เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 8
  • ……….

     

    ตอนที่ 8 : รู้สึกตัว

     

    “พักหลังมานี้พวกกลายพันธุ์มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ” มาคัสเอ่ยขึ้นขณะมองผู้คนเดินไปมาอยู่ในเคลโอส่วนใน เขานั่งกินกาแฟยามบ่ายกับหลุยส์เพื่อนสนิทของเขาบนอาคารกระจกใสเหนือพื้นเบื้องล่าง

    “อื้อ ฉันรู้แล้วล่ะ ให้ทำไงได้ ทางนี้เองก็พยายามกันเต็มที่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม”หลุยส์ตอบ ยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม

    “ท่านประธานเองก็ดูจะไม่สนใจเรื่องการแพร่ระบาดเลยสักนิด ขลุกอยู่กับไอ้โครงการมิวแทนท์อะไรนั่น”

    “ตอนนี้นายก็ไล่กำจัดพวกกลายพันธุ์จากการทดลองอยู่นี่” หลุยส์พูด หลังจากเริ่มโครงการมิวแทนท์ได้ไม่นาน การทดลองที่ผิดพลาดก็สร้างพวกกลายพันธุ์ที่โหดร้ายขึ้นมามากมายมาคัสได้รวบรวมกำลังคนในการกำจัดพวกมันไม่ให้ออกจากเมือง แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกจับไปทดลองและฉีดสารบางอย่างจนสามารถควบคุมพวกมันได้และถูกนำไปใช้ประโยชน์

    “ใช่ ตอนนี้งานหลักของทีมฉันคือกำจัดพวกมันไม่ให้ไปเพ่นพ่านข้างนอกแต่แล้วยังไงล่ะ เจ้าพวกเชื้อระบาดนั่น เราจะปล่อยไปทั้งอย่างงั้นน่ะเหรอ ” 

    “ฉันรู้ว่าที่นายเข้าร่วมกับ ALIVE ก็เพราะนายจะได้ส่วนแบ่งอำนาจในการคุมพื้นที่ที่เรายึดได้”หลุยส์พูด

    “ก็ใช่ ถ้าไม่มีไอ้หน่วยลับนั่น พวกเราก็จะมีกองทัพซอมบี้อยู่ใต้บัญชา เราจะยึดได้ทุกที่ที่ต้องการแต่พอไอ้เจ้าสี่คนนั้นมันทำลายวัคซีนควบคุมไป ทุกอย่างเลยจบ” มาคัสหงุดหงิดเมื่อต้องพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่ความผิดทั้งหมดตกอยู่กับตัว

     

    “แล้วนายคิดจะทำอะไร”

    “ฉันได้ข่าวว่าการทดลองครั้งนี้โอกาสสำเร็จสูง” มาคัสเลี่ยงคำถาม

    “ค่อนข้างสูงเลยล่ะ แล้วมันทำไมรึ? ” หลุยส์ถาม

    “มีเด็กฉันคนนึงอยู่ในการทดลอง ชื่อ พอล ฝากดูหน่อย” มาคัสว่า

    “นี่นายกำลังจะทำอะไร”

    “ก็กลุ่มลับที่ฉันเคยบอกนายไง”

    “นายทำแล้วรึ !? ” หลุยส์ตกใจเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดขึ้นมาคัสเป็นคนที่เกลียดความผิดพลาด   ยิ่งคราวนี้เป็นความผิดของตัวเองก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาต้องแก้ไขเข้าไปใหญ่

     

                กลุ่มลับที่มาคัสบอกคือการพยายามหาทางกำจัดซอมบี้ให้หมดโดยมาคัสได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ที่เขารู้จักให้ช่วยคิดหาวิธีกำจัดพวกซอมบี้  

     

    ฉากหน้าก็มุ่งป้องกันไม่ให้เชื้อระบาดแพร่ออกไปมากกว่านี้ฉากหลังก็คือหาทางกำจัดพวกที่อยู่ข้างนอกให้หมด แต่สิ่งที่หลุยส์กลัวก็คือยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็อาจทำให้มาคัสเริ่มคิดจะเป็นปรปักษ์กับเคลโอซะเอง

     

    “นายจะเอาด้วยใช่มั้ย? ” มาคัสถามสีหน้าจริงจัง ดีที่ทั้งสองนั่งอยู่ห่างจากโต๊ะอื่นเพราะบทสนทนานี้อาจไม่เข้าหูกลุ่มคนที่ภักดีกับเคลโอนัก

    “เอาด้วยอยู่แล้ว ไปไหนไปกัน”  หลุยส์ตอบ เขาเองก็เบื่องานที่จำเจอยู่ทุกวันเป็นทุนเดิมจึงมักหาสิ่งตื่นเต้นทำอยู่เสมอ แต่ลึกๆ เขาก็คิดว่าครั้งนี้อาจมากไปหน่อย

    “ต้องอย่างนี้สิเพื่อน” มาคัสหัวเราะชอบใจที่ได้ยินคำตอบเขาชำเลืองมองนาฬิกาที่ข้อมือ มันบอกเวลาว่าเขาต้องไปแล้ว

    “ดูท่าฉันต้องไปแล้ว มีอะไรต้องจัดการอีกเยอะ” มาคัสพูด  ทำท่าจะลุก

    “เดี๋ยว ฉันมีเรื่องจะบอกนายอยู่สองเรื่อง”

    “อะไรรึ”  มาคัสถามนั่งลงอีกครั้ง

    “เรื่องแรก ฉันรู้จักนักวิทยาศาสตร์อยู่คนนึง เธอชื่อ ซิลว่า ได้ยินจากวงในมาว่าเธอมีตัวยากำจัดซอมบี้”

