจะไม่ "อิน" กับคำชมของน้องแล้ว เรายังเพิ่มความสงสัยได้ในทุกครั้งที่ได้รับคำชมอีกด้วย
.......ที่กำลังจะมองในแง่ดีจึงขอระงับไว้ก่อน
นี่แหละคือที่มาของประโยคที่จั่วหัวไว้ข้างต้น อันที่จริงมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะบทเต็มๆคือ
"หากคำชมของเธอเป็นเหมือนท่าไม้ตายของโปเกมอนพลังจิต (Psychic) โปรดรู้ไว้ด้วยว่า ฉันคือโปเกมอนมาร (Dark) และจงจำไว้ว่า ธาตุมาร(Dark) นั้น ชนะทางธาตุพลังจิต(Psychic)"
ที่ยกให้เป็นท่าของพลังจิต เพราะคำชมนั้นส่งผลโดยตรงต่อจิตใจ
และอาจมีอำนาจควบคุมจิตใจ ให้หลงละเมอเผลอไผลใหลหลง...
เรียกสั้นๆว่า "สายหวาน"
แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า สายหวานคงลืมไปว่า โลกนี้ยังมีพวกที่ชาชินกับการใส่หน้ากาก เฉยเมยกับคำเยินยอ และระแวงเกินกว่าจะเชื่อทุกคำจากคนรอบข้าง
เป็นพวก "สายดาร์ก"
คำชมที่ไม่จริงใจทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้ดอก
เพราะคำชมใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน....
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมันไม่ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา
......และถูกต้องตามจริง......
และคำชมที่ผิดกาลเทศะก็จะเป็นอะไรไม่ได้เลย...
นอกจากเสียงนกเสียงกา ที่รอเวลา
ปลิวหาย....ไปกับสายลม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in