วันวาเลนไทน์ไม่เคยมีความหมายสำหรับเรา
หรือหากจะมี มันคงเป็นเพียงวันที่ซื้อสติ๊กเกอร์มาไล่แปะกัน..ในตอนเด็กๆ หรือไม่ ก็เป็นวันที่ได้นั่งมองชาวบ้านเขาจีบกันและให้ของขวัญแก่กัน
ส่วนเรา หลังพ้นวัยแปะสติ๊กเกอร์มาแล้วนั้น ก็มีบทบาทเพียงแค่เป็นผู้สังเกตการณ์ หรือไม่ก็ช่วยเพื่อนถือของ
...แค่นั้น
ผ่านวาเลนไทน์แบบโสดๆมากี่ปีแล้วน่ะหรือ เท่าอายุขัยที่ผ่านมาไงล่ะ
หรือพูดอีกที โสดมาตลอดชีวิตนั่นแหละ
แต่อย่าคิดนะ ว่าโสดแล้วจะถูกวาเลนไทน์ทำร้ายเอาได้
เคยได้ยินไหมล่ะ ที่เขาว่ากันว่า เมื่อไม่หวัง ย่อมไม่ผิดหวัง เมื่อไม่ผิดหวังก็ย่อมไม่ทุกข์
เมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยหวังว่าจะมีใครมาเดินเคียงข้างเลยสักครั้ง
ความผิดหวังย่อมไม่เคยเกิด ความทุกข์ก็ไม่มีด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เราชอบบรรยากาศของวาเลนไทน์นะ ชอบดูคนแสดงความรักแก่กัน และชอบที่มองไปทางไหนก็เจอดอกไม้สีสดใสเต็มไปหมด
สดชื่นดี จริงๆนะ
เพลินตาดีด้วยล่ะ
เพื่อนบอกว่า เพราะแกโสดน่ะซี แกจึงเฉยชากับวันวาเลนไทน์ได้ ถ้ามีแฟนนี่ไม่มีทางหรอก เพราะคนรักกันน่ะจะมีวันสำคัญแต่ละปีอยู่สามวัน
หนึ่งคือวันเกิด สองคือวันครบรอบ และสาม คือวันวาเลนไทน์
เหรอ?....
งั้นล่ะมั้ง เราไม่มีแฟนนี่นา จะอาจหาญไปมีอารมณ์ร่วมอะไรได้
แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว เราว่า วาเลนไทน์คงไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้นหรอก สำหรับเรา
เพราะคนเรา ถ้าจะรักกัน จะก่อนวาเลนไทน์ วันวาเลนไทน์ หรือหลังวาเลนไทน์ มันก็รักกันอยู่ดี ตรงกันข้าม ถ้าไม่รัก ต่อให้วาเลนไทน์มีติดกันเป็นเดือน
...ก็ไม่รักอยู่ดี
เคยคิดว่า ถ้ามีแฟนจะบอกว่า หากเราทำให้อีกฝ่ายมั่นใจได้ว่า เรารักกันในทุกวัน วาเลนไทน์นี่ก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าแต่ละวันที่อยู่ด้วยกันหรอก
แต่ก็อย่างที่ว่า ไม่เคยมี เลยไม่ขอยืนยันอะไรดีกว่า
แล้ว สังเกตไหม ทั้งๆที่วันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันแห่งความรักนั้น ไม่เคยจำกัดเลยว่าต้องเป็น "รัก" รูปแบบใด แต่คนทั่วไปมักคิดถึงแต่ความรักแบบคู่รักอยู่เรื่อยเลย
สุดท้ายเลยกระทบกระเทือนไปยังจิตใจคนโสดหลายๆคน ที่ไม่มีคู่รักกับเขาสักที ให้กระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุขกับเขาไปด้วย
ร้อนรุ่ม เพราะเฝ้าค้นหาความรักที่ตัวเองยังไม่มี จนลืมไปว่า ยังมีความรักอีกหลายรูปแบบ ที่เราเป็นเจ้าของอยู่
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนฝูง พี่น้อง พ่อแม่ สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ ทีมฟุตบอลทีมโปรด...