    “คงยาก เพราะเธอยังไม่ได้ออกจากเกมส์ ALIVE ด้วยซ้ำ ป่านนี้คงกลายเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว”มาคัสว่า เขาสั่งทำลายเมืองจำลองทิ้งทั้งเมืองหลังจากที่พวกหน่วยลับเริ่มป่วน

    “งั้นเธอก็คงไม่รอด”

    “อีกเรื่องล่ะ” มาคัสเร่งถาม

    “ผู้ติดเชื้อที่นายเรียกกันว่าซอมบี้น่ะยังรักษาได้”

    “นายพูดอะไรของนาย มันจะเป็นไปได้ยังไง” มาคัสถามอย่างสงสัยแต่สีหน้าก็บ่งบอกว่าดีใจที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูดเช่นนี้

    “มันเป็นเพียงโรคระบาด ฉันว่ามันรักษาได้ มันก็แค่โรคร้ายชนิดหนึ่งเท่านั้นแหละ”

    “หรือว่าที่ท่านประธานไม่พูดเรื่องการป้องกันก็เพราะรู้ว่ามันสามารถรักษาได้”

    “เปล่าหรอก เรื่องนี้ฉันรู้คนเดียว ก็แค่คิดล่ะนะ คงต้องใช้เวลาหน่อย”หลุยส์ตอบ

    “นายทำได้อยู่แล้ว”  มาคัสลุกขึ้น ตบบ่าเพื่อนสนิทด้วยท่าทางตื่นเต้นระคนดีใจอย่างสังเกตได้ชัด

    “ก็ว่างั้น” หลุยส์ตอบ

    “งั้นฉันไปล่ะ นี่ก็นานพอสมควรแล้ว โชคดีเพื่อน”  มาคัสลุกขึ้นพร้อมกล่าวลา

    “อือ โชคดี” หลุยส์มองตามหลังเพื่อนสนิทที่เริ่มเดินทางที่แปลกออกไป

     

    ..........

     

    “คราวนี้มาได้ไกลกว่าที่คิดไว้แฮะ”  เสียงอื้ออึงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนกับผมอยู่ใต้ผืนน้ำแล้วได้ยินเสียงเพลงที่เล่นอยู่ข้างสระ

    “ใช่ ยังไม่มีใครกลายพันธุ์สักคน นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงการทดลองนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์จะเหลือก็แต่ผลกระทบเท่านั้นที่เราต้องกังวล”  เสียงอื้ออึงอีกเสียงดังขึ้น เป็นเสียงที่แตกต่างไปจากเสียงแรกดูเหมือนผมกำลังจะอยู่ในห้องอะไรสักอย่าง

     

    ผมพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเพิ่งได้สติจากการหลับใหลมายาวนาน  ผมไม่รู้สึกถึงร่างกายเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่ลืมตาผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กระทบม่านตาน้ำนั่นเอง

        

                ผมรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าตัวเองถูกตรึงแขนขาและลำตัวไว้ด้วยโซ่เหล็กผมหันหน้าไปมามองทุกอย่างรอบตัวที่แปลกใหม่และไม่คุ้นตา ผมอยู่ในหลอดทดลอง ลอยอยู่กึ่งกลางของหลอดทรงกระบอกที่ตั้งไว้บนพื้นห้องรอบตัวเป็นน้ำสีฟ้าใส มีสายระโยงรยางค์เต็มตัวไปหมด มีหน้ากากออกซิเจนครอบใบหน้า

     

                ดูเหมือนผมจะอยู่ในห้องทดลองสี่เหลี่ยมผืนผ้าห้องไม่ใหญ่มาก เหมือนห้องแล็บในหนังไซไฟ ทั่วห้องเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ผมไม่รู้จักทั้งจอมอนิเตอร์บอกค่าอะไรสักอย่าง สายไฟที่เชื่อมมายังหลอดทดลองที่ผมอยู่ 

     

                ผมพยายามออกแรงขยับร่าง แต่ไร้ผล สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือความเจ็บปวดที่แล่นไปทั้งร่าง  มันเจ็บปวดเหมือนเวลานางพยาบาลฉีดยาเข้าสู่ร่างกายแต่นี่มันยิ่งกว่านั้น

     

    “หนูน้อยขี้เซาของเราตื่นซะแล้วสิ” เสียงชายคนแรกที่ผมได้ยินก็คือบิลนั่นเองผมพยายามจะเอ่ยปากพูด แต่กลับปรากฏเป็นฟองอากาศลอยฟ่องขึ้นแทนคำพูดของผม

    “ปล่อยตัวตามสบายเถอะเจค ตอนนี้นายยังอยู่ในหลอดทดลอง น้ำรอบตัวนายช่วยลดความเจ็บปวดตั้งเท่านึงของที่นายรู้สึกอยู่คงไม่อยากคิดสินะว่าถ้าไม่มีน้ำนั่นนายจะรู้สึกอย่างไร”

     

    ผมรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกที่เคียดแค้นอย่างบอกไม่ถูกผมอยากทุบไอ้หลอดทดลองนี่ให้แตก แล้วออกไปฆ่าชายตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด

    “อย่าเพิ่งหักโหมน่าเจค ฉันรู้ว่านายมีเรื่องอยากจะคุยกับฉันเยอะอีกไม่นานนายได้คุยแน่ แต่อยู่ให้ถึงตอนนั้นซะล่ะ” บิลพูดจบก็หัวเราะร่าหันหลังเดินกลับออกไปจากห้อง 

     

    แล้วนายก็จะตายด้วยมือฉันด้วย บิล !

     

    ……….

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in