เห็นมั้ย ความรักรอบตัวยังมีตั้งมากมาย
หันกลับมาดูแลความรักที่อยู่ในมือเราก่อนดีไหม?
ด้วยคิดแบบนี้เอง เราจึงไม่เห็นด้วยกับบรรดาความคิดที่ว่า "วันวาเลนไทน์คือวันฆ่าคนโสด"
บางทีก็เข้าใจได้นะ กับบางคน ที่เพิ่งจะโสดมาแบบหมาดๆ แล้วยังมีความหลังเก่าๆกับวันแห่งความรักอยู่
....แผลสด เจ็บเสมอ
หรือกับบางคน ที่เล็งใครไว้ แล้วเขาดันมีแฟนวันวาเลนไทน์พอดี อันนี้คงจุกเหมือนกัน
แต่สำหรับหลายคน ที่โสดตลอดมา แล้วมีแนวโน้มว่าจะโสดตลอดไป ก็ไม่เข้าใจว่าจะไปเป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรกับวันๆเดียว
คือ ในเมื่อ 364-365 วันที่ผ่านมา ไม่มีวี่แววใดๆว่าคุณจะได้สละโสดเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคุณคิดว่า อยู่ดีๆจะมีราชรถมาเกยเลยทันทีในวันวาเลนไทน์ เหรอคะ?
ชีวิตไม่ใช่นิยายสิบสตางค์นะคู้ณณณณ
แล้วที่บอกว่าเห็นคนมีความรักแล้วรู้สึกเดือดร้อน คุณไม่ได้เดือดร้อนเพราะเขารักกันหรอก(เว้นแต่คุณเล็งใครไว้แล้วเขาไปคู่กับคนอื่น)
คุณแค่ร้อนเพราะคุณอยากมี แต่คุณไม่มี แค่นั้นแหละ
ดังนี้ จะเห็นได้ว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนมาจากใจเราโดยแท้ วาเลนไทน์ไม่ได้ทำอะไรเราเลย
วันวาเลนไทน์ไม่เคยฆ่าคนโสด มีแต่คนโสดนั่นแหละฆ่าตัวเองตายวันวาเลนไทน์ ไม่ว่าจะฆ่าจริงๆหรือฆ่าความสุขในใจก็ตาม
เราไม่ได้เครียดกับการไม่มีแฟน เพราะเรารู้สึกว่าชีวิตตอนนี้มันมีเรื่องให้เครียดเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มอีก (แต่ยอมรับว่าแอบรำคาญเวลาเจอคนถามว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที)
และเราก็ไม่ได้เดือดร้อนกับการไม่มีแฟน เพราะตอนนี้เรากำลังโฟกัสกับความสำเร็จในหน้าที่การงานและการตามความฝันมากกว่า
อันที่จริง เราเชื่อในความรักนะ เชื่อว่ารักที่ดีมีจริง และคนรักที่แสนดีก็มีตัวตนจริงๆ
เราแค่ไม่คิดว่ามันมากพอสำหรับทุกคน เท่านั้นเอง
และวาเลนไทน์ปีนี้ยังคงเหมือนทุกปี ที่ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นกับชีวิตเรา
จะต่างก็ตรงที่ ในโลกแห่งการทำงานนั้น ไม่ได้มีการให้ของขวัญหรือฉลองอะไรแบบเวอร์วังเช่นสมัยเรียน
แต่จะมีมากแค่ไหนมันก็แค่ทำให้เรามีอะไรดูเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น
สำหรับเรา วาเลนไทน์ยังคงเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง
ที่เป็นแบบนี้ทุกปี และคงจะเป็นแบบนี้...เรื่อยไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